รีวิว ซีรีส์ Tale of the Nine Tailed

รีวิว ซีรีส์ Tale of the Nine Tailed กูมิโฮหรือจิ้งจอกเก้าหาง เป็นปีศาจในตำนานของเกาหลี  ซีรีส์เรื่อง Tale of the Nine Tailed ก็ไม่ใช่เรื่องแรกที่หยิบเรื่องจิ้งจอกเก้าหางมาเล่า แต่ทำไม Tale of the Nine Tailed ยังน่าสนใจจน ทำให้ต้องลองหาดู [ สปอยนิดๆนะ ]

รีวิว ซีรีส์ Tale of the Nine Tailed ด้วยความที่เป็นซีรีส์ปี 2020 วิธีการเล่าเรื่องของจะไวมากและรีบเข้าเรื่องกูมิโฮให้เร็วที่สุด ไม่อารัมภบทให้เสียเวลา เปิดเรื่องพ่อแม่นางเอกประสบอุบัติเหตุรถคว่ำซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นฝีมือกูมิโฮสักตัวนี่แหละ นางเอกในวัยเด็กก็เลยฝังใจกับเรื่องกูมิโฮ จนโตไปทำอาชีพเป็นโปรดิวเซอร์รายการทีวี ก็ยังสนใจเรื่องกูมิโฮ เลยได้พบพระเอกอีกครั้งตอนสัมภาษณ์ (พวกเขาเคยพบกันครั้งแรกตอนที่นางเอกประสบอุบัติเหตุ)

กูมีโฮ หรือ ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ตามตำนานความเชื่อของชาวเกาหลี ( ทำนองเดียวกับ ต๋าจี่ปีศาจจิ้งจอกของจีน ) ตำนานเกาหลีเชื่อว่าสุนัขจิ้งจอกตัวไหนสามารถมีอายุยืนถึง 1,000 ปี จะกลายเป็นกูมีโฮ มีพลังอำนาจแปลงกายเป็นอะไรก็ได้ และมักจะเป็นสาวสวยสุดเซ็กซี่ เพื่อล่อลวงชายหนุ่มโดยเฉพาะ ทำไมต้องทำงั้นน่ะ เพราะกูมีโฮต้องการเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ให้ได้ และการกลายร่างให้ได้สำเร็จต้องกินหัวใจหรือตับของมนุษย์ให้ได้ 100 คน โอ้ววว เป็นกูมีโฮที่น่ากลัวมากๆ แต่เกาหลีก็ทำให้มีกูมีโฮน่ารักสดใสแถมไม่น่ากลัวเลยนะ

กับเรื่องนี้ กูมีโฮถูกตีความใหม่โดย ไม่ได้เป็นผู้หญิง แต่เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี๊ดี [ เหมือนแอดเลยละอิอิ ] เสน่ห์เหลือร้ายที่สาวๆแอบกรี๊ดมาแล้ว (อีดงอุค) รับบทเป็น อียอน กูมีโฮมาดนิ่ง หล่อ เท่ อายุ 1000 ปี มีหน้าที่จัดการพวกภูติผีปีศาจ จิ้งจอกและสัตว์ในตำนานตัวอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างโลกหลังความตายและโลกมนุษย์ เขาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเมืองจนได้มาพบกับ นัมจีอา (โจโบอา) โปรดิวเซอร์สาวที่ทำรายการสารคดีเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ และตามล่าสัตว์ในตำนาน ด้วยความเชื่อว่าพวกมันมีจริงๆ เพราะต้องการตามหาพ่อแม่ของตัวเอง ที่เธอเชื่อว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่

อียอนมีน้องชายต่างสายเลือดชื่อ อีรัง (คิมบอม) ปีศาจจิ้งจอกอายุ 600ปี ลูกครึ่งกูมีโฮและมนุษย์ มีนิสัยต่างกับพี่ชายอย่างสิ้นเชิง เขาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางมนุษย์ แต่กลับเกลียดชังมนุษย์มากกว่าอะไรทั้งหมด เป็นนักล่อลวงมนุษย์ หลอกมนุษย์ว่าจะสมปรารถนา ก็ใช้ความโลภของมนุษย์เข้าล่อนั่นแหละ ตัวละครตัวนี้จะทำให้เรื่องราวเข้มข้นขึ้นแน่ๆ เพราะแต่ละซีนที่ออกมา แววมันออก

ฉากต่อสู้ต่าง ๆ ที่ออกมาทำให้สายตาคนดูพร่ามัวไปชั่วขณะ งานนี้โปดักชันเล่นแรงพอควรเพราะแต่ละซีนของ กูมีโฮตัวนี้ จะเท่ไปไหนพ่อคู้ณณณ อยากจะถามแค่นี้ ก็สมแล้วที่เป็นจิ้งจอกเก้าหางละนะ แปรงร่างทั้งทีจะแปลงมาเป็นคนขี้เหร่ไปไย ข้างฝ่ายน้องชายต่างสายเลือด (ไม่น่าเป็นพี่น้องกันเลย) ก็หล่อเหลาไม่แพ้กัน ฐานะที่เป็นปีศาจจิ้งจอกอายุ 600ปี หน้าตามันก็ต้องสูสีกับรุ่นพี่กันหน่อย ในบทของอีรัง จิ้งจอกผู้เกรี้ยวกราดและยังคงโปรดปรานที่จะกินมนุษย์คิมบอม ทำได้ไม่ผิดหวังกันเลย

เรื่องนี้เป็นโรแมนติก-แฟนตาซี-ดราม่า เพราะฉะนั้นจะขาดดราม่าและความหวานแหววไม่ได้ซึ่งที่ผ่านมาก็ใส่ปมต่าง ๆ ให้ตามติดเอาไว้แล้วอย่างจดจ่อ เริ่มตั้งแต่ปมพ่อ-แม่ของ นัมจีอานางเอกของเรื่อง ที่ตายหรือหายไปไหนก็ยังไม่แน่ชัด นางเอกเชื่อว่าทั้งสองคนยังอยู่ จนเวลาผ่านไป นางเอกโตเป็นสาวทำงานเป็นโปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์ ความเชื่อมั่นเรื่องพ่อแม่ไม่เคยจางหาย พร้อม ๆ กับความเชื่อเรื่องตำนานจิ้งจอกมีจริงก็เหนียวแน่น เลยทำให้ไม่สะทกสะท้านเมื่อพบความจริงว่า พระเอกเป็นจิ้งจอกเก้าหาง อืม มีเหตุผลๆ

ด้วยความที่บทเขียนให้นางเอกเป็นคนฉลาดมาแต่เด็ก และมีความพิเศษบางอย่างที่มนต์ของกูมีโฮใช้ไม่ได้กับเธอ แถมยังทำให้เธอและกูมีโฮตัวนี้ ต้องมาร่วมทำอะไรบางอย่างด้วยกันซะด้วย ก็จะเป็นหลาย ๆ เหตุการณ์ ที่คลุกเคล้าอยู่ในเรื่อง คนหาย คนตาย ปริศนาต่าง ๆ ออกแนวสืบสวนสอบสวน ที่ต้องแก้ไปทีละปม

เป็นซีรีส์ที่ดูได้เพลินๆสนุกใช้ได้ พล็อตก็น่าสนใจ ฉากแอ็คชั่นก็ระทึกใจ ข้อเสียคือไม่ค่อยมีฉากหักมุมให้ลุ้นเท่าไหร่ เน้นโมเมนต์พระนางมากกว่า ชอบมุกตลกเรื่องความชอบไอศกรีมช็อกโกแลตของพระเอก แต่ก็ยังมีอีกหลายมุกที่ขำโดยเฉพาะมุกของนางเอกเล่นมุกแซวพระเอกว่าเป็นกูมิโฮ มุกพวกนี้ล้ำลึก

ซีรีส์ Tale of the Nine Tailed มี16 ตอน ตอนละประมาณ 1 ชม. ถือว่าความยาวปกติของซีรีส์ ไม่ยาวมาก และไม่สั้นเกิน เพราะทีมงานอยากจะทำให้ซีรีส์มีคุณภาพ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของทีมงาน แล้วเราจะไม่รักได้ไงซีรีส์เรื่องนี้  ตั้งแต่งานภาพในซีรีส์แล้วว่าทุกฉากมีความละเอียด แฟนตาซีอลังการงานสร้างขนาดไหน เหมาะมากสำหรับดูช่วงนี้ ช่วงโควิด19ระบาด ช่วงกักตัว ติดตามได้แล้วบน Netflix

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว อนิเมชั่น นาจา เกิดอีกครั้งก็ยังเทพ New Gods: Nezha Reborn

รีวิว อนิเมชั่น นาจา เกิดอีกครั้งก็ยังเทพ New Gods: Nezha Reborn นาจา เกิดอีกครั้งก็ยังเทพ ฉบับตีความเทพจีนใหม่ อนิเมชั่นเวอร์ชั่นล่าสุดที่แตกต่างจากนาจาทุกฉบับที่เคยสร้างกันมา เมื่อเวอร์ชั่นนี้มาแนวขายกลุ่มคนดูวัยรุ่น เอาเรื่องราวของนาจาที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันอยู่แล้วมาเล่าใหม่แบบโลกดิสโทเปีย เดินเรื่องกระชับ ฉับไว ดราม่าเข้มข้น [ สปอยนิดๆ ]

รีวิว อนิเมชั่น นาจา เกิดอีกครั้งก็ยังเทพ New Gods: Nezha Reborn หลี่อวิ๋นเสียง เด็กหนุ่มเลือดร้อน ผู้รักการขับขี่มอเตอร์ไซด์เป็นชีวิตจิตใจ ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองตงไห่ ซึ่งอยู่ในโลกอนาคตที่น้ำกลายเป็นทรัพยากรที่หายาก และเมืองอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลเต๋อ หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพลและควบคุมทรัพยากรน้ำไว้แต่ผู้เดียว ในขณะที่ผู้คนส่วนมากใช้ชีวิตในสลัม

วันหนึ่งหลี่อวิ๋นเสียง และ คาชา เพื่อนหญิงรุ่นน้องที่สนิทสนมกันได้ขี่มอเตอร์ไซด์ไปในถนนตอนกลางคืนแล้วก็ต้องถูกหาเรื่องโดยลูกชายของลูกพี่เต๋อ ผู้นำตระกูลเต๋อ คาชาถูกทำร้ายจนเสียขา ทำให้หลี่อวิ๋นเสียงระเบิดความโกรธ จนเขาได้ปลุกพลังของ “นาจา” เทพเด็กที่มีพลังอัคคีร้อนแรงให้ตื่นขึ้นมา แล้วเขาก็ได้พบกับบุคคลปริศนาที่สวมหน้ากากอสูร แล้วบอกเล่าเรื่องราวของเทพนาจาที่เวียนว่ายมาเกิดใหม่ตลอด 3,000 ปี และครั้งนี้ก็มาเกิดอยู่ในตัวหลี่อวิ๋นเสียง ซึ่งทุกครั้งก็ดูเหมือนว่าโชคชะตาที่นาจาจะนำความหายนะต้องวนเวียนไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ครั้งนี้หลี่อวิ๋นเสียงก็เลือกที่จะหาทางช่วยเหลือชีวิตผู้คนมากกว่า รวมถึงการช่วยกอบกู้เมืองตงไห่จากการถูกทำลายล้าง

ตัวละครในเรื่องที่น่าสนใจมากก็คือ ซุนหงอคง จากไซอิ๋ว ถึงตัวละครนี้แม้จะออกมาไม่มากนัก แต่ทุกครั้งที่ออกมาก็ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น [ โดยเฉพาะฉากที่ว่า ฉันคือซุนหงอคงแล้วดนตรีมา แหมโคตรเทห์จริงๆ ] โดยเฉพาะความสามารถต่าง ๆ และด้านการต่อสู้ ไหวพริบและสติปัญญา และรูปลักษณ์ รูปร่าง หน้าตา หรือแม้แต่อุปนิสัย มันก็ต่างจากซุนหงอคง ที่เราเคยรู้จัก มันก็เลยทำให้เราตื่นเต้นเมื่อได้เจอกับตัวละครตัวนี้ในภาพยนตร์

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ หนังเรื่องนี้เป็นการตั้งคำถามเกี่ยวกับคติความเชื่อเรื่องเทพเจ้าจีนได้อย่างดี และมีความจิกกัดอยู่ไม่น้อย อย่างเช่นซุนหงอคง กลายเป็นบุคคลที่เบื่อหน่ายโลก เบื่อหน่ายการต่อสู้ เบื่อหน่ายของการใช้ชีวิตของความเป็นเทพของเขา การตั้งคำถามว่าหลังจากที่อัญเชิญพระไตรปิฎกแล้ว โลกก็ไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิม นี่อาจจะเป็นการตั้งคำถามว่า คติความเชื่อด้านศาสนา อาจไม่ใช่คำตอบของผู้คน ในโลกอนาคตแล้วก็เป็นได้

ฉากแอคชั่นและการต่อสู้ถือว่าสนุกมาก ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล การต่อสู้ในท้องถนน การต่อสู้ในทะเล และการต่อสู้ในวังของมังกรทะเลตะวันออก ก็ล้วนแต่ตื่นตาตื่นใจ มันสนุกจนทำให้ต้องถึงกับนั่งดูเลยทีเดียว ฉากแอ็คชั่นความสนุกในจุดนี้นะว่าหายห่วง ซึ่งถ้าหากเทียบกับอนิเมชั่นในหลาย ๆ เรื่องแล้ว บอกเลยว่ามีความโดดเด่นเกินหน้ากว่าหลายเรื่อง ซึ่งส่วนตัวผมเองสามารถเปรียบเทียบความสนุกได้กับ 9 ศาสตราเลยทีเดียว

ใครที่รู้สึกว่า นาจาเอามารีเมคบ่อยจนฝืด หรือยังติดตากับนาจาปี 2019 แนะนำเลยว่าเมื่อดูเวอร์ชั่นนี้คุณจะไม่ผิดหวัง เพราะนี่คือการนำนาจามาตีความใหม่ด้วยเซตติ้งใหม่ๆที่จับกลุ่มคนดูวัยรุ่นมากกว่าเดิม และจักรวาลเทพเซียนจีนก็จะขยายไปได้อีกเยอะ ที่สำคัญคือ มีการเอาตำนานเทพจีนอื่นๆมาแจมด้วย โดยเฉพาะซุนหงอคง เพียงแต่เวอร์ชั่นนี้จะไม่เหมาะให้เด็กเล็กดูครับ เพราะมีฉากแอบโหดหลายจุด รวมถึงฉากสะเทือนอารมณ์แทรกอยู่ในเรื่องตลอดเวลาด้วย นี่จึงเหมือนต้องการจับกลุ่มคนดูวัยรุ่นมากกว่า มีเอ็นด์เครดิตหลังจบ เรื่องนี้จะขยายจักรวาลออกไปอีกไกลมาก ไม่ว่าจะเป็น เรื่องราวของนางพญางูขาว ที่จะถูกส่งมาโลกปัจจุบัน และเทพสำคัญอีกองค์คือ เทพเอ้อหลาง ( เทพสามตา ) ที่จะมีบทบาทในภาคต่อไป รับชมได้แล้ว บน Netflix

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว อนิเมะ 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว ซีรีส์ Fate: The Winx Saga

รีวิว ซีรีส์ Fate: The Winx Saga ฉบับคนไม่เคยดูเวอร์ชันการ์ตูน เป็นอีกครั้งที่เราได้ท่องโลกเวทมนตร์สุดลึกลับ แถมยังได้หวนรำลึกความหลังไปยังวัยเด็กแสนสดใส เมื่อเรื่องราวของเหล่าแฟรี่ที่มีพลังเวทแตกต่างกันไปอย่าง วิงซ์คลับ ซึ่งเคยโลดแล่นบนจอทีวีในฉบับการ์ตูนแอนิเมชันตั้งแต่ปี 2004-2019 ได้กลายเป็นซีรีส์ฉบับคนแสดงภายใต้ชื่อ เฟต เดอะ วิงซ์ ซาก้า บนแพลตฟอร์มความบันเทิงระดับโลกอย่าง Netflix นั่นเอง [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว ซีรีส์ Fate: The Winx Saga นี่ถือเป็นซีรีส์ออริจินัลของเน็ตฟลิกซ์ที่มีกลุ่มเป้าหมายคือวัยรุ่นไปจนถึงผู้ใหญ่ โดยการบิดเรื่องราวต้นฉบับที่สดใสและฟรุ้งฟริ้ง แต่มีกลิ่นอายของความมืดมิด ให้เป็นโทนดาร์ก สมจริง และจริงจังเหมือนกับที่เน็ตฟลิกซ์เคยทำสำเร็จไปแล้วใน RIVERDALE ที่หยิบนำหนังสือการ์ตูนในเครือ Archies มาดัดแปลงให้เป็นเรื่องเป็นจักรวาลได้ จากซีรีส์การ์ตูนสำหรับเด็กผู้หญิงที่เป็นที่นิยมทั้งในไทยและต่างประเทศอย่าง Winx Club จะถูกมาดัดแปลงเป็นซีรีส์ความยาว 6 ตอนที่แฝงไปด้วยโทนเรื่องที่มืดหม่นแต่ก็ยังมีเรื่องของพลังธาตุและเหล่าแฟร์รี่ผู้ใช้พลังในการปราบเหล่าร้าย

เพียงแต่ในครั้งนี้เน็ตฟลิกซ์กล้าที่จะดัดแปลงบางส่วน ที่ทำให้แฟนคลับหลายคนถึงกับหน้าบูด ไม่ว่าจะเป็นการตัดตัวละครฟลอร่า ที่เป็นตัวละครหลักของเรื่องที่เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของอนิเมะ ให้กลายเป็นเทอร่า สาวร่างใหญ่ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเธออีกที เปลี่ยน มูซ่า สาวเอเชี่ยนผมสีน้ำเงินให้กลายเป็นสาวอังกฤษไปแทน ไหนจะรวบตัวละครแก๊งตัวร้ายอย่าง The Trix ให้เป็น บีเอทริก สาวแสบไปโดยปริยาย ตัดตัวละคร เทคน่า ออกไปอีก เรื่องของคอสตูมกับเรื่องย่อที่แค่ปล่อยออกมาก็ทำเอาทุกคนกรีดร้อง ว่าตกลงมันใช่ Winx Club จริงเหรอ

ไม่ต้องปูเรื่องอะไรมากครับ แค่ตอนแรกก็เดินเรื่องทันทีแล้วค่อยมาเล่าปมทีหลัง แค่ยี่สิบนาทีตัวละครต่างๆ ที่สำคัญ ก็มาให้เราได้รู้จักถึงบุคลิก นิสัยใจคออย่างรวดเร็ว ไม่มีอืดอาดยืดยาด ไม่ออกนอกทะเล เล่าเรื่องเร็ว ปล่อยประเด็นไปแบบเรื่อยๆ แต่ค่อยๆ ทิ้งเชื้อความน่าสนใจไว้แต่ละตอน แต่หลังจากนั้นมันจะหักมุมใส่คนดู เล่าเฉลยว่าเป็นแบบนี้ สรุปเป็นอีกแบบ และยังมีเรื่องของความรัก มิตรภาพและพลังธาตุที่ปูมาเป็นระยะๆ ควบคู่กับปมปัญหาของตัวละครที่ใส่เข้ามาอย่างพอดิบพอดี ผสมกับฉากต่อสู้ที่ชวนให้ลุ้นระทึกในแต่ละตอน

ตัวละครทุกตัวก็ไม่ถูกทิ้งมีบทเด่นโชว์พลังเป็นของตัวเองในทุกตอน จบตอนนึงแล้วต้องเปิดดูตอนต่อไป อารมณ์ก็ต่อเนื่องมีทั้งสุข เศร้า เหงา โกรธ และตะลึง โชคดีที่ซีรีส์มีเพียง 6 ตอน แต่มันกลับสร้างความน่าสนใจภายใต้ความไม่หวือหวา เหมือนพยายามให้เราได้เห็นไปกับตัวละคร ก่อนจะพลิกล็อคให้หงายหลังกันเล่น ซึ่งผมว่ามันเวิร์คใช้ได้มาก เพราะแค่ดูตอนแรกจบ ผมก็รู้สึกว่านี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ กลายเป็นว่าพอไม่คาดหวังแล้วมันกลับเกินคาด

นอกจากตัวละครผู้ดำเนินเรื่องแล้ว สิ่งที่น่าประทับใจสำหรับ Fate: The Winx Saga นั่นคือการปรับบรรยากาศการดำเนินเรื่องให้มีความสมจริง มีที่มาที่ไป ไม่ขายฝันจนกลายเป็นซีรีส์สำหรับเด็ก รวมไปถึงงานสร้างที่มีความอลังการ ฉาก แสง สี เสียง รวมทั้งซีจีพลังเวทมนตร์ก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดี แต่หวังว่าจะดีขึ้นอีกในซีซั่นต่อไป ติดอยู่ไม่กี่อย่างคือจำนวนตอนที่น้อยไปหน่อย จนกระทบต่อการดำเนินเรื่องบางช่วงบางตอนที่เร็วจนเกินไป ขาดการเล่ารายละเอียดที่มาที่ไปอย่างน่าเสียดาย และยังมีบทพูดที่คนธรรมดาไม่พูดกันในชีวิตประจำวันหลุดเข้ามาจนขัดอารมณ์เล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม แค่ซีซั่นแรกก็ทำออกมาได้ดีจนติดอันดับซีรีส์ยอดฮิต ทะยานขึ้นอันดับ 1 บน Netflix ในหลายประเทศและคาดหวังว่าซีซั่น 2 จะมีอะไรให้ตื่นเต้นมากขึ้น สามารถรับชม Fate: The Winx Saga ได้แล้ววันนี้ทาง Netflix รับรองว่าเหล่าแฟรี่จะพาทุกคนเพลิดเพลินไปกับการท่องโลกเวทมนตร์ครั้งนี้อย่างแน่นอน

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว ซีรีส์ LUPIN จอมโจรลูแปง

รีวิว ซีรีส์ LUPIN จอมโจรลูแปง จอมโจรลูแปง ซ้อนแผนปล้นสุดคาดเดา จากนิยายชื่อดังสู่ซีรีส์จอมโจรแผนซ้อนแผน ห้ามพลาด [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว ซีรีส์ LUPIN จอมโจรลูแปง ลูแปง หนึ่งในตัวละครสุภาพบุรุษจอมโจรบรรลือโลกของมัวริซ เลอบลองก์ที่มีต้นกำเนิดมาต้้งแต่ปี 1905 หรือร่วมร้อยกว่าปีแล้วแถมยังส่งอิทธิพลไปทั่วโลก อย่างฮ่องกงเองโกวเล้งก็หยิบยืมคาแรกเตอร์ลูแปงไปแต่งองค์ทรงเครื่องเพิ่มกำลังภายในและเสน่ห์ต่อสาวๆ จนกลายเป็นจอมโจรจอมใจชอลิ้วเฮียง เมื่อ 50 กว่าปีก่อน

หรือจะเป็นมังงะของญี่ปุ่นอย่าง Lupin the 3rd ซึ่งทั้งสองเรื่องต่างก็ได้รับการสานต่อมีทั้งภาพยนตร์ชุดและภาพยนตร์แอนิเมะตามมาตามความนิยม และในวันนี้ประเทศต้นกำเนิดอย่างฝรั่งเศสก็ได้สร้างซีรีส์ที่ได้แรงบันดาลใจ จากตัวละครจอมโจรบันลือโลกรายนี้โดยจะแบ่งสตรีมมิงเป็น 2 พาร์ตโดยพาร์ตแรกจำนวน 5 ตอนได้ลงสตรีมมิงทาง Netflix แล้ววันนี้

Lupin หรือลูแปง สุภาพบุรุษจอมโจร เวอร์ชั่นนี้เป็นผลงานซีรีส์ Netflix ฝรั่งเศสที่นำ อาร์แซน ลูแปง ของ มอริส เลอบล็อง นักเขียนชาวฝรั่งเศส มาต่อยอดสร้างเป็นเรื่องใหม่ โดยหยิบเอาเรื่องพื้นฐานความนิยมของลูแปงดั้งเดิมที่มีแฟนๆ รู้จักจำนวนมากในโลก มาสร้างให้เสมือนตัวเอกจากนิยายเรื่องนี้มีตัวตนจริงๆ ขึ้นมาในเรื่อง โดยใช้ประโยชน์จากเรื่องที่ลูแปงไม่เคยถูกจับได้ ดังนั้นเขาจึงเป็นใครก็ได้ และก็ไม่ได้ต้องชื่อลูแปงจริงๆ ก็ได้ ซึ่งก็คือ “อัสซาน” ตัวเอกในเรื่องนี้ที่มีความสามารถในการโจรกรรม ความสามารถปลอมแปลงโฉม และไหวพริบในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างอัจฉริยะ ไม่ต่างอะไรกับลูแปงในนิยายเลยแม้แต่น้อย ยกเว้นเพียงแค่ว่าเขาเป็นคนผิวดำเท่านั้น

ซีรีส์นำเสนอเรื่องราวของลูแปงในแบบเน้นสืบสวนล้างแค้นให้พ่อของตัวเอกอัสซานที่แทนตัวเองว่าลูแปง มากกว่าจะเป็นแนวโจรกรรมใหญ่ๆ ที่มีแค่ตอนแรกของซีซั่นเท่านั้น ด้วยความที่ซีรีส์เรื่องนี้มีเพียง 5 ตอนจบซีซั่น 1 เรื่องราวจึงกระชับมาก ตอนแรกเป็นตอนที่เรียกว่าโชว์สกิลการวางแผนโจรกรรมให้คนดูเชื่อว่าอัสซานเก่งขนาดลูแปงจริงๆ ที่มักมีแผนซ้อนแผนเหนือชั้นกว่าที่เห็นเสมอ ซึ่งก็ถือว่าทำได้ว้าวพอสมควรกับวิธีโจรกรรมเพชรออกไปจากพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ที่แนบเนียนและก็ดูน่าเชื่อถือว่าเป็นจริงได้ระดับหนึ่ง แม้จะมีความไม่เนียนในบางจุดก็ตาม

ในทุกตอนจะมีฉากที่ให้พระเอกได้โชว์ไหวพริบการเอาตัวรอดกับแผนการที่วางไว้เหนือชั้น ซึ่งก็ดูแล้วลุ้นสนุกในระดับหนึ่งพอสมควรในระดับซีรีส์ แต่ไม่ได้มีฉากใหญ่โตแบบตอนแรกที่เป็นการโจรกรรมใหญ่สุดในเรื่อง ซึ่งดูลงทุนมากสุดแล้ว ก็น่าเสียดายที่ว่าหลังจากนั้นไม่ได้มีฉากพีคกว่านี้ และก็จบซีซั่นไปแบบค้างคาเรื่องราวไว้กลางทางกันเลย โดยไม่มีฉากใหญ่โตปิดท้ายเรื่องตามแบบหนังแนวนี้ ทำให้รู้สึกไม่อิ่มไม่สุดกับเรื่องราวที่ทำมาแค่ 5 ตอนจบเท่านั้น

ถือว่าเป็นซีรีส์ที่ขอแนะนำเลย แม้ว่าคุณไม่ได้อ่านนิยายหรือดูมังงะ ภาพยนตร์ใดๆ ก็สามารถดูเรื่องนี้ได้สนุกๆ แน่นอนเผลอๆ อยากจะหานิยายจอมโจรลูแปงมาอ่านเลยละ สำหรับใครที่อยากดูเรื่องนี้ สามารถรับชมได้ทาง Netflix

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง 9 ศาสตรา 9 weapons

รีวิว หนัง 9 ศาสตรา 9 weapons แอนิเมชั่นฝีมือคนไทย งานภาพสุดยอด งานเสียงจัดเต็ม 9 ศาสตรา ภาพยนตร์แอนิเมชั่นผสมผสานเรื่องราวแฟนตาซีกับมวยไทย [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว หนัง 9 ศาสตรา 9 weapons ในโลกของ 9 ศาสตรานั้นว่าด้วยเรื่องราวของมนุษย์ที่อยู่ร่วมกันกับสิ่งมีชีวิตหลากหลายเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ โดยรามเทพนครเมืองมนุษย์ที่เคยรุ่งเรืองนั้นตกอยู่ในการปกครองของคนยักษ์ และจับมนุษย์ไปเป็นทาส

เรื่องราวถูกเล่าผ่าน “อ๊อด” เด็กหนุ่มที่ชะตาลิขิตให้เป็นส่วนหนึ่งในการกอบกู้อาณาจักร รามเทพนคร แผ่นดินเกิดของเขาให้รอดพ้นอำนาจของ เทหะยักษา

อ๊อด ได้ฝึกฝนเคี่ยวกรำ ร่ำเรียนศิลปะการต่อสู้มวยไทย จากครูมวยอันดับหนึ่งของแผ่นดิน อ๊อด มีภารกิจอันยิ่งใหญ่ ในการนำสุดยอดศาสตราวุธ 9 ศาสตรา ไปมอบให้องค์ชายรัชทายาทแห่ง รามเทพนคร เพื่อใช้ในการกอบกู้อาณาจักร พร้อมกับพลพรรคเพื่อนพ้อง

รู้สึกแย่มากที่เคยมองข้ามและเพิกเฉยหนัง 9 ศาสตรา แอนิเมชั่นฝีมือคนไทยเรื่องล่าสุด เพราะพอได้ดูจริงๆ แล้วต้องยอมรับเลยว่า ถ้าเราไม่ได้มาดู มันจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่สุดในรอบปีเลยก็ได้ ใครที่ยังแอบปรามาสหนังเรื่องนี้อยู่ ขอให้เปิดใจเลยนะ แล้วมันจะเบิกเนตรของเราจริงๆว่า คนไทยสามารถทำหนัง รวมถึงแอนิเมชั้น ได้ไม่แพ้ชาติใดในโลก หากตั้งใจ มีทุน และได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่

สำหรับเรื่องนี้คำว่า อนิเมชั่นที่ดีที่สุดของคนไทย ไม่ใช่แค่คำอวยหากแต่คือเรื่องจริง หนังสนุกจริง ดีจริง งานสกอร์และงานภาพละเอียดสมจริงเทียบชั้นฮอลลีวูดได้สบาย  ( ดีกว่าของเมืองนอกหลายๆ เรื่องเสียอีก ) ฉากแอ็คชั่นซึ่งมีเยอะแทบทั้งเรื่องก็มัน ไม่เบื่อเลย

เนื้อเรื่องค่อนข้างเป็นเส้นตรงเดาได้ตั้งแต่ต้นจนจบ และเป็นแบบสำเร็จรูปทั่วไป แต่กลับมีวิธีการเล่าเรื่องในแบบเฉพาะตัวที่ทำให้คนดูสนุกไปกับมันได้ไม่ยาก และยังแฝงไว้ซึ่งกิมมิคต่างๆ ซึ่งถ้าไม่สังเกตดีๆแล้วละก็ อาจโดนหักมุมใส่หน้าชนิดไม่ทันตั้งตัวเลยทีเดียว

พล็อตค่อนข้างปูมาแน่นในระดับหนึ่ง มีจังหวะการสอบรับที่โคตรพอดีกันมากๆ จนทำให้พล็อตของทั้งเรื่องดูสมจริงสมจัง และเข้าถึงง่ายในเวลาเดียวกัน แต่ก็ติดอยู่ที่ฉากปล่อยของ ( ของแต่ละตัวละคร ) ที่มันมาง่ายเหลือเกิน พอมาทีเหมือนเติมบัตรทรูอ่ะ ผ่านด่านชนะง่ายจังฟระ ทำให้อุปสรรคในเรื่องดูลดลงไปมาก คือเดาได้เลยว่าถ้ามาปูมาแบบนี้ ต้องแก้ทางด้วยสิ่งนี้แน่ ซึ่งมันก็ถูกหมดเลยตามทุกอย่างที่เดา โดยไม่ต้องใช้เซลล์สมองมากนัก

 และด้วยประการทั้งปวงนี้ ไม่ต้องมัวสงสัยเลยว่าจะคุ้มค่า เสียเวลาดูรึเปล่า หนังแอนิเมชั่นไทยก็คงจะอีหรอบเดิมกับก้านกล้วยรึเปล่า? ถ้าใครคิดแบบนั้น ขอบอกเลยว่าคุณคิดผิด แค่ความสนุก ความมันส์ ก็กินขาดจริงๆใครไม่ดูถือว่าพราดจริงๆ

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว อนิเมะ 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว ซีรี่ส์ The New Legends Of Monkey

รีวิว ซีรี่ส์ The New Legends Of Monkey ตำนานราชาวานรไซอิ๋ว ฉบับออสเตรเลีย  ดัดแปลงใหม่เน้นแฟนตาซี ดูได้ทั้งครอบครัว ซุนหงอคง แสดงโดย ชัย แฮนเซ่น นักแสดงลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย เป็นเวอร์ชั่นที่เน้นดูสนุก ย่อยง่าย [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว ซีรี่ส์ The New Legends Of Monkey ต้นฉบับไซอิ๋ว เป็นวรรณกรรมจีนคลาสสิกที่คนไทยคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ในเรื่องต้นฉบับนั้นดัดแปลงมาจากเรื่องจริงในประวัติศาสตร์ในสมัยราชวงศ์ถัง ตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าถังไท่จงฮ่องเต้ ซึ่งเป็นยุคที่พุทธศาสนากำลังเริ่มเฟื่องฟูในจีน เวลานั้นมีพระภิกษุสงฆ์หนุ่มรูปหนึ่งคือ “พระเสวียนจ้าง” ซึ่งท่านได้พบว่าในวงการพุทธศาสนาของจีนกำลังมีปัญหาตีความเรื่องคำสอนที่แตกต่างกันจนเกิดแตกแยกเป็นนิกายย่อยต่างๆ ดังนั้นพระเสวียนจ้างจึงตัดสินใจออกเดินทางไปยังอินเดีย เพื่อศึกษาและแปลคำสอนจากพระไตรปิฏกฉบับจริง แล้วอัญเชิญมาที่เมืองจีน

เพียงแต่การเดินทางมีอุปสรรคมาก เพราะสมัยนั้นเป็นช่วงที่สงครามรวมแผ่นดินเพิ่งยุติ ถังไท่จงมีคำสั่งห้ามพลเมืองจีนออกเดินทางไปต่างเมือง พระเสวียนจ้างจึงต้องลักลอบเดินทางออกจากเมืองฉางอันไปทางตะวันตก ข้ามทะเลทรายโกบี ผ่านเมืองต่างๆ ใช้เวลาเดินทางทั้งไปและกลับร่วมนับสิบปี ฝ่าฟันอันตรายจากโจรร้าย สัตว์ป่า ภูมิประเทศที่ยากลำบากมากมาย เมื่อเดินทางกลับมาแล้ว ก็นำพระไตรปิฏกขึ้นถวาย ถังไท่จงทรงยินดีมาก จึงแต่งตั้งเป็นพระถังเสวียนจ้าง หรือ พระถังซำจั๋ง ที่คนไทยรู้จักกัน แล้วพระถังก็คัดลอกและแปลพระไตรปิฏกมาเป็นภาษาจีนออกเผยแผ่ ส่งผลทำให้พุทธศาสนารุ่งเรืองในจีนมากตั้งแต่นั้น แล้วพระถังก็เขียนบันทึกการเดินทางของตนไว้ ในชื่อ “บันทึกสู่ตะวันตก”

จากเรื่องราวที่ว่านี้ ภายหลังมีนักเขียนคือ อู่เฉิงเอิน ได้ดัดแปลงการเดินทางของพระถังให้กลายเป็นวรรณกรรมที่สนุกสนาน เสริมเติมจินตานาการ เพิ่มความแฟนตาซีเข้าไป และเป็นวรรณกรรมที่มุ่งเชิดชูพุทธศาสนาให้เหนือลัทธิเต๋า แล้วสร้างตัวละครผู้ติดตามอย่าง ซุนหงอคง ตือโป๊ยก่าย ซัวเจ๋ง ซึ่งเชื่อกันว่ามาจากกิเลสในตัวพระถังแต่ละด้าน เปรียบเสมือนกิเลสที่พระถังต้องหาทางเอาชนะให้ได้ในระหว่างเดินทาง ซึ่งการเดินทางของศิษย์อาจารย์กลุ่มนี้ ก็ต้องมีการต่อสู้ปราบปีศาจ ผจญเรื่องราวต่างๆที่ทำให้คนอ่านทั่วไปชื่นชอบ แต่ในเรื่องราวของการปราบปีศาจนั้นที่จริงแล้วแฝงปริศนาธรรมต่างๆแทรกไว้ตลอดเรื่อง 

ส่วนไซอิ๋วเวอร์ชั่นของ Netflix เป็นงานสร้างจากทางออสเตรเลีย ในชื่อว่า The New Legends Of Monkey หรือในชื่อภาษาไทยคือ ตำนานราชาวานร ซึ่งก็ดัดแปลงเรื่องราวของ ซุนหงอคง และพระถังซำจั๋ง ออกมาในรูปแบบใหม่ที่ย่อยง่าย เน้นกลุ่มคนดูเด็กและวัยรุ่น ดังนั้นก่อนอื่นมีคำแนะนำว่า คนที่จะดูไซอิ๋วฉับบออสเตรเลียของ Netflix เวอร์ชั่นนี้ ให้ลบภาพของไซอิ๋วเวอร์ชั่นก่อนหน้าออกไปให้หมด เพราะแทบไม่มีอะไรเหมือนกับต้นฉบับเลย นอกจากการยืมชื่อตัวละคร และยืมอะไรบางอย่างจากต้นฉบับมาแปลงใหม่

โดยเนื้อเรื่องกล่าวถึง โลกในยุคมืดที่เหล่าปีศาจเข้าครอบครองโลกทั้งหมด ส่วนบรรดาเทพเจ้าที่เคยดูแลพิทักษ์โลกกลับถูกทำลายล้างไป เทพที่เหลืออยู่ก็ต้องใช้ชีวิตหลบซ่อนตัว ในขณะที่ ซุนหงอคง หนึ่งในนักรบเทพเจ้าที่มีพลังแกร่งกล้ากลับถูกผนึกไว้ในก้อนหินเป็นเวลา 500 ปี และมีคำทำนายว่า สักวันจะมี “พระถังซำจั๋ง” มาปลดปล่อยเขาออก แล้วเดินทางรวบรวมพระคัมภีร์ที่สูญหายและแยกเป็นส่วนๆไว้ให้กลับคืนมา นำโลกกลับสู่แสงสว่างอีกครั้ง

ไซอิ๋ว ฉบับออสเตรเลีย The New Legends Of Monkey ดัดแปลงใหม่เน้นแฟนตาซี ดูได้ทั้งครอบครัว ซุนหงอคง แสดงโดย ชัย แฮนเซ่น นักแสดงลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย เป็นเวอร์ชั่นที่เน้นดูสนุก ย่อยง่าย แต่คนที่ชอบไซอิ๋ว และดูของจีนมาหลายเวอร์ชั่นแล้ว อย่าคาดหวังอะไรมาก เพราะเป็นแนวสูตรสำเร็จ ไม่ได้มีอะไรฉีกแนวแปลกใหม่มากนัก เป็นไซอิ่วฉบับ Netflix ของออสเตรเลียที่สามารถดูได้เพลินๆทั้งครอบครัว เหมาะให้เด็กที่เริ่มต้นดูไซอิ่วลองดูฉบับนี้ก็ยังได้ครับ

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว ซีรี่ส์ Goedam ผีบ้าน ผีเมือง

รีวิว ซีรี่ส์ Goedam ผีบ้าน ผีเมือง ซีรี่ส์เรื่องสั้นสยองขวัญจากเกาหลี สยองสั้นกระชับหลอนจัดหมาหอนกันเลย [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว ซีรี่ส์ Goedam ผีบ้าน ผีเมือง เป็นซีรีส์แนวผีๆ ของทางเกาหลีครับ ลงฉายในสตรีมมิ่งอย่าง Netflix มาในรูปแบบของเรื่องสั้นเป็นตอนๆไป เฉลี่ยอยู่ที่ตอนละประมาณ 8-10 นาทีเท่านั้น โกดัม นี้ก็เป็นภาษาเกาหลีที่แปลว่า เรื่องเล่าเกี่ยวกับผี และเน็ตฟลิกซ์ไทยก็แปลมาว่าผีบ้าน ผีเมือง นั่นเอง และซีรีส์สั้นฉบับที่ลงในเน็ตฟลิกซ์นี้ก็มีความยาว 8 ตอน แต่ละตอนจบในตัวด้วย ก็เรียกว่าคัดมาแบบเน้น ๆ เข้าประเด็นกันไวเลยทีเดียว

ด้วยความยาวที่ว่ามาทำให้ผู้สร้างเน้นไปที่การปูเรื่องแล้วพาเข้าฉากสยองให้ไวที่สุด ความรวบรัดนั้นทำให้หนังแต่ละตอนดูวูบวาบมากด้วยจังหวะการเล่า และภาพความสยองที่รุนแรงจัด ๆ อย่างผีที่ร่างโชกเลือด ตัวบิดเบี้ยว หรือร่างกายอวัยวะขาดจากกัน คือสะใจสายโหด สายไม่เยิ่นเย้อเลย แถมนักแสดงส่วนใหญ่ก็หล่อสวยหน้าตาดีเจริญหูเจริญตาตามสไตล์เกาหลีด้วย

ในแต่ละตอนก็จะมีผีออกมาแตกต่างกันไป ซึ่งก็เหมือนกับตำนานเรื่องผีที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายๆ ประเทศนั่นแหละครับ มีทั้งเรื่องในโรงเรียน ผีลิฟท์ ผีแท็กซี่ ผีธรณีประตู ผีคนทรง ไปจนกระทั่ง ผีโซเชียลยังมีเลย

สำหรับแต่ละตอนก็มีความน่าสนใจและคล้ายตำนานเมือง เรื่องเล่าผีที่คล้ายๆ กันในประเทศฝั่งตะวันออก อย่างตอนแรกที่ว่าด้วยเรื่องของนักเรียนหญิงที่นั่งหลังโต๊ะเพื่อนที่เสียชีวิตทำให้รู้สึกไม่สบายใจ เวลามองที่ดอกไม้ไว้อาลัยที่อยู่บนโต๊ะตัวหน้า เธอเลยขอตัวไปห้องน้ำ แล้วจากนั้นห้องข้างๆ ก็มีเสียงประหลาด หรือตอนเรื่องของเด็กผู้หญิงที่ฆ่าตัวตายโดยกระโดดให้รถทับจนตัวขาด แล้วกลายเป็นเรื่องหวาดผวาของเพื่อนร่วมชั้น ก็มีความคุ้น ๆ เรื่องเล่าที่เคยได้ยินมา แต่มีรายละเอียดและความน่ากลัวด้านภาพเสริมจนเหวอไปเลยเวลาดู

ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องหายไปเพื่อให้เรื่องรวบรัด แต่ก็ดูเป็นความจงใจของการเล่าเรื่องคือ คำอธิบาย ในแต่ละตอนนั่นเอง บางตอนคนดูพออนุมานได้ว่าทำไมตัวละครนี้จึงต้องเผชิญเรื่องนี้ หรือผีตนนี้ทำไมต้องอาฆาตรุนแรงนัก แต่หลายๆตอนก็ปล่อยว่างเป็นพื้นที่สุญญากาศที่ให้จินตนาการผู้ชมหาเหตุผลเอาเอง

ทั้งนี้ก็ทิ้งคำใบ้นิดๆ หน่อยๆ ไว้ในตอนอื่น ๆ พอให้เชื่อมได้ว่าทุกเรื่องอยู่ในจักรวาลเดียวกัน หรือบางครั้งก็อยู่ในพื้นที่เดียวกันนั่นเอง ต้องขอบอกนะว่าหนังเรื่องนี้เป็นแค่ตอนสั่นๆ เท่านั้นซึ่งถ้าหากท่านดูแบบเผลินๆ ก็อาจจะมีงงบ้างสักหน่อยกับการที่ไม่มีที่ไปที่มาของเรื่อง สำหรับแต่ละตอน

เป็นซีรีส์แนวผีๆ ของทางเกาหลี ลงฉายในสตรีมมิ่งอย่าง Netflix มาในรูปแบบของเรื่องสั้นเป็นตอนๆ  ถ้าอยู่บ้านว่างๆ อยากหาอะไรหลอนๆ ดู แอดแนะนำเลย เรื่องนี้หลอนเข้าตาแน่ๆ และอย่างที่บอกว่ามันเป็นซีรี่ส์สั้น แอดใช้เวลาดูทั้งหมด 8 ตอนรวบยอดเลยไม่ถึงชั่วโมงครึ่งเลยครับ ลองหาดูกันครับ ซีรีส์ผีเกาหลี ที่ Netflix

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl คืนชีพกองทัพโจรสลัดสยองโลก

รีวิว หนัง Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl คืนชีพกองทัพโจรสลัดสยองโลกย้อนกลับไปปี 2003 หนังโจรสลัดที่ดังมาก ๆ อย่าง Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl  ภาพยนตร์ไตรภาคที่สร้างชื่อให้กับ Johnny Depp ในบทบาท กัปตัน แจ็ค สแปร์โรว์  กัปตันที่เหมือนไม่เต็มบาทที่พยายามเอาตำแหน่งกัปตันตัวเองคืน

รีวิว หนัง Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl คืนชีพกองทัพโจรสลัดสยองโลก เรื่องราวเริ่มต้นที่เรื่องราววัยเด็กของ อลิซาเบธ สวอนน์เด็กสาวลูกเจ้าเมืองที่กำลังเดินทางกลับไปยังบ้านเกิด พอร์ต รอยัล บังเอิญไปเห็นซากเรือที่ถูกโจรสลัดโจมตี และได้เจอกับวิล เทอร์เนอร์ ในวัยเด็ก ซึ่งวิลล์มีเหรียญโจรสลัดติดตัวมาด้วย อลิซาเบธกลัวว่าจะมีภัยกับวิลล์ จึงเก็บไว้

8 ปีต่อมา กัปตันแจ็ค สแปร์โรว มาที่พอร์ต รอยัลเพื่อปล้นเรือ ขณะเดียวกันเป็นวันที่เมืองนี้กำลังมีพิธีเลื่อนตำแหน่งของผู้การนอร์ริงตัน อลิซาเบธ ก็ได้มร่วมพิธีด้วยโดยสวมสร้อยที่มีเหรียญโจรสลัดมาร่วมงาน และได้เกิดอุบัติเหตุกับอลิซาเบธทำให้ตกลงไปในทะเล และเหรียญโจรสลัดเมื่อโดนน้ำทะเล ก็ส่งสัญญาณให้กลุ่มโจรสลัดที่กำลังตามหาเรียญ กัปตันบาร์บอซ่า เดินทางมายังพอร์ต รอยัลเพื่อจุดประสงค์บางอย่างเกี่ยวกับเหรียญโจรสลัด

ภาคแรกต้นฉบับของกัปตันแจ๊ค สแปร์โรว์ ที่ลงตัวที่สุด กลมกล่อมในด้านความบันเทิงมากที่สุด และเนื้อเรื่องหรือบทภาพยนตร์ ยังไม่ออกทะเลไปไกลมากเท่าภาคหลังๆ และสามารถเป็นงานบันเทิงแบบผจญภัยที่ดูได้ไม่เบื่อ เนื้อเรื่องหรือการเล่าเรื่องก็น่าติดตาม ดูสนุกขึ้นเรื่อยๆ ไปจนจบ มุกตลกที่สอดแทรกมาก็เล่นเอาฮากันครื้นๆ ซึ่งก็ช่วยทำให้มันดำเนินเรื่องไปด้วยความมันส์ฮาของจริงเลย ก็เลยน่าจะเป็นจุดเด่นของหนังชุดนี้เลย ที่มันจะมีอารมณ์ขันหรือมุกใส่ไปไว้ในหนัง ความน่าเบื่อระหว่างการดำเนินเรื่องเลยไม่ค่อยจะมีในหนังเรื่องนี้เพราะมันส์ทุกฉากเลยจริงๆ

ด้านงานสร้างก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ขึ้นชื่อว่าภาคแรก งานสร้างส่วนใหญ่ในหนังยังเน้นไปที่การสร้างเซ็ทฉากของจริงขึ้นมา ทั้งเรือโจรสลัด, หมู่บ้านย้อนยุค, รายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ในหนังยังดูลงทุนไปกับฉากของจริง ซึ่งเทคนิคก็ยังคงมีหน้าที่ในด้านเมคอัพหน้าโจรสลัดยามกลายร่าง มันเลยทำให้ดูอลังการมาก ยิ่งได้ เจอร์รี่ บรั๊คไฮเมอร์ ผู้สร้างมือทองจากผลงานมหามันส์ในอดีตอย่าง The Rock, Top gun, Armargeddon ฯลฯ มาโปรดิวเซอร์ให้ก็ยิ่งทำให้หนังครบองค์ประกอบทั้งความมันส์ และความยิ่งใหญ่อลังการของงานสร้าง

ส่วนดาราก็นับว่าจัดเต็มด้วย งานนี้นับว่าเป็นของตายและคงเป็นภาพติดตาไปแล้วสำหรับ จอห์นนี่ เด็ปป์ ที่เข้าขากับบทเพี้ยนๆ เท่ห์ๆ เปี่ยมไปด้วยลูกบ้าแบบ แจ๊ค สแปร์โรว์ เหลือเกิน

สรุปแล้ว คืนชีพกองทัพโจรสลัดสยองโลก ภาคแรกของกัปตันแจ๊คนี่ นับว่าเป็นอีกหนึ่งงานที่ควรลองมาชม ดูกี่รอบก็ไม่เบื่อ ครบทั้งความมันส์สะใจ ฉากแอ๊คชั่นยิ่งใหญ่ และมุกตลกฮาครื้นที่จะทำให้ดูตั้งแต่ต้นจนจบไม่ไปไหน ใครทีคิดถึงกับตันแจ็ค ก็กลับมาดูอีก ไม่มีเบื่อแน้นอนขอบอก

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง Howling Village อุโมงค์ ผีดุ

รีวิว หนัง Howling Village อุโมงค์ ผีดุ ผลงานกำกับของ ผู้กำกับหนังสยองขวัญอย่าง Ju-On และ Howling Village อุโมงค์ผีดุ ซึ่งอ้างอิงจาก อุโมงอินุนาคิ และสร้างความสะพรึงต่อชาวญี่ปุ่นจนคว้าอันดับ 1 BOX OFFICE ประเทศญี่ปุ่น [ สปอยนิดๆ ]

รีวิว หนัง Howling Village อุโมงค์ ผีดุ หนังว่าด้วยเรื่องราวเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นรอบตัวนักจิตวิทยาสาวโมริตะ คานาเดะ มี ตั้งแต่ผู้หญิงร้องเพลงเด็กพี่น้องสูญหายและปริศนาการตายต่อเนื่องที่ไม่ทราบสาเหตุเธอฉุกคิดได้ว่าทุกคนในนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุโมงค์ อินุนากิ ที่ถูกสาป คานาเดะ มุ่งไปยังอุโมงค์เพื่อตามหาความจริง

“ยูมะ” และ “อากินะ” แฟนสาวของเขา ได้เผลอรับโทรศัพท์ปริศนาที่ตู้สาธารณะ แล้วลองเข้าไปยังอุโมงค์ อินุนากิ เพื่อเล่นกิจกรรม “ทดสอบความกล้า” ซึ่งพวกเขาเกือบจะถูกฆ่าตายและดูเหมือนว่า อากินะ จะเสียสติไปแล้ว ยูมะ ได้ปรึกษากับน้องสาว “คานาเดะ โมริตะ”  จิตแพทย์ที่มีสัมผัสที่หก เพื่อหาสาเหตุของอาการของ อากินะ หลังจากนั้นไม่นาน อากินะ ก็ฆ่าตัวตาย ทำให้ยูมะได้พาพรรคพวกกลับไปที่นั่นอีกครั้ง เพื่อหาความจริง แต่เพื่อนของเขาก็เสียชีวิตอย่างลึกลับ ในตู้โทรศัพท์ใกล้หมู่บ้าน ซึ่งตั้งอยู่นอกอุโมงค์

เมื่อยิ่งสืบ ก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวของหมู่บ้านนี้ชัดเจนขึ้น มันมีเหตุบางอย่างที่ทำให้หมู่บ้านนี้ และอุโมงค์ปริศนายังคงอยู่ คานาเดะ ก็เริ่มที่จะตระหนักดีว่าบรรพบุรุษของเธอ ก็อาจเป็นสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวก็เป็นได้

อุโมงค์อินุนากิ ตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุโอกะ ที่นี่ถูกสร้างในช่วงปี 1886 และสร้างเสร็จในปี 1949 แต่ด้วยความที่อุโมงค์นี้ตั้งในป่าลึก และวังเวง ทำให้รัฐบาลได้สร้าง “อุโมงค์ใหม่ อินุนาคิ” เพื่อทดแทน ส่วนอุมฌงค์เก่านั้นถูกปิดตาย และกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมของเหล่ากุ๊ย นักซิ่งแว้น และยากูซ่า ที่มักจะเอาศพคู่อริมาทิ้งหมกไว้ที่นี่ และยังเป็นหนึ่งในที่ๆยอดฮิตในการฆ่าตัวตาย คดีฆาตกรรม

สรุปโดยภาพรวมแล้ว Howling Village อุโมงค์ผีดุ จึงเป็นภาพยนตร์ที่ทำออกมาได้ เกือบดี ภาพรวมนั้นเล่าเรื่องได้น่าสนใจ มีการผูกเงื่อนงำให้ชวนน่าติดตาม มีจังหวะจะโคนความหลอนและตกใจที่ดีงามชวนขนลุก แต่มีปัญหาในตอนจบที่รู้สึกว่าเล่นใหญ่ไปหน่อย และมีช่องโหว่อยู่บางจุด โปรดัคชั่นโดยภาพรวมนั้นทำได้โอเค ไม่ได้เน้นความล้ำมากมาย แต่ก็นำเสนอภาพด้วยเทคนิค

พิเศษสเปเชียลเอฟเฟ็คพื้นฐานได้อย่างดี สมจริง เพลงประกอบก็หลอนใช้ได้ ใครเป็นคอหนังผีญี่ปุ่น ชอบงานของผู้กำกับหนังผีจูออน ชอบฟีลหนังผีญี่ปุ่นหมู่บ้านหลอนๆ ไม่ผิดหวังแน้นอน แอดขอบอก

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง Saving Private Ryan เซฟวิ่ง ไพรเวท ไรอัน ฝ่าสมรภูมินรก

รีวิว หนัง Saving Private Ryan เซฟวิ่ง ไพรเวท ไรอัน ฝ่าสมรภูมินรก หนังสงครามอาจเป็นหนังที่หลายคนไม่ชอบ เพราะส่วนใหญ่ก็จะรู้กันอยู่แล้วว่ามันมักจบแบบใหน คือถ้าไม่อยากดราม่า น้ำตาแตกก็คงไม่ดูกัน แต่สำหรับเรื่องนี้เป็นหนังสงคราม ที่ถึงแม้คนไม่ชอบหนังแนวนี้ก็ยังต้องดู แถมยังติดอันดับหนังดี ในใจของใครหลายคนด้วย [ สปอยนิดๆ ]

รีวิว หนัง Saving Private Ryan เซฟวิ่ง ไพรเวท ไรอัน ฝ่าสมรภูมินรก นี่เป็นหนังที่มีแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง เป็นเรื่องราวของทหารกลุ่มหนึ่งในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากที่บุกขึ้นหาดได้เสร็จในวันดีเดย์ หลังจากนั้น 3 วัน ร้อยเอกจอห์น มิลเลอร์ได้ถูกมอบหมายภารกิจพิเศษโดยให้ไปตามหาและพาตัวพลทหารเจมส์ ไรอันกลับมาบ้านแบบมีชีวิต เนื่องจากพี่น้องของเขาทั้ง3คน ที่เป็นทหารเหมือนกัน ได้เสียชีวิตในสนามรบไปหมดแล้วในเวลาไล่เลี่ยกัน ( ในเรื่องจริง มีพี่น้องคนหนึ่งไม่ได้เสียชีวิต แต่ถูกทางกองทัพญี่ปุ่นจับตัวไป แต่มารู้ข่าวในภายหลัง ) นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของตระกูล

ทางกองทัพจึงอยากจะตอบแทน แม่ของไรอันโดยการตามตัวไรอัน ซึ่งเป็นลูกชายคนสุดท้องกลับคืนสู่ครอบครัวแบบเป็นๆ หลังจากที่โดดร่มแล้วหายตัวไปในสนามรบ ปฏิบัติการณ์นี้มีร้อยเอกจอห์นเป็นหัวหน้าทีม นี่เป็นภารกิจที่เสี่ยงอันตรายมาก มันจึงมาพร้อมกับคำถามอยู่ตลอดเวลาว่าคุ้มค่าแล้วหรือ ที่จะส่งกำลังทหารหลายนายเข้าไปเสี่ยงชีวิต เพื่อช่วยคนเพียงคนเดียว เพราะทหารคนอื่นก็มีครอบครัวที่ต้องกลับไปหาเช่นเดียวกัน จึงทำให้ปฏิบัติการณ์ครั้งนี้เหล่าทหารต้องสู้ทั้งศัตรูและสู้ทั้งความสับสนที่กัดกินจิตใจด้วย

หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่หลายคนยกขึ้นหิ้งว่าเป็นที่สุดของหนังสงคราม เพราะมีครบทุกรสชาติทั้งสนุก มันส์ เศร้า ซึ้งและดราม่า หนังสื่อสารกับผู้ชมถึงความโหดร้ายและความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากสงครามได้เป็นอย่างดี ฉากเปิดเรื่องประมาณ 15 นาทีแรกกับฉากตอนจบเป็นอะไรที่ประทับใจผู้ชมมานานหลายปี ฉากในเรื่องบอกเลยว่าฆ่าเป็นฆ่า เลือดเป็นเลือด ใครไม่ค่อยชอบเลือดอาจไม่เหมาะกับเรื่องนี้ แต่มันเป็นหนังดีที่ควรค่าแก่การชมจริงๆ สุดท้ายแล้วทหารมากมายได้สละชีวิตไปในปฏิบัติการณ์นี้ ไรอันได้กลับบ้านอย่างปลอดภัยพร้อมกับความรู้สึกขอบคุณและคำถามที่เกิดขึ้นในใจไปตลอดชีวิตเช่นเดียวกัน

Saving Private Ryan เป็นภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่และได้รับการจับตาเป็นอย่างมากในปี ค.ศ. 1998 อีกทั้งเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดประจำปีนั้นด้วย โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับความสูญเสียของกำลังทหารและชีวิตผู้คนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของสงคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในฉากเปิดเรื่องที่ยาวกว่า 10 นาที ที่เป็นการบุกหาดโอมาฮ่า ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสมรภูมิที่สูญเสียที่สุดของกองทัพสหรัฐอเมริกา ได้รับคำวิจารณ์ว่าทำได้เสมือนจริงอย่างมาก และหลายคนได้นำไปเปรียบเทียบกับภาพยนตร์แนวเดียวกันในอดีต อย่าง The Longest Day ในปี ค.ศ. 1962

เมื่อเข้าฉายแล้ว ได้รับการจับตาอย่างยิ่งว่าจะคว้ารางวัลได้หลายรางวัล ทั้ง รางวัลออสการ์หรือรางวัลลูกโลกทองคำ รวมทั้ง รางวัลอื่น ๆ ด้วย ซึ่งภาพยนตร์ก็คว้าได้หลายรางวัลด้วยกัน โดยเฉพาะการแสดงที่โดดเด่นอย่างมากของ ทอม แฮงค์ และเจเรมี เดวีส์ ที่รับบทเป็นพลทหารอับฮัม ที่ตื่นตระหนกตลอดเวลา เป็นเหมือนลูกไล่และจุดอ่อนของกองกำลัง

ซึ่งในระหว่างที่เข้าฉายนั้น ก็มีภาพยนตร์ในแนวเดียวกัน คือ The Thin Red Line ของทเวนตี้ เซนจูรี ฟอกซ์ เข้าฉายในเวลาเดียวกัน เสมือนเป็นคู่แข่งและคู่เปรียบเทียบ ในรางวัลออสการ์มีชื่อเข้าชิงมากถึง 11 รางวัล ประกอบไปด้วย รางวัลใหญ่ ๆ ด้วยกัน เช่น ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, บันทึกภาพยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม, บันทึกเสียงยอดเยี่ยม เป็นต้น คอหนังสงครามห้ามพราดเด็ดขาด มีให้ชมแล้วบน netflix

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

1 5 6 7 8 9 12