รีวิว หนัง ไทบ้าน x BNK48 จากใจผู้สาวคนนี้

รีวิว หนัง ไทบ้าน x BNK48 จากใจผู้สาวคนนี้ ตัวแทน​จาก​ BNK48 ทั้ง​ 8​ คน​ ได้รับมอบหมายภารกิจลับ​ ให้ทำเพลงแนวหมอลำ และทั้ง​ 8​ คนต้องมาเรียนรู้​ และใช้ชีวิตแบบคนอีสาน​ เพื่อให้เข้าใจวัฒนธรรม​ และการสื่อสารผ่านเพลงหมอลำในแบบฉบับ​ BNK48 มาเอาใจช่วยน้องๆกันนะ [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว หนัง ไทบ้าน x BNK48 จากใจผู้สาวคนนี้ BNK48 กลุ่มไอดอลหญิงประสบกับปัญหาด้านความนิยมของเพลงทำให้ จ๊อบซัง เจ้าของบริษัทตัดสินใจจะเสี่ยงในการทำเพลงลูกทุ่งอีสานโดยจ้าง ก้อง ห่วยไร่ ศิลปินที่มีชื่อเสียงในด้านดนตรีและบทเพลงแนวอีสานให้มาทำโปรเจกต์เพลงของอีสานให้โดยมีค่าจ้าง 3 ล้านบาท ก่อนที่จะพาสมาชิกทั้งหมดในโปรเจกต์นี้ทั้งหมด 8 คนไปทำเพลงที่บ้านโนนคูณ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมี

เงื่อนไขว่า ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด โดยได้ จาลอด เพื่อนไทบ้านที่อยู่ด้วยกันมาเป็นผู้ช่วยในการสอนน้องๆ BNK48 ทั้ง 8 คน ในการทำเพลงอีสานอีกด้วย และนี้ก็จะเป็นเรื่องราวของไอดอลลูกคุณหนูจากเมืองกรุง ต้องมาเรียนรู้ชีวิตความลำบากจากบ้านนอกเพื่อซึมซับวิถีชีวิตของคนอีสาน และรังสรรค์บทเพลงท่วงทำนองอีสานที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของพวกเธอ ที่ผสมผสานกลมกล่อมเข้ากับวิถีชาวบ้านแบบอีสานแท้ๆ ขึ้นมาจนได้พบกับความ โดดดิด่ง

โปรเจกต์นี้คือความร่วมมือระหว่างBNK48 ออฟฟิศ กับ เซิ้งโปรดักชั่น ช่วยกันทำภาพยนตร์เรื่อง ไทบ้าน x BNK48 ซึ่งภาคก่อนหน้าเรื่องไทบ้าน เดอะซีรีส์ เป็นการเล่าเรื่องเกี่ยวกับคนกลุ่มหนึ่งที่ใช้ชีวิตในบ้านนอกและวัฒนธรรมต่างๆของคนอีสาน เนื้อหาจะเป็นการเล่าเรื่องที่เรียบง่ายแต่กลับตีตลาดต่างจังหวัดและทำรายได้จำนวนมาก จนมีภาพยนตร์ ไทบ้าน เดอะซีรีส์ ฉายออกมาแล้วทั้งหมดจำนวน 3 เรื่อง

และเรื่อง ไทบ้าน x BNK48 เป็นเรื่องที่ 4 ซึ่งจะเป็นการขยายจักรวาลไทบ้านและเป็นการตีตลาดต่างจังหวัด ทำให้คนต่างจังหวัดรู้จักวง BNK48 มากขึ้นอีกด้วย โดยครั้งนี้หนังได้สองผู้กำกับอย่าง สุรศักดิ์​ ป้องศร กับธิติ​ ศรีนวล จากหนังไทบ้านเดอะซีรีส์มารับไม้จาก BNK48 ในการนำน้องๆกลุ่มไอดอล BNK48 มาเล่นในแบบฉบับหนังไทบ้าน เพื่อเสริมกำลังรุกเข้าสู่ตลาดที่แตกต่างจากฐานแฟนเดิมของกันละกัน เป็นโพรเจกต์ที่มองว่าวินๆทั้งคู่

และที่สำคัญรอบนี้เรายังจะได้เห็นน้องๆ BNK48 กลุ่มใหม่ๆที่แตกต่างจากหนังเรื่องเก่าๆมาโลดแล่นกันบ้างไม่ว่าจะเป็น น้ำหนึ่ง, ปูเป้, เนย, แก้ว, โมบายล์, น้ำใส, ตาหวาน และ ไข่มุก มาเล่นเป็นตัวเองในเรื่องนี้และข้อดีคือเราได้เห็นมุมมองของฝั่งผู้บริหารและการทำงานของหลังบ้านวง BNK48 แบบใกล้ชิดอีกด้วย ด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของหนังไทบ้านที่เน้นความเป็นธรรมชาติ แสดงเหมือนไม่ได้แสดงทำให้น้องๆ BNK48 

แสดงความเป็นตัวเองออกมาในหนังได้ดี และไม่ต้องพึ่งพลังแสดงมากนัก ในหนังเราจะได้เห็นโมเมนต์ต่างๆของน้องๆน่ารักๆโก๊ะๆ อะไรแบบนี้อยู่ในสถานการณ์ที่เราไม่ได้เห็นตามปกติทั่วไปได้เห็นน้องๆจับปลา ดำนา นั่งมอเตอร์ไซค์ กินอาหารแบบบ้านๆพูดภาษาอีสาน บางคนก็ได้แสดงเป็นตัวเองออกมาได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะน้อง เนย BNK48 [ แอดเองก็ชอบนะ ] ที่เป็นอีกหนึ่งในตัวละครที่ขับเคลื่อนในหนังเลยก็ว่าได้

ส่วนนักแสดงฝั่งไทบ้านก็ยังแสดงได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเดิม เพราะเป็นนักแสดงตัวหลักที่แสดงได้ลื่นใหลไม่มีที่ติ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในมุมมองของนักดูหนัง ถ้าจะบอกว่าหนังแย่มากก็คงไม่ใช่ แค่บทมันเป็นจังหวะโดดดิด่งมากจนเกินไปจนคนดูไม่อิน แต่ถ้าเรื่องเสน่ห์นักแสดงบอกได้เลยว่า ดีงามทุกตัวละคร BNK48กรุ๊ป นี่ของเขาไม่ธรรมดาจริงๆ

โดยรวมต้องบอกว่าไทบ้าน x BNK48อาจไม่ได้เป็นหนังดีที่สุด แต่ในด้านความสนุกครบรส หนังเรื่องนี้จัดว่าคุ้มค่า ยิ่งถ้าคุณเป็นแฟนๆของไทบ้าน [ คุณอาจจะรักสาวๆกรุ๊ปนี้ และแฟนๆ BNK48 ก็อาจจะชอบบ่าวไทบ้านเหมือนกัน ] ซึ่งอย่างน้อยเราก็ได้เห็นแล้วว่า ปลาดิบ VS ปลาแดก ถึงแม้มันจะมีรสชาติโดดๆจนต้องร้องโดดดิด่ง ยังไงมันก็ยังแซ่บหลายม่วนหลาย เด้อพี่น้อง

และ  End Credits ท้ายเรื่อง จาลอดกลับมาคุยกับหมอปลาวาฬอีกครั้ง โดยหมอปลาวาฬตกลงที่จะเป็นเพื่อนกันกับจาลอด ถ้าหากเขาจะมองว่าเธอเป็นเพื่อนอยู่ และนี้คือการปูเรื่องเข้าสู่ หมอปลาวาฬ หนังภาคแยกลำดับต่อไปของจักรวาลไทบ้าน [ คู่แข่งจักรวาลมาเวล ] ไทบ้าน x BNK48 จากใจผู้สาวคนนี้ จะดีหรือแย่อย่างไรก็อยากจะแนะนำให้ดูและเข้าไปสัมผัสด้วยตัวของคุณเอง แล้วคุณจะต้องโดดดิด่งๆแน้นอนรับชมได้แล้ว บน Netflix

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์ไทย

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

 

รีวิว ซีรี่ส์ไทย Let’s Fight Ghost คู่ไฟท์ไฝว์ผี

รีวิว ซีรี่ส์ไทย Let’s Fight Ghost คู่ไฟท์ไฝว์ผี ที่แฟนๆของ เซ้นต์ ศุภพงษ์ กับ อร BNK48 ห้ามพลาดเด็ดขาด  [ สปอยนิดๆ ]

รีวิว ซีรี่ส์ไทย Let’s Fight Ghost คู่ไฟท์ไฝว์ผี รื่องนี้ยังไงต้องปังแน่นอนเพราะว่าตอนเป็นเวอร์ชั่นเกาหลีเมื่อปี 2016 ได้ Taecyeon และ Kim So Hyun มารับบทนำก็ปังมากๆ เรียกว่าเป็นหนึ่งใน Top 3 ซีรีส์เกาหลีแนวผีโรแมนติกคอมมาดี้ในใจแอดเลยแหละ

อ๊อฟ – อิศวะ (ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา) นักศึกษาแพทย์ผู้มีความสามารถในการมองเห็นผี และสามารถแตะต้องผีได้ อ๊อฟจึงรับจ้างปราบผีเพื่อเก็บรวบรวมเงินสำหรับการผ่าตัดดวงตาให้ไม่ต้องมองเห็นผีอีก แล้ววันหนึ่งอ๊อฟก็ได้รับการว่าจ้างจากจีนส์ – จิดาภา (พัศชนันท์ เจียจิรโชติ) ผีสาวความจำเสื่อมให้ช่วยมาปราบผีอีกตัว แต่อ๊อฟเข้าใจผิดคิดว่าเป็นตัวจีนส์เอง ทำให้ทั้งสองต่อสู้กันจนเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้จีนส์จำอดีตของตัวเองได้บ้างส่วน

และจีนส์ยังได้ใช้ความสามารถในการมองเห็นอดีตและจุดอ่อนต่างๆ ของผีในการช่วยอ๊อฟปราบผี โดยมีเล้ง (เนียร์กิจ – กรวิชญ์สูงบูลย์) กับเนียร์ (หรั่ง – อภิวิชชียร์ ดอน) สองรุ่นพี่สุดขู่ผู้คลั่งไคล้ในการล่าปีศาจเข้ามาร่วมก๊วนด้วยทำให้อ๊อฟกับจีนสนิทกันมากขึ้นจนความสัมพันธ์ก็เริ่มเปลี่ยนไป แต่อ๊อฟมีนางในฝันคือน้ำหวาน (มายด์ – วรัทยาว่องชยาภรณ์) สาวสวยรุ่นพี่ที่ผู้ชายหมายปอง

ซีรีส์ Let’s Fight Ghost เป็นเรื่องที่ดัดแปลงมาจากซีรีส์เกาหลีทำให้เราอยากรู้ว่าพอเอามาทำในแบบที่เป็นของไทยแล้ว จะเป็นยังไงซึ่งจริงๆแล้วผมว่าก็เป็นความสนุกในอีกรูปแบบหนึ่งนะในเรื่อง บทอ๊อฟเป็นนักเรียนแพทย์ที่รับจ๊อบเป็นหมอผีด้วย เพราะมีความสามารถพิเศษเป็นเหมือนพลังที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดคือการมองเห็นผี

เป็นบทที่แปลกแหวกแนวเหมือนกันเรื่องของการแสดงก็ต้องใช้ความสมารถสูงกว่าที่ผ่านมาเพราะไม่ได้เล่นกับนักแสดง แต่ต้องเล่นกับสเปเชียลเอฟเฟกต์ต่างๆ ที่ทางทีมงานเขาออกแบบมาให้ อยากให้ทุกคนได้ดูกัน และนักแสดงอีกท่านหนึ่งสำหรับน้องอร BNK ผมว่าเขาเหมาะสมกับบทจีนมากๆแล้วก็คิดว่าเป็นผีที่ทุกคนน่าจะอยากเจออยากจริงๆ ให้ทุกคนได้ติดตามชม Let’s Fight Ghost คู่ไฟไฝวผี ซีรีส์ที่มีทั้งความเชื่อและความน่ารัก มีทุกอารมณ์แน่นอน

มีสอดแทรกความเป็นไทยให้เข้ากับบริบท พระนางเคมีเข้ากันน่ารักดี มีช่วงแรกๆ ที่กัดกันจนบางทีแอบกังวลใจในความกัดกันของทั้งสองคน แต่ก็เริ่มน่ารักขึ้นมาบ้างแล้ว โดยรวมแล้วน่าติดตามดูทุกตอนเลยละ สามารถรับชมได้แล้วบนNetflix อย่าลืมติดตามกันนะครับ

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่  รีวิว ซีรี่ส์ ไทย 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง อีเรียมซิ่ง

รีวิว หนัง อีเรียมซิ่ง คอมเมดี้กาว ๆ ที่ยังฮาไม่สาแก่ใจ ถึงจะเป็นตลกสูตรสำเร็จ แต่ถ้าจังหวะดีก็มีชัยกว่าครึ่ง [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว หนัง อีเรียมซิ่ง ความจริงชื่อของอีเรียมซิ่งผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในโปรแกรมมาตั้งแต่ต้นปี 2020 แล้วและนี่น่าจะเป็นหนังไทยตกค้าง มาจากช่วงการระบาดของโควิด19เมื่อตอนต้นปีที่อยู่ในการรับรู้ของคนไทยมากที่สุดแล้ว และหลังจากที่เลื่อนไปมาจนลงตัวในที่สุดเราก็จะได้เห็นเบลล่า ราณี แคมเปน ในมาดอีเรียมวีรสตรีแห่งบางน้ำกร่อยกันแล้ว

เมื่อโจรปากแดงสุดโฉดออกล่าพรหมจรรย์สาวๆ เพื่อความเป็นอมตะ และจุดหมายของมันคือ อีเรียม (ราณี แคมเปน) สาวแสบแห่งบางน้ำกร่อยที่ต้องรวบรวมความกล้าและของดีของหลวงพ่อไปช่วยแม่และแรม (ณปภา ตันตระกูล) พี่สาวกุลสตรีแสนเรียบร้อยของนาง แต่งานนี้อีเรียมไม่ได้สู้เพียงลำพังเพราะยังมีพรรคพวกสุดแสบทั้งฟักทอง (เดียร์ริส สุภัทรภณ กสิกรรม) เพื่อนกะเทยร่วมเรือน ศรฆ้อนมหากาฬ (น้าค่อม ชวนชื่น) โตโล่บิน (โรเบิร์ต สายควัน) และ หมอ (บอล เชิญยิ้ม) หมอยาสมุนไพรวิเศษ งานนี้อเวนเจอร์แห่งบ้านบางน้ำกร่อยจะช่วยครอบครัวจากโจรร้ายได้หรือไม่

จากแม่การะเกดในละครบุพเพสันนิวาส ล่าสุด เบลล่า ราณี กำลังจะมีผลงานย้อนยุคเรื่องใหม่ให้แฟน ๆ ได้ติดตามอีกครั้งกับ อีเรียมซิ่ง ที่คราวนี้สาวเบลล่าพร้อมจัดเต็มความฮากับบทบาท อีเรียม วีรสตรีแห่งบางน้ำกร่อย ซึ่งทีเซอร์แรกของหนังได้ถูกปล่อยออกมาให้ชมกันแล้ว จากตัวอย่างเราจะเห็นว่า เบลล่า จัดเต็มความฮา ทั้งความทะเล้นที่มาพร้อมกับมุกตลกแพรวพราว จัดเต็มขนาดนี้ก็ไม่แปลกใจเพราะหนังเป็นผลงานการกำกับของ พฤกษ์ เอมะรุจิ เจ้าของความฮาใน ไบค์แมน ศักรินทร์ตูดหมึก ทั้ง 2 ภาค พร้อมด้วยผู้อำนวยการสร้างอย่าง ยอร์ช ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์ กับผลงานเรื่อง แสบสนิทศิษย์ส่ายหน้

แม้ว่ามุกตลกในหนังที่ใส่เข้ามาจะไม่ได้มีอะไรหวือหวา และแปลกใหม่อะไรเท่าไหร่นัก แต่การแสดงของ เบลล่า ราณี ก็ยังเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เธอสามารถแบกรับหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้อยู่หมัด โชว์ทักษะการแสดงบ้าๆ บอๆ และไม่กลัวสวยออกมาได้อย่างสมจริง โดยเฉพาะการหยอดมุกที่ดูเข้าขากับนักแสดงตลกมืออาชีพได้อย่างลงตัวและไม่มีติดขัดสักฉาก

หากดูที่หน้าจอทีวีในเวลาก็น่าจะเป็น เบลลา ราณี ในอีกคาแรกเตอร์กับละครเรื่องแซ่บ แต่หากมาอยู่บนจอใหญ่ก็จะได้เห็นเธอในอีกคาแรกเตอร์ที่พลิกขั้วเป็นสาวชาวบ้านที่แพรวพราวไปด้วยเสน่ห์ความก๋ากั๋น และสร้างอารมณ์ขันได้เป็นอย่างดี จึงเป็นการงัดทักษะการแสดงของนักแสดงสาวผู้นี้ออกมา และได้ปล่อยของในอีกมุมอีกด้านที่ไม่ค่อยได้เห็นเธอในมุมนี้เท่าไหร่

โดยภาพรวมของ อีเรียมซิ่ง ถือว่าทำออกมาได้ตอบโจทย์คนดูในทุกๆ ทาง แม้ว่าจะเป็นเพียงหนังตลกสูตรสำเร็จเรื่องหนึ่งก็ตาม แต่ภายใต้ความสำเร็จรูปในแบบต่างๆ ก็สามารถสร้างอรรถรสความบันเทิงให้กับคนดูได้อย่างตรงไปตรงมา ตลอดระยะเวลากว่าชั่วโมงครึ่งของหนังเป็นประสบการณ์ที่ทำให้คนดูได้ผ่อนคลายและปล่อยเสียงหัวเราะออกมาได้แบบไม่เคอะเขิน

และที่สำคัญหนังยังมาพร้อมกับการเซอร์ไพรส์แบบคำโตๆ ที่ทำให้คนดูต้องร้องว้าวที่เป็นไฮไลท์เด่นอีกส่วนหนึ่งของหนัง และยิ่งเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับหนังเข้าไปอีก นี่จึงกลายเป็นความเฉิดฉายอีกครั้งของนางเอกสาว เบลล่า ราณี ที่เธอสามารถก้าวมาโดดเด่นได้บนจอใหญ่ แม้จะไม่ใช่หนังเรื่องแรกของเธอ แต่ถือว่าเป็นความสำเร็จของเธอในฐานะนักแสดงหนังที่ก้าวมาเป็นซุปตาร์ในวันนี้แล้ว ห้ามพลาดเด็ดขาด

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์ไทย

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง 9 ศาสตรา 9 weapons

รีวิว หนัง 9 ศาสตรา 9 weapons แอนิเมชั่นฝีมือคนไทย งานภาพสุดยอด งานเสียงจัดเต็ม 9 ศาสตรา ภาพยนตร์แอนิเมชั่นผสมผสานเรื่องราวแฟนตาซีกับมวยไทย [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว หนัง 9 ศาสตรา 9 weapons ในโลกของ 9 ศาสตรานั้นว่าด้วยเรื่องราวของมนุษย์ที่อยู่ร่วมกันกับสิ่งมีชีวิตหลากหลายเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ โดยรามเทพนครเมืองมนุษย์ที่เคยรุ่งเรืองนั้นตกอยู่ในการปกครองของคนยักษ์ และจับมนุษย์ไปเป็นทาส

เรื่องราวถูกเล่าผ่าน “อ๊อด” เด็กหนุ่มที่ชะตาลิขิตให้เป็นส่วนหนึ่งในการกอบกู้อาณาจักร รามเทพนคร แผ่นดินเกิดของเขาให้รอดพ้นอำนาจของ เทหะยักษา

อ๊อด ได้ฝึกฝนเคี่ยวกรำ ร่ำเรียนศิลปะการต่อสู้มวยไทย จากครูมวยอันดับหนึ่งของแผ่นดิน อ๊อด มีภารกิจอันยิ่งใหญ่ ในการนำสุดยอดศาสตราวุธ 9 ศาสตรา ไปมอบให้องค์ชายรัชทายาทแห่ง รามเทพนคร เพื่อใช้ในการกอบกู้อาณาจักร พร้อมกับพลพรรคเพื่อนพ้อง

รู้สึกแย่มากที่เคยมองข้ามและเพิกเฉยหนัง 9 ศาสตรา แอนิเมชั่นฝีมือคนไทยเรื่องล่าสุด เพราะพอได้ดูจริงๆ แล้วต้องยอมรับเลยว่า ถ้าเราไม่ได้มาดู มันจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่สุดในรอบปีเลยก็ได้ ใครที่ยังแอบปรามาสหนังเรื่องนี้อยู่ ขอให้เปิดใจเลยนะ แล้วมันจะเบิกเนตรของเราจริงๆว่า คนไทยสามารถทำหนัง รวมถึงแอนิเมชั้น ได้ไม่แพ้ชาติใดในโลก หากตั้งใจ มีทุน และได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่

สำหรับเรื่องนี้คำว่า อนิเมชั่นที่ดีที่สุดของคนไทย ไม่ใช่แค่คำอวยหากแต่คือเรื่องจริง หนังสนุกจริง ดีจริง งานสกอร์และงานภาพละเอียดสมจริงเทียบชั้นฮอลลีวูดได้สบาย  ( ดีกว่าของเมืองนอกหลายๆ เรื่องเสียอีก ) ฉากแอ็คชั่นซึ่งมีเยอะแทบทั้งเรื่องก็มัน ไม่เบื่อเลย

เนื้อเรื่องค่อนข้างเป็นเส้นตรงเดาได้ตั้งแต่ต้นจนจบ และเป็นแบบสำเร็จรูปทั่วไป แต่กลับมีวิธีการเล่าเรื่องในแบบเฉพาะตัวที่ทำให้คนดูสนุกไปกับมันได้ไม่ยาก และยังแฝงไว้ซึ่งกิมมิคต่างๆ ซึ่งถ้าไม่สังเกตดีๆแล้วละก็ อาจโดนหักมุมใส่หน้าชนิดไม่ทันตั้งตัวเลยทีเดียว

พล็อตค่อนข้างปูมาแน่นในระดับหนึ่ง มีจังหวะการสอบรับที่โคตรพอดีกันมากๆ จนทำให้พล็อตของทั้งเรื่องดูสมจริงสมจัง และเข้าถึงง่ายในเวลาเดียวกัน แต่ก็ติดอยู่ที่ฉากปล่อยของ ( ของแต่ละตัวละคร ) ที่มันมาง่ายเหลือเกิน พอมาทีเหมือนเติมบัตรทรูอ่ะ ผ่านด่านชนะง่ายจังฟระ ทำให้อุปสรรคในเรื่องดูลดลงไปมาก คือเดาได้เลยว่าถ้ามาปูมาแบบนี้ ต้องแก้ทางด้วยสิ่งนี้แน่ ซึ่งมันก็ถูกหมดเลยตามทุกอย่างที่เดา โดยไม่ต้องใช้เซลล์สมองมากนัก

 และด้วยประการทั้งปวงนี้ ไม่ต้องมัวสงสัยเลยว่าจะคุ้มค่า เสียเวลาดูรึเปล่า หนังแอนิเมชั่นไทยก็คงจะอีหรอบเดิมกับก้านกล้วยรึเปล่า? ถ้าใครคิดแบบนั้น ขอบอกเลยว่าคุณคิดผิด แค่ความสนุก ความมันส์ ก็กินขาดจริงๆใครไม่ดูถือว่าพราดจริงๆ

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว อนิเมะ 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms