รีวิวซีรีส์ REMEMBER 15 ซี่รี่ส์ สยองขวัญ ไล่เชือด สัญชาติไทย

รีวิวซีรีส์ REMEMBER 15 ซี่รี่ส์ สยองขวัญ ไล่เชือด สัญชาติไทย จู่ๆทุกคนก็ได้รับข้อความปริศนาจาก ไลลา หญิงสาวที่ตายไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ลิลลี่ น้องสาวของ ไลลา ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนส่งข้อความนี้ แต่เธอก็ปฏิเสธ ทุกคนจึงจำใจกลับไปยังเกาะ ที่ทุกคนเคยไปด้วยกัน [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิวซีรีส์ REMEMBER 15 ซี่รี่ส์ สยองขวัญ ไล่เชือด สัญชาติไทย

เรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่น 12 คน ที่ไปรำลึกความหลังครบรอบ 5 ปี การเสียชีวิตของเพื่อนผู้หญิงที่ชื่อ ไลลา เธอเสียชีวิตจากการจมน้ำ เมื่อตอนมาแคมปิ้งบนเกาะร้างแห่งหนึ่งกับเพื่อนๆ ของเธอตอนอายุ 15 ปี ซึ่งการมารำลึกความหลังครั้งนี้ กลับทำให้ทุกคนต้องมาติดเกาะอยู่ด้วยกัน พร้อมกับเรื่องราวการตายอย่างปริศนา ของหนึ่งในสมาชิก ทำให้ความสัมพันธ์อันซับซ้อน ของพวกเขาทุกคนที่มีส่วนเชื่อมโยง และเกี่ยวข้องกับการตายของ ไลลา และเกี่ยวข้องกับการตายที่จะเกิดขึ้นของแต่ละคนบนเกาะแห่งนี้ ซึ่งทุกคนต้องช่วยกันเพื่อหยุดยั้งการฆาตกรรมต่อเนื่องนี้ ก่อนที่จะไม่เหลือใครมีชีวิตรอดอีก

เรื่องราวการมาติดเกาะแล้วต้องฆ่ากันเอง กับมีฆาตกรที่เป็นใครไม่รู้มาไล่ฆ่า เอาจริงๆก็ไม่ได้ใหม่มาก เป็นการวางไอเดียหนังแนวนี้ได้ดี การนำแนวไล่เชือดมาเป็นจุดขาย การไล่ล่า ฉากระทึก ฉากฆ่าโหด ซึ่งก็ต้องมีการครีเอทฉากฆาตกรรม ให้ได้อารมณ์แบบนั้นโดยไม่ลืม เรื่องความเป็นไปได้จริงประกอบด้วย ซึ่งตรงนี้ที่เป็นจุดขายของเรื่อง ส่วนที่ต้องชมจริงๆ ก็คือการดำเนินเรื่องรวมได้น่าติดตาม มีการกระตุ้นความอยากรู้ของผู้ชมว่า เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ บทสามารถต่อจิ๊กซอว์ทั้งหมด รวมกับฉากฆ่าได้อย่างดี นี่คือซีรี่ส์ที่ดีเรื่องหนึ่งเลยละ [ แอดชอบมากๆ ]

ใครที่กำลังมองหาซีรี่ส์ไทยแนวใหม่ๆ พล็อตน่าสนใจ มีความเป็นสากลเหมือนซีรีส์ต่างประเทศ REMEMBER 15 คืออีกหนึ่งผลงาน ทีดีไม่แพ้ต่างประเทศแน่นอน และจะเป็นซี่รี่ส์ที่จะกระตุ้นความเป็นนักสืบ ในตัวให้ร่วมค้นหาคำตอบ และตั้งข้อสงสัยว่าใครคือ ฆาตกรตัวจริง บนเกาะนี้ ได้อย่างแน่นอน ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว

จำนวนตอน : 12 ตอน
ประเภท : ดราม่า, สยองขวัญ, ระทึกขวัญ
กำกับโดย : เอกภพ ไป๋อารีย์
นำแสดงโดย : เวณิตา ลอยวัฒนกุล ,ประภากร ไชยรักษ์ ,พฤกษ์ พานิช ,สิทธิโชค เผือกพูลผล ,กานต์ กฤษณะพันธ์

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ซีรี่ส์ สยองขวัญ

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว Guillermo del Toro’s Cabinet of Curiosities ตู้ลับสุดหลอน

รีวิว Guillermo del Toro’s Cabinet of Curiosities ตู้ลับสุดหลอน ขอต้อนรับสู่พิพิธภัณฑ์แห่งความหลอนสุดพิสดารของ กิเยร์โม เดล โตโร ผู้กำกับฯ เจ้าของรางวัลออสการ์ และรางวัลลูกโลกทองคำจาก The Shape of Water 2017 เป็น ภัณฑารักษ์ นำชมนิทรรศการสยองขวัญ และคอลเล็กชั่นโปรด ของนักสะสมประสบการณ์หลอน ผ่านซีรีส์ 8 ตอน 8 ผู้กำกับ [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว Guillermo del Toro’s Cabinet of Curiosities ตู้ลับสุดหลอน

เรื่องสั้น 8 ตอนกับซีรีส์สุดสยองจนท้องไส้ปั่นป่วน
ซีรีส์พาเราไปทำความรู้จักกับตัวละครเต็มไปด้วยความเย็นชา ก้าวร้าว ไร้เมตตาและขาดศรัทธาในตอน LOT 36 เรื่องราวของอดีตทหารผ่านศึก ที่ยึดอาชีพประมูลโกดังประทังชีวิต ทว่าโกดังหมายเลข 36 กลับเก็บซ่อนห้องลับและสมบัติเก่าแก่ที่ไม่ควรมีผู้ใดแตะต้องมัน ทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับปีศาจร้ายมนต์ดำ และการสะกดวิญญาณ ที่เปลี่ยนชายผู้ไร้ศรัทธาให้เรียกหา พระแม่มารีในนาทีสุดท้าย

ตอนที่ 2 ซีรีส์ก็พาเราไปสัมผัสกับ ความโลภในจิตใจมนุษย์ผ่านโจรขโมยหลุมศพในตอน GRAVEYARD RATS เรื่องราวของชายสูงวัยผู้หากินกับศพ อย่างไม่เกรงกลัวภูติผีปีศาจตามหลอกหลอน แต่แล้วการขุดศพก็พาเขาไปพบมิติลี้ลับ และกองทัพหนูกินศพ เป็นตอนที่ดูแล้วทั้งสยดสยอง และน่าสะอิดสะเอียนสุดๆ

ส่วนตอนที่ 3 ดูแล้วหวาดเสียว และน่าขนลุกคือ THE AUTOPSY เรื่องราวของชายลึกลับกับปริศนาการฆาตกรรมหมู่ คนงานในเหมือง ที่ทำให้แพทย์นิติเวชต้องตกตะลึง กับสิ่งที่ค้นพบในซากศพของคนงาน การย้ายร่างของสิ่งมีชีวิตนอกโลกกำลังจะเริ่มต้นแล้ว

และมาสัมผัส​กับ ​เรื่องสั้น​ปั่นประสาทอย่าง The Outside เรื่องราวของสาวแบงค์ที่ปรารถนาจะเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งไฮโซจอมเฟี๊ยซ เธอจึงยอมละทิ้งตัวตนคนรัก ​และ​เป็น​ทาส​การตลาดจนหลงผิด ​ติดกับ​ดักกลายเป็น​คนประสาทหลอน ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งความงามตามค่านิยม​​ แม้จะต้องฆ่าใครสักคนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

อีกหนึ่งตอนที่สะเทือนใจไม่แพ้กัน PICKMAN’S MODEL ที่เชื่อมโยงโลกแห่งศิลปะ ความรัก และคุณไสยมนต์ดำเข้าด้วยกัน ภายใต้ภาพวาดสุดดาร์คของจิตรกรผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์กลับเก็บซ่อนความสยองขวัญ จนทำให้จิตกรชื่อดังอีกคนถึงกับต้องสังเวยครอบครัวให้กับแม่มดปีศาจและพิธีบูชาซาตาน

อีกตอนที่ดูแล้วสนุกมากๆ THE VIEWING เพราะเน้นบทสทนาเชิงปรัชญา การค้นหาความจริงของชีวิตในวันหมดไฟ ผ่านการตีความก้อนหินแปลกประหลาด ด้วยมุมมองที่แตกต่างของนักดาราศาสตร์ นักโลหิตวิทยาผู้มีพลังจิตศิลปินนักเขียน และคนรวย เป็นตอนที่ภาพสวยโปรดักชั่นดีงาม และไขปมปริศนาการชวนคนกลุ่มหนึ่ง มาร่วมปาร์ตี้โคเคนในเซฟเฮ้าส์สุดหรูของอภิมหาเศรษฐี

อีกหนึ่งตอนที่ดูแล้วหดหู่ DREAMS IN THE WITCH HOUSE ที่ได้รอน วีสลีย์ จากแฮรร์รี่ พอตเตอร์ มารับบทพี่ชายฝาแฝดผู้พยายามพิสูจน์ว่าโลกหลังความตายมีอยู่จริง แม้จะต้องหาเรื่องใส่ตัวอย่างการไปเช่าบ้านของแม่มดในตำนาน เพื่อแลกกับการปลดปล่อยวิญญาณของน้องสาวฝาแฝดก็ตาม

สุดท้าย THE MURMURING เมื่อกิจกรรมส่องนกริมทะเล กลายเป็นความหลอนภายใต้พฤติกรรม ผิดธรรมชาติของฝูงนกซีรีส์ยังเชื่อมโยงกับปมฝังใจในอดีต และการต่อสู้กับบาดแผล ที่ฝังรากลึกในจิตใจแม้จะเป็นตอนที่ดูแล้วเรียบๆ แต่ก็สะท้อนความเป็นมนุษย์ ได้อย่างลุ่มลึกและมีประเด็นให้เก็บมาคิดต่อได้อีกด้วย

หนึ่งในหนังสยองขวัญสั้นๆ แบบจบในตอนที่ไม่อยากให้มองข้ามคือ ซีรีส์สยองขวัญ GUILLERMO DEL TORO’S CABINET OF CURIOSITIES กีเยร์โม เดล โตโร ตู้ลับสุดหลอน ที่เรื่องราวสยองขวัญไม่ทำให้ผิดหวัง แน่นอน คอหนังสยองขัวญ เขย่าประสาท ห้ามพลาด เด็ดขาด

นักแสดง : LIZE JOHNSTON, KEVIN KEPPY, KATE MICUCCI, DAVID HEWLETT, TIM BLAKE NELSON, BEN BARNES, RUPERT GRINT, PETER WELLER
ผู้กำกับ : กิเยร์โม เดล โตโร
ประเภท : สยองขวัญ

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix  

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิวซีรี่ส์ The Sandman

รีวิวซีรี่ส์ The Sandman พบกับการท่องโลกแห่งแฟนตาซีสุดล้ำ ไปพร้อมกันกับพวกเขา The Sandman สร้างมาจากหนังสือการ์ตูน ซึ่งเป็นของค่าย DC โดยเป็นซีรี่ย์ประเภท แฟนตาซี ลึกลับ โดยได้มีนักแสดงนำหลักของเรื่องอย่าง ทอม สเตอร์ริดจ์ ที่จะเข้ามารับบท เจ้าแห่งความฝัน [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิวซีรี่ส์ The Sandman เรื่องราวเกี่ยวกับเทพแห่งความฝันที่ถูกเรียกว่า มอร์เฟียส วันหนึ่งเขากำลังจะจัดการกับลูกน้องของเขา แต่ปรากฏว่าโดนคาถาจากผู้ร่ายเวทมนตร์ในบ้านหลังหนึ่ง พร้อมถูกจับกักขังเอาไว้เป็นเวลา 100 ปี ข้าวของอุปกรณ์ของเขาถูกชายผู้ร่ายคาถาขโมยไปจนหมด แล้วถูกขโมยไปอีกทีนึง เทพแห่งความฝันไม่ยอมปริปากพูดกับใครเลยสักคน ขณะอยู่ในที่กักขังที่เป็นแก้วกระจกอย่างดี ทั้งผู้ร่ายคาถาและลูกชายของผู้ร่ายคาถามาพูดโน้มน้าวใจ หาข้อเสนอมาร้อยแปดพันเก้า

เทพแห่งความฝันก็นิ่งเฉยไม่โต้ตอบอะไรทั้งนั้น จนมาวันหนึ่งเทพแห่งความฝันได้รับการช่วยเหลือจากชายคนหนึ่ง ที่อยู่ในบ้านหลังนั้น แต่เขาจะออกมาได้จริงๆหรือเปล่า เขาจะมีชีวิตต่อไปได้อย่างไร เพราะของถูกขโมยไปหมดแล้ว ของเหล่านั้นคือพลังส่วนหนึ่งของเขา เรื่องราวของเทพแห่งความฝันจะเป็นเช่นไรต่อ ต้องไปติดตามกันได้ที่ NETFLIX

มอร์เฟียส ราชาและผู้คุมโลกแห่งความฝัน เป็นหนึ่งในเจ็ดของเหล่า ENDLESS ซึ่งเป็นเจ้าแห่งฝันร้ายที่สร้างขึ้นโดย มอร์เฟียส พร้อมกับ ลูซิเฟอร์ เป็นปีศาจที่ครองอาณาจักรนรก มอร์เฟียส จะต้องออกเดินทางไปยังโลกต่างๆเพื่อที่จะกลับไปแก้ไขความผิดพลาด ที่ตนเองเคยก่อเอาไว้ จากนั้นเขาจึงต้องหาทางเอาชนะศตรูเพื่อที่จะทำให้ตนเองฟื้นฟูลำดับแห่งจักรวาล ทั้งในควาฝันและความเป็นจริงและครั้งนี้ มอร์เฟียส ได้พบกับเพื่อนและศัตรูทั้งหน้าเก่า และหน้าใหม่ในจักรวาลและโลกมนุษย์ [ พล็อตเรื่องสุดล้ำดูสนุก CG สุดอลังการ สมจริงสุดๆ ]

ต้องบอกเลยว่าเป็นซีรี่ส์อีกเรื่อง ที่น่าดูมากๆ แนะนำให้ลองดู งานฟอร์มยักษ์ระดับนี้ยังไงก็ไม่ควรพลาด ส่วนใครจะชอบมากน้อยก็แล้วแต่ความชอบกับซีรี่ส์แนวนี้ [ ส่วนตัวแอดชอบมากๆ ออกแนวซูปเปอร์ฮีโร่ ] ต้องบอกว่าแต่ละตอนมีความเข้มข้น เอกลักษณ์เฉพาะตัว แก่นหลักของเรื่องที่จะเล่าในแต่ละตอน ซึ่งแฟนนิยายแนวแฟนตาซีน่าจะติดได้ไม่ยากเลย แถมขนดาราดังมาเพียบ ห้ามพลาดเด็ดขาดขอบอก ดูได้แล้วบน Netflix

ซีรี่ส์แนว : ผจญภัย ,แฟนตาซี ,สยองขวัญ
กำกับโดย :NEIL GAIMAN

นักแสดงนำ : ทอม สเตอร์ริดจ์,เกวนโดลีน คริสตี้,วิเวียน อาเจียมปง,BOYD HOLBROOK,CHARLES DANCE,อาซิม เชาดรี

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว แอ็คชั่น ผจญภัย สยองขวัญ

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว ซีรี่ส์ Goblin ก็อบลิน คำสาปรักผู้พิทักษ์วิญญาณ

รีวิว ซีรี่ส์ Goblin ก็อบลิน คำสาปรักผู้พิทักษ์วิญญาณ ใครที่พลาดรอบที่แล้ว ไม่ต้องเสียใจเพราะ Netflix เอามาลงให้ฟินกันแบบ ดูต่อไม่ต้องรอแล้วนะ ดูกันได้เลย 16 ตอนรวด [ สปอยนิดๆ ]

รีวิว ซีรี่ส์ Goblin ก็อบลิน คำสาปรักผู้พิทักษ์วิญญาณ เป็นเรื่องราวของ คิมชิน [กงยู] วีรบุรุษนักรบที่ถูกสาปให้เป็น ทกแกบี หรือ Goblin ผู้พิทักษ์วิญญาณที่ไม่มีวันตายและใช้ชีวิตอยู่บนโลกมา900กว่าปี และมาพร้อมกับดาบที่ปักอกอยู่ [ดาบที่ปักอกเนี่ยละคือคำสาป] ที่ไม่มีใครมองเห็นดาบเล่มนี้ นอกจากคนที่จะสามารถถอนคำสาปให้เขา ซึ่งคนๆนั้นจะได้เป็นเจ้าสาวของก็อบลิน เป็นผู้หญิงที่จะมาถอนคำสาปให้เขา โดยดึงดาบออกจากอกนั้นเอง

จนมาวันหนึ่งเขาก็ได้พบกับ จีอึนทัก [คิมโกอึน] เด็กมัธยมปลายที่เป็นคนสดใสร่าเริง และมีสัมผัสพิเศษที่มองเห็นภูติผีวิญญาณได้ จนก็อบลินรู้สึกได้ว่าอึนทัก นี้ละคือเจ้าสาวคนนั้นนั่นเอง ยมทูตสุดหล่อ [อีดงอุค] ผู้ต้องการนำวิญญาณของอึนทักไปตามหน้าที่ความเป็นยมทูตของเขา [จริงๆแล้วอึนทัก ควรจะตายตั้งนานแล้ว แต่ความที่เธอมองเห็นความตายได้ ทำให้เธอหลบหนียมทูตมาได้ทุกครั้ง และยื้อชีวิตตัวเองมาได้เป็น10ปี]

แต่ทว่ายมทูตก็พาอึนทักไปไหนไม่ได้ เพราะก็อบลินคอยปกป้องเธออยู่ จึงทำให้ยมทูตเฝ้ารอเพื่อที่จะพาอึนทึกไป จนทำให้ต้องมาพักในบ้านหลังเดียวกัน ซึ่งนั่นก็ทำให้ยมทูตได้มาพบกับสาวสวยอย่าง ซันนี่ [ยูอินนา]ทั้งคู่ก็เหมือนจะชอบกันตั้งแต่แรกที่ได้พบกัน ทั้ง2คู่เขาจะลงเอยอย่างไร รวมไปถึงก็อบลินจะตัดสินใจให้อึนทึกดึงดาบออกให้หรือไม่ ต้องมาลุ้นเอาเองนะครับรับรองว่าสนุกจริงๆ [แอดชอบมาก] และก็จะมีเรื่องฮาๆซึ่งเรียกเสียงฮาได้แทบทุกตอน

เรื่องนี้จัดเป็นเรื่องที่ใช้ตัวแสดงน้อย เพราะเนื้อหาก็จะวนเวียนอยู่ที่ชีวิตของคนไม่กี่คน และมีตัวแสดงหลักอยู่5คนหนึ่งในนั้นก็คือ ยุกซองแจ ที่รับบทเป็น ยูด็อกฮวา หลานชายเพียงคนเดียวของตระกูลยู เขาอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกับ ก็อบลินและยมทูต ซึ่งการอาศัยอยู่ด้วยกันทำให้เขารู้ความจริงเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของสองคนนี้และกลายเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยูด็อกฮวา เขาจะเป็นเด็กบ้านรวยที่ดื้อดันแต่จิตใจดีมีปัญหากับปู่

จุดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้ คือการนำเอาตำนานของชาวเกาหลีมาตีความใหม่ ทำให้ซีรีส์แปลกใหม่ แถมยังเป็นการรวมตัวกันของทั้ง2พระเอกมาอยู่ในซีรีส์เรื่องเดียวกัน นั่นคือกงยูและอีดงอุค และบทบาทของทั้งคู่ก็น่าสนใจมากไม่น้อย เพราะพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีวันตายนั่นเอง เป็นซีรีส์ที่มีครบทุกอารมณ์ทั้งแฟนตาซี ดราม่า โรแมนติก แล้วก็คอมเมดี้อย่างลงตัว แค่พล็อตเรื่องก็สนุกมากแล้ว

อีกทั้งยมทูตและก็อบลินมีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนมาก บทที่พวกเขาทั้งคู่อยู่ด้วยกันดูน่ารักและทะเล้นสุดๆ [จริงๆก็เชียร์คู่ของยมทูตมากกว่า] เพราะทั้งคู่เคมีเข้ากันได้ดีจนทำให้ดูแล้วอินตามเลย ใครที่ยังไม่เคยดูแอดคิดว่าเรื่องนี้โอเคมากเลยละนักแสดงงานดีทั้งเรื่อง การดำเนินเรื่องก็ไม่น่าเบื่อดำเนินเรื่องรวดเร็วและเข้าใจง่าย และที่สำคัญฉากสวยมากเลยให้อารมณ์เหมือนเราเข้าไปอยู่ในโลกของนิยายเลยละ

และถือว่าเป็นซีรีส์ที่มีผู้ชม และรายได้สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในเกาหลี และสร้างสถิติเรตติ้ง และแฟนซีรีส์เกาหลีแทบจะเทใจให้กับเรื่องนี้กันกันเลยก็ว่าได้ แถมเรื่องนี้ยังถือว่าทำลายสถิติตัวเองอีกด้วย และได้รับรางวัลแทซัง จากเวที Baeksang Arts Awards ครั้งที่ 53 ด้วย ใครที่พลาดรอบที่แล้วรอแก้ตัวใหม่ได้เลยนะครับเพราะ Netflix เอามาลงให้ฟินกันแบบไม่ต้องรอตอนต่อไปดูฟินๆ ยาวๆ กันไปเลย 16 ตอนรวด

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่  รีวิว ซีรี่ส์ เกาหลี

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว ซีรีส์ Haunted: Latin America

รีวิว ซีรีส์ Haunted: Latin America เรื่องผีจากทางบ้านที่หลอนแบบเฟคๆ ซีรีส์เรียลลิติ้ที่ชวนคุณมาร่วมสัมผัสเรื่องราวสุดสยองเหนือธรรมชาติ ที่อธิบายไม่ได้จากประสบการณ์ของผู้คนมากหน้าหลายตา ผ่านการจำลองเหตุการณ์ที่หน้าขนลุก [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว ซีรีส์ Haunted: Latin America หลอน ลาตินอเมริกา ซีรีส์ที่ยืมชื่อหนังผีแนวทางของอเมริกามาใช้ แต่เป็นเรื่องที่เกิดในเม็กซิโกกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา ที่มีสไตล์เรื่องผีบางอย่างแตกต่างจากพวกบ้านผีหลอกของอเมริกาอยู่บ้าง

โครงเรื่องนี้เป็นหนังแนวจำลองเรื่องจริงจากคำบอกเล่าของผู้คนที่ผ่านประสบการณ์ถูกผีหลอกหลากหลายแบบ ซึ่งต้องเข้าใจก่อนว่าเรื่องจริงที่ซีรีส์ชุดนี้เอ่ยถึงไว้ในทุกตอน มันคือเรื่องเล่าแบบพวกรายการผี เดอะช็อคของไทยทำนองนั้น คือจริงไม่จริงไม่รู้ แต่คนมาเล่าว่าตัวเองเจอมาจริงๆ แล้วตัวเรื่องทำแบบคล้ายๆ รายการเกมโชว์ด้วยการตั้งวงพูดคุยประสบการณ์เรื่องผีในบ้าน มีกล้องถ่ายสีหน้าท่าทางตอนเล่าให้ดูจริงจัง พร้อมกับตัดสลับไปใช้นักแสดงจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามคนเล่าเป็นช่วงๆ จบในตอน มีทั้งหมด 5 ตอน ความยาวไม่เท่ากัน ตอนแรกจะยาวสุด 47 นาที ตอนอื่นๆ จะราวๆ ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งก็คล้ายๆ เรานั่งฟังเรื่องผีไปเรื่อยๆ นี่แหละครับ

ผีในเรื่องตอนแรกที่ยาวสุดก็เป็นเรื่องปรากฎการณ์ผีหลอกในบ้าน แล้วก็ตามมาสิงสู่แม้ย้ายไปที่อื่น ตอนสองก็เป็นเรื่องตุ๊กตาผีที่ตามรังควานคนในบ้าน ซึ่งรวมๆ แล้วก็คล้ายๆ หนังผีฝรั่งตระกูลคอนเจอริ่งนั่นเลยครับ พอมาตอน 3 4 5 ถึงเป็นเรื่องราวสไตล์ผีแปลกๆ แตกต่างหน่อย อย่างผีเคาะประตู ผีคุ้มครองคน ตอนสุดท้ายเป็นผีหมาจากนรก ซึ่งรวมๆ แล้วก็พอดูได้ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ เพราะสไตล์ผีหลอกในเรื่องใช้ดนตรีบิ้วเอาตลอด ผีก็โผล่แบบชัดเกินจริงมากไป แบบเป็นควันรวมตัวเดินมาทำร้ายคนอะไรแบบนี้

ซึ่งพอเรื่องอ้างอิงว่าเรื่องจริง แต่ผีในเรื่องนี่แทบจะเป็นร่างเนื้อมาเลย มันเลยดูเป็นเฟคไม่สมจริงเกินไป แทนที่จะคลุมเครือลึกลับ แต่ไม่เลยทุกเรื่องคือเปิดมาผีก็อยู่ๆ พุ่งมาทำร้ายคนทันที แถมยังไม่ค่อยมีเหตุผลอะไรในเรื่องให้เข้าใจได้มากด้วย ส่วนใหญ่ก็มักตัดจบแบบห้วนๆ ไม่มีไล่ผีไปได้หรือแฮปปี้เอนดิ้งอะไรทั้งนั้น แต่ถ้าคนขวัญอ่อนหน่อยมาดูก็คงตกใจใช้ได้อยู่ เพราะจริงๆแล้วเรื่องมันก็ออกแนวเฟคแต่งมาให้คนกลัวโดยตรง เหมือนพวกรายการเรื่องผีจากทางบ้านนั่นแหละครับ

แต่สิ่งที่เฟคกว่าแบบชัดๆ คือส่วนของคนที่มาเล่าเรื่องจริง ดูยังไงก็เป็นการจัดฉากชัดๆ แถมตัวละครที่มาร่วมวงกันเล่าในแต่ละตอนก็มีความสัมพันธ์กัน แบบคู่รัก แม่กับลูกๆ แล้วก็มาเล่าเรื่องในอดีตเพื่อทำความเข้าใจกัน แต่สีหน้าท่าทาง และหลายๆอย่าง มันดูไม่เหมือนคนในครอบครัวเดียวกันเลย แถมยังพยายามแสดงอารมณ์เกินจริงแบบมีเหงื่อตก มีความกลัวตอนได้ฟังเรื่องเล่าจากอีกคน ซึ่งมันดูเป็นการแสดงแบบเฟคชัดๆ จนดูขัดใจ เรียกว่าจริงๆ ทำเฉพาะส่วนของหนังไปเลยแล้วใช้เสียงเล่าแทรกล้วนๆ อาจจะดีกว่าเยอะ

พวกเอฟเฟ็กต์ผีในเรื่องใช้การแต่งหน้าแต่งตัวเป็นผีมากกว่า หลายอย่างดูแล้วรู้เลยว่าทุนต่ำ มีการใช้มุมกล้องหรือเทคนิคหนังผีบ้านๆ แบบเชือกดึงของให้หล่น หรือสลิงยกตัวให้ลอย ซึ่งก็เข้าใจได้เพราะตัวเรื่องจริงๆ แค่เหมือนรายการเรื่องผี แต่ใส่หนังประกอบเรื่องเล่ามาผสมไว้เท่านั้น

สรุปเลยคือถ้าเป็นพวกชอบเรื่องผี ชอบแนวรายการเรื่องผีจากทางบ้าน ก็ดูได้ มีความสยองชวนขนลุกได้พอสมควร บทพยายามใส่ฉากสยองขวัญมาตลอดเวลา แต่ถ้าคนชอบแนวสมจริงในหลายๆ อย่างแบบหนังผีดีๆ คงต้องผ่านเรื่องนี้ไป เพราะหลายๆ อย่างทั้งนักแสดงและบทชวนให้รู้สึกว่ากำลังนั่งดูเรื่องเฟคอยู่ตลอดเวลา จนรู้สึกตลกหรือหงุดหงิดกับเรื่องนี้มากกว่าจะสนุกหรือสยองขวัญอย่างที่ควรจะเป็นครับ ดูได้แล้วครับบน  Netflix

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว ซีรีส์ Tale of the Nine Tailed

รีวิว ซีรีส์ Tale of the Nine Tailed กูมิโฮหรือจิ้งจอกเก้าหาง เป็นปีศาจในตำนานของเกาหลี  ซีรีส์เรื่อง Tale of the Nine Tailed ก็ไม่ใช่เรื่องแรกที่หยิบเรื่องจิ้งจอกเก้าหางมาเล่า แต่ทำไม Tale of the Nine Tailed ยังน่าสนใจจน ทำให้ต้องลองหาดู [ สปอยนิดๆนะ ]

รีวิว ซีรีส์ Tale of the Nine Tailed ด้วยความที่เป็นซีรีส์ปี 2020 วิธีการเล่าเรื่องของจะไวมากและรีบเข้าเรื่องกูมิโฮให้เร็วที่สุด ไม่อารัมภบทให้เสียเวลา เปิดเรื่องพ่อแม่นางเอกประสบอุบัติเหตุรถคว่ำซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นฝีมือกูมิโฮสักตัวนี่แหละ นางเอกในวัยเด็กก็เลยฝังใจกับเรื่องกูมิโฮ จนโตไปทำอาชีพเป็นโปรดิวเซอร์รายการทีวี ก็ยังสนใจเรื่องกูมิโฮ เลยได้พบพระเอกอีกครั้งตอนสัมภาษณ์ (พวกเขาเคยพบกันครั้งแรกตอนที่นางเอกประสบอุบัติเหตุ)

กูมีโฮ หรือ ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ตามตำนานความเชื่อของชาวเกาหลี ( ทำนองเดียวกับ ต๋าจี่ปีศาจจิ้งจอกของจีน ) ตำนานเกาหลีเชื่อว่าสุนัขจิ้งจอกตัวไหนสามารถมีอายุยืนถึง 1,000 ปี จะกลายเป็นกูมีโฮ มีพลังอำนาจแปลงกายเป็นอะไรก็ได้ และมักจะเป็นสาวสวยสุดเซ็กซี่ เพื่อล่อลวงชายหนุ่มโดยเฉพาะ ทำไมต้องทำงั้นน่ะ เพราะกูมีโฮต้องการเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ให้ได้ และการกลายร่างให้ได้สำเร็จต้องกินหัวใจหรือตับของมนุษย์ให้ได้ 100 คน โอ้ววว เป็นกูมีโฮที่น่ากลัวมากๆ แต่เกาหลีก็ทำให้มีกูมีโฮน่ารักสดใสแถมไม่น่ากลัวเลยนะ

กับเรื่องนี้ กูมีโฮถูกตีความใหม่โดย ไม่ได้เป็นผู้หญิง แต่เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี๊ดี [ เหมือนแอดเลยละอิอิ ] เสน่ห์เหลือร้ายที่สาวๆแอบกรี๊ดมาแล้ว (อีดงอุค) รับบทเป็น อียอน กูมีโฮมาดนิ่ง หล่อ เท่ อายุ 1000 ปี มีหน้าที่จัดการพวกภูติผีปีศาจ จิ้งจอกและสัตว์ในตำนานตัวอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างโลกหลังความตายและโลกมนุษย์ เขาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมเมืองจนได้มาพบกับ นัมจีอา (โจโบอา) โปรดิวเซอร์สาวที่ทำรายการสารคดีเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ และตามล่าสัตว์ในตำนาน ด้วยความเชื่อว่าพวกมันมีจริงๆ เพราะต้องการตามหาพ่อแม่ของตัวเอง ที่เธอเชื่อว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่

อียอนมีน้องชายต่างสายเลือดชื่อ อีรัง (คิมบอม) ปีศาจจิ้งจอกอายุ 600ปี ลูกครึ่งกูมีโฮและมนุษย์ มีนิสัยต่างกับพี่ชายอย่างสิ้นเชิง เขาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางมนุษย์ แต่กลับเกลียดชังมนุษย์มากกว่าอะไรทั้งหมด เป็นนักล่อลวงมนุษย์ หลอกมนุษย์ว่าจะสมปรารถนา ก็ใช้ความโลภของมนุษย์เข้าล่อนั่นแหละ ตัวละครตัวนี้จะทำให้เรื่องราวเข้มข้นขึ้นแน่ๆ เพราะแต่ละซีนที่ออกมา แววมันออก

ฉากต่อสู้ต่าง ๆ ที่ออกมาทำให้สายตาคนดูพร่ามัวไปชั่วขณะ งานนี้โปดักชันเล่นแรงพอควรเพราะแต่ละซีนของ กูมีโฮตัวนี้ จะเท่ไปไหนพ่อคู้ณณณ อยากจะถามแค่นี้ ก็สมแล้วที่เป็นจิ้งจอกเก้าหางละนะ แปรงร่างทั้งทีจะแปลงมาเป็นคนขี้เหร่ไปไย ข้างฝ่ายน้องชายต่างสายเลือด (ไม่น่าเป็นพี่น้องกันเลย) ก็หล่อเหลาไม่แพ้กัน ฐานะที่เป็นปีศาจจิ้งจอกอายุ 600ปี หน้าตามันก็ต้องสูสีกับรุ่นพี่กันหน่อย ในบทของอีรัง จิ้งจอกผู้เกรี้ยวกราดและยังคงโปรดปรานที่จะกินมนุษย์คิมบอม ทำได้ไม่ผิดหวังกันเลย

เรื่องนี้เป็นโรแมนติก-แฟนตาซี-ดราม่า เพราะฉะนั้นจะขาดดราม่าและความหวานแหววไม่ได้ซึ่งที่ผ่านมาก็ใส่ปมต่าง ๆ ให้ตามติดเอาไว้แล้วอย่างจดจ่อ เริ่มตั้งแต่ปมพ่อ-แม่ของ นัมจีอานางเอกของเรื่อง ที่ตายหรือหายไปไหนก็ยังไม่แน่ชัด นางเอกเชื่อว่าทั้งสองคนยังอยู่ จนเวลาผ่านไป นางเอกโตเป็นสาวทำงานเป็นโปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์ ความเชื่อมั่นเรื่องพ่อแม่ไม่เคยจางหาย พร้อม ๆ กับความเชื่อเรื่องตำนานจิ้งจอกมีจริงก็เหนียวแน่น เลยทำให้ไม่สะทกสะท้านเมื่อพบความจริงว่า พระเอกเป็นจิ้งจอกเก้าหาง อืม มีเหตุผลๆ

ด้วยความที่บทเขียนให้นางเอกเป็นคนฉลาดมาแต่เด็ก และมีความพิเศษบางอย่างที่มนต์ของกูมีโฮใช้ไม่ได้กับเธอ แถมยังทำให้เธอและกูมีโฮตัวนี้ ต้องมาร่วมทำอะไรบางอย่างด้วยกันซะด้วย ก็จะเป็นหลาย ๆ เหตุการณ์ ที่คลุกเคล้าอยู่ในเรื่อง คนหาย คนตาย ปริศนาต่าง ๆ ออกแนวสืบสวนสอบสวน ที่ต้องแก้ไปทีละปม

เป็นซีรีส์ที่ดูได้เพลินๆสนุกใช้ได้ พล็อตก็น่าสนใจ ฉากแอ็คชั่นก็ระทึกใจ ข้อเสียคือไม่ค่อยมีฉากหักมุมให้ลุ้นเท่าไหร่ เน้นโมเมนต์พระนางมากกว่า ชอบมุกตลกเรื่องความชอบไอศกรีมช็อกโกแลตของพระเอก แต่ก็ยังมีอีกหลายมุกที่ขำโดยเฉพาะมุกของนางเอกเล่นมุกแซวพระเอกว่าเป็นกูมิโฮ มุกพวกนี้ล้ำลึก

ซีรีส์ Tale of the Nine Tailed มี16 ตอน ตอนละประมาณ 1 ชม. ถือว่าความยาวปกติของซีรีส์ ไม่ยาวมาก และไม่สั้นเกิน เพราะทีมงานอยากจะทำให้ซีรีส์มีคุณภาพ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของทีมงาน แล้วเราจะไม่รักได้ไงซีรีส์เรื่องนี้  ตั้งแต่งานภาพในซีรีส์แล้วว่าทุกฉากมีความละเอียด แฟนตาซีอลังการงานสร้างขนาดไหน เหมาะมากสำหรับดูช่วงนี้ ช่วงโควิด19ระบาด ช่วงกักตัว ติดตามได้แล้วบน Netflix

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว ซีรีส์ เกาหลี Blood เทพบุตรแวมไพร์

รีวิว ซีรีส์ เกาหลี Blood เทพบุตรแวมไพร์ ซีรีส์เรื่องนี้แนวแวมไพร์พระเอกหน้าหล่อนิสัยเย็นชา มีจำนวนตอน 20 ตอน และมี 1 ซีซัน เรื่องนี้อยากจะบอกว่ามันสนุกมาก ส่วนตัวชอบแนวแวมไพร์อยู่แล้ว [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว ซีรีส์ เกาหลี Blood เทพบุตรแวมไพร์ พระเอกของเรื่อง พัคจีซัง  เป็นแวมไพร์ ที่เกิดจากพ่อแม่ซึ่งเป็นแวมไพร์เช่นกัน แต่ทั้งพ่อและแม่กลับถูกฆาตกรรม ทำให้เขาต้องการสืบว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังการตายนี้ รวมถึงหาวิธีแก้ไขให้ตัวเองกลับเป็นมนุษย์ปกติ โดยใช้ชีวิตแผงตัวปะปนอยู่กับมนุษย์ด้วยการเป็นศัลยแพทย์ผู้เก่งกาจ และได้เข้าทำงานที่ รพ.แทมิน และได้พบกับหมอ ยูริต้า ที่ยิ่งทำงานด้วยกันนานวันก็เหมือนจะยิ่งได้รู้ถึงความลับของตัวเขา รวมถึงเกิดความสัมพันธ์ระหว่างกันขึ้น รวมถึง ผอ.อีแจอุค ที่เป็นบุคคลน่าสงสัย และดูเหมือนจะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อแม่เขา

เรื่องนี้เกริ่นเรื่องราวของพระเอกนานไปนิด ใช้เวลาเกือบ 2 ตอน กว่าจะเข้าใจว่าพระเอกเป็นมายังไง เกือบจะหมดสนุกกันทีเดียว แต่ความน่าติดตามมันทำให้ยังดูต่อไง แล้วก็ไม่ผิดหวังเลย ดารานักแสดงทุกคนเล่นดีมาก โดยเฉพาะป๋าจีจินฮี ที่พลิกคาแร็กเตอร์มารับบทร้ายเป็นครั้งแรก ดูทรงพลัง ดูน่ากลัว และภายใต้รอยยิ้มนั้นมันเหมือนแอปเปิลอาบยาพิษชัดๆ

ส่วนคู่พระนางเราจะได้เห็นตั้งแต่เกลียดขี้หน้ากัน จนมาเกิดเป็นความรักซะอย่างนั้น ช่างน่ารักไรแบบนี้ แวมไพร์ที่แสนเย็นชาก็ดูจะอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ เวลาจีบกันนี่แบบฟินไป นางมีความยิ้มอ่อน ค่อยๆหว่านสเน่ห์แบบตั้งตัวกันไม่ทันเลยทีเดียว

เนื้อเรื่อง ดูแบบลุ้น ว่าจะหาทางแก้ไขไวรัสได้มั้ย พระเอกจะหลุดโหมดแวมไพร์อยากกินเลือดเมื่อไหร่ รวมถึงมีพลิกล็อกเนื้อเรื่องเบาๆ คือหลอกคนดูมาครึ่งค่อนเรื่อง คือเรื่องสนุกมาก แต่ตอนจบค้างๆไปหน่อย เหมือนให้เราไปมโนต่อกันเองว่ายังไง แต่ด้วยความที่ชีวิตจริงรักกันนอกจอนี้รู้สึกเหมือน Happy Ending จะให้อภัยกับตอนจบก็แล้วกัน ก็ชอบทั้งคู่เลยนี่นา [ ถูกใจเจ้ข้างบ้านเขาละ ]

เรื่องนี้นอกจากจะแนวแวมไพร์ รักโรแมนติกแล้วยังมีดราม่าด้วยคือส่วนที่โรแมนติกก็ฟินจิกหมอนขาด ส่วนที่ดราม่าก็ดราม่าหนักมาก ร้องไห้อย่างกับเขื่อนแตกกันเลยทีเดียว พระเอกหล่อมาก หมอที่เป็นแวมไพร์ หื้อพ่อคุณ[ หล่อเกินหน้าเกินตาแอด ] ได้ไงง ทีแรกก็งง เอ้าได้หรอ พอเปิดดูตอนแรกครั้งแรก อ่ะให้อภัยเพราะนางเอกสวยมากอะนะ เนื้อหาแบบดีงามมากอ่ะ แค่ตอนแรกก็น้ำตาตกแล้ว ลุ้นมาก บีบหัวใจที่สุด แบบชอบอ่ะใครชอบแนวเลือดจริงผ่าตัดให้เห็นจริงๆยิ่งแนะนำให้ดูเลย ซีซัน1จำนวนตอน 20 ตอน netflix

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ซีรี่ส์ เกาหลี

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms