รีวิวซีรี่ส์ Fishbowl Wives ภรรยาตู้ปลา

รีวิวซีรี่ส์ Fishbowl Wives ภรรยาตู้ปลา ซีรี่ส์ญี่ปุ่นแนว 18+ ที่มาแรงในช่วงนี้ ซีรี่ส์เรื่องนี้จะบอกเล่า ประเด็นของการใช้ชีวิตคู่ แต่ละครอบครัว และปัญหาต่างๆที่ต้องเจอ ซึ่งมีฉากวาบหวิว และฉากเซ็กส์สุดร้อนแรง แค่เปิดมาตอนแรกก็ อื้อฮือ [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิวซีรี่ส์ Fishbowl Wives ภรรยาตู้ปลา

เรื่องราวของ ซากุระ ฮิรากะ หญิงสาววัยกลางคน ที่เติบโตมาพร้อมกับความฝันอันยิ่งใหญ่ เธอแต่งงาน และบริหารธุรกิจร้านทำผม ที่มีชื่อเสียงกับสามีตัวเอง อีกทั้งยังได้อาศัยอยู่ที่ห้องเพนท์เฮาส์ ชั้นสูงสุดของแมนชั่นหรูใจกลางเมืองหลวงอีกด้วย แต่ท่ามกลางชีวิตที่ใครๆก็ต่างอิจฉาเธออยู่นั้น เบื้องหลังก็คือฝันร้ายเมื่อเธอ กลายเป็นผู้ถูกกระทำและเหยื่อความรุนแรงของสามี

แต่ก็ไม่อาจจะหลีกหนีสถานการณ์หนีไปที่ไหนได้ กระทั่งเธอฉุกคิดขึ้นได้ว่าชีวิตตัวเองก็ไม่ต่างกับปลาทองในตู้ปลา และนั่นก็ดึงดูดทำให้เธอได้รู้จักกับชายหนุ่ม ที่เป็นเจ้าของร้านขายปลาทอง ทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกัน เรื่องราวทั้งคู่จะเป็นอย่างไรต้องติดตามรับชม

เป็นซีรี่ส์อีกเรื่องจากญี่ปุ่น [ ที่แอดเอง ชอบมากๆ อิ อิ ] ที่เป็นกระแสแทรกขึ้นมาทีละน้อย เพราะไม่ใช่แค่มีฉากวาบหวิวสุดสยิวเป็นเครื่องดึงดูด แต่เนื้อในของซีรี่ส์เรื่องนี้ ก็ยังแฝงไปด้วยปัญหาสังคม และครอบครัวไว้อย่างลงตัว เป็นการดัดแปลงมาจากมังงะดราม่า ที่เคยตีพิมพ์ออกมาในปี 2017 โดยใช้บริการผู้กำกับที่ช่วยกันปลุกปั้นเรื่องราวในครั้งนี้ถึง 3 คน เป็นซีรี่ส์ 8 ตอนจบ แต่สามารถโยงใยชีวิตของผู้หญิง และแรงปรารถนาที่แอบซ่อนอยู่ ในสถานะชีวิตคู่ของแต่ละคนได้อย่างถึงพริกถึงขิง

และต้องยอมรับว่า ประเด็นของเรื่องนี้ค่อนข้างดี และหนักแน่นในระดับหนึ่งเลยทีเดียว การเปรียบเปรียบชีวิตเมีย ที่เหมือนกับปลาเลี้ยงที่อยู่ในตู้ ที่ยังสามารถแตกหน่อออกเป็นอีกหลายๆโจทย์ ที่ไม่เหมือนกันตามสถานการณ์ เป็นซีรี่ส์ที่ถูกพูดถึงเพราะว่าฉากหวิว 18+ ที่ปะปนเข้ามาเป็นองค์ประกอบเสริมของเรื่อง ของซีรี่ส์เรื่องนี้ ที่นับว่าเป็นการสะท้อนปัญหาสังคมได้ดีทีเดียว คอซีรี่ส์ห้ามพลาดเด็ดขาด

จำนวนตอน : 8 ตอน
ประเภท : ดราม่า, โรแมนติก
กำกับโดย : มิจิ โกะ นามิกิ , ฮิโรอา กิ มัตสึยามะ
นำแสดงโดย : เรียวโกะ ชิโนฮาระ,ทาคาโนริ อิวาตะ,มาซาโนบุ อันโดะ
ช่องทางการรับชม : NETFLIX

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว NETFLIX

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว the naked director 2 โป๊ บ้า กล้า รวย 2

รีวิว the naked director 2 โป๊ บ้า กล้า รวย 2 โดย The Naked Director ซีซั่น 2 จะเป็นเรื่องราวที่ต่อจากซีซั่น 1 และจะเล่าเรื่องราวประวัติของ โทรุ มุรานิชิ ในช่วงที่แกพีคมากที่สุดของวงการ av ญี่ปุ่นไปจนถึงช่วงที่แกตกต่ำที่สุด [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว the naked director 2 โป๊ บ้า กล้า รวย 2 หลังจาก THE NAKED DIRECTOR ซีซั่น1สร้างความสยิวปนระทึกแล้วจนสร้างฐานแฟนคลับไปทั่วโลก ในที่สุดซีซัน2ของซีรีส์เบื้องหลังความผงาดง้ำ[ผงาดจริงๆ]ของวงการภาพยนตร์ AVญี่ปุ่น ก็ได้กลับมาสานต่อปมที่ทิ้งไว้ในซีซัน1โดยเฉพาะความแตกแยกของสหายกลุ่มแซฟไฟร์วีดีโอ SAPPHIRE VIDEO นำโดย มุรานิชิ โทรุ [ยามาดะ ทาคายูกิ] อาราอิ โทชิ [มิตซูชิมะ ชินโนะสุเกะ] และ คาวาดะ เคนจิ [ทามายามะ เท็ตสึจิ] และการต้องเข้าไปพัวพันกับกลุ่มยากูซ่าขาโหดอย่าง ฟุรุยะ อิโยริ [คุนิมูระ จุน] รวมถึงตำรวจกังฉินอย่าง ทาเคอิ มิชิโระ [ลิลลี แฟรงค์กี]

ในซีซั่น2นี้มีการกระจายบทมากขึ้นซีซั่น1 ผกก.โทรุ บทเด่นที่สุดแต่ในภาคนี้มันสะท้อนช่วงขาลงของโทรุเขาค่อยๆถลำสุ่ด้านมืด และความฝันแบบเกินตัวในการทำช่องดาวเทียมหนังโป๊ ทำให้ทุกอย่างที่เขาสร้างขึ้นมาพังทลายลงไปกับมือตัวเอง ในขณะที่บทบาทของตัวละครอื่นๆค่อยๆ ถูกขับให้เด่นขึ้นมาโดยเฉพาะเส้นเรื่องของโทชิ ที่กล้ำกลืนอยู่ในวงการยากูซ่าแถมไปหลงรักกับเด็กของเจ้านาย และคาวาดะที่กลายเป็นหมาหัวเน่าและได้สำรวจรสนิยมทางเพศแปลกๆอย่างเช่นBDSM หรือการมีแฟนเป็นตุ๊กตายาง รวมไปถึงเรื่องราวของ2สาวดาวAVประจำค่ายเบอร์1คนเก่าคาโอรุ และเบอร์1คนใหม่อย่างมาริโกะ และทีมงานที่แฟนๆจดจำเช่น มิตามุระ,รักบี้,จุนโกะ

ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ทั้งโป๊ทั้งรุนแรง และน่าหดหู่ในเวลาเดียวกัน [แต่ก็ลดลงจากซีซั่น1พอสมควร] เพราะในซีซั่น2จะบอกเล่าชีวิตและบริษัทของโทรุที่โด่งดังและได้ขึ้นจุดสูงสุดของวงการ แม้ว่าหลายๆสิ่งหลายๆอย่างจะดูแล้วได้ไปในทิศทางที่ดี แต่ปัญหาหลายๆอย่างกลับมาทำร้ายความสัมพันธ์ให้กับคนในบริษัทให้เกิดการแตกแยกและลาจากกันไปทีละคน ไม่ว่าจะเป็นนางเอกสาวคู่ใจอย่าง คาโอรุ ที่ไม่ได้แสดงหนัง AV ต่ออีกเลยตั้งแต่เรื่องแรกที่ดังกระฉ่อนไปทั่วญี่ปุ่น เพราะโทรุเมินเฉยต่อสิ่งที่คาโอรุต้องการ และไปโฟกัสกับเรื่องดาวเทียมมากจนเกินไป

ซึ่งยังเป็นสาเหตุที่ทำให้โทรุและคาวาดะ แตกหักกันจนต้องแยกกันไปตามทางของตัวเอง เล่าไปเดี่ยวจะสปอย เอาเป็นว่าต้องไปติดตามดูเอง ไฮไลท์เด็ดของซีซั่นที่2นี้คือดีกว่าซีซั่นที่แล้วมากพอสมควร ในด้านของดาราสาวคือทุกคนดีงามทุกคนจริงๆ ทั้งคนเก่าและคนใหม่ที่เข้ามา ทุกคนคืองามแบบสะกดคุณได้อยู่หมัดแน่นอน เอาเป็นว่าใครที่เบื่อๆกับการกักตัวเบื่อกับโควิดเบื่อกับการเมือง และใครที่เป็นแฟนคลับจากซีซั่นที่1ห้ามพลาดซีซั่น2เด็ดขาด ดูแบบภาคไทยได้แล้วบน Netflix

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว ซีรี่ย์ Doctor X หมอซ่าส์พันธุ์เอ็กซ์

รีวิว ซีรี่ย์ Doctor X หมอซ่าส์พันธุ์เอ็กซ์ เป็นซีรี่ส์ญี่ปุ่นอีกเรื่องที่เรตติ้งนำเป็นอันดับ 1 เรื่อง Doctor X กระแสตอบรับดีมากขนาดนี้เป็นซีรี่ส์ที่ห้ามพลาดจริงๆ [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว ซีรี่ย์ Doctor X หมอซ่าส์พันธุ์เอ็กซ์ เรื่องราวของไดมอน มิจิโกะ (โยเนะคุระ เรียวโกะ) แพทย์อิสระที่ได้เข้าทำงานในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยที่กำลังสูญเสียอำนาจและ ขาดแคลนบุคลากร เนื่องจากสภาพการทำงานที่หนักขึ้นทำให้แพทย์หลายคนต้องลาออกไป การเข้ามาทำงานของเธอในฐานะแพทย์อิสระจึงไม่ได้รับการยอมรับ เธอต้องใช้ทักษะการผ่าตัดอันเฉียบคมเพื่อพิสูจน์ตัวเอง

ซีซั่นที่1 ใน Doctor-X บอกเล่าเรื่องราวของ ไดมอน มิจิโกะ ศัลยแพทย์ (หมอผ่าตัด) ฟรีแลนซ์ เธอไม่มีใบประกอบวิชาชีพ แต่งตัววาบหวิว และเมื่อถึง 5 โมงเย็นเธอจะออกจากที่ทำงานทันที และถ้าทางโรงพยาบาลต้องการให้เธอทำงานล่วงเวลาก็ต้องจ่ายเงินแพงหูฉี่ แต่ทุกๆครั้งทางโรงพยาบาลก็ไม่สามารถปฏิเสธค่าใช้จ่ายนั้นได้ เพราะฝีมือการผ่าตัดขั้นเทพที่โรงที่แพทย์คนอื่นบอกรักษาไม่ได้ แต่เธอก็สามารถรักษาได้สำเร็จทุกครั้ง แต่ถึงแม้เธอจะเก่งแค่ไหนแทพย์ทุกคนในโรงพยาบาลกลับมองเธอเป็นแกะดำ ที่ขัดต่อวัฒธรรมองค์กร พบกับเรื่องราวของ มิจิโกะ ต้องยืนหยัดเพื่อช่วยเหลือคนไข้ และทำลายขนบธรรมเนียมเก่าแก่เพื่อสร้างให้เหล่าแทพย์ได้รับรู้หน้าที่ของคนเป็นหมออย่างแท้จริง

ซีซั่นที่2 เรื่องราวดำเนินต่อจากภาคแรก ครั้งนี้ไดมอน มิจิโกะ แพทย์อิสระได้ไปทำงานในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทย์โตะ หลังจากแสดงฝีมือผ่าตัดอันน่าทึ่งในการผ่าตัดกระดูกขาม้า ต่อหน้าต่อตาหนึ่งในผู้บริหารของโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยยังคงอยู่ในสภาวะตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ซ้ำยังให้ความสำคัญต่อชื่อเสียงเงินทองมากกว่าชีวิตของผู้ป่วย ไดมอน มิจิโกะต้องเข้าไปเผชิญหน้ากับความเน่าเหม็นภายในโรงพยาบาล และต้องแสดงฝีมือเพื่อพิสูจน์ตนเองอีกครั้ง

ซีซั่นที่3 การกลับมาอีกครั้งของศัลยแพทย์พาร์ทไทม์ ไดมอน มิจิโกะ กับคำพูดประจำตัวที่ว่า “ฉันไม่เคยพลาด” โดยในภาคสามนี้ มิจิโกะ ได้เจอกับอดีตผู้อำนวยการที่เธอเคยไปทำงานด้วย ได้รับบาดเจ็บ และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง โดยมิจิโกะได้แสดงตนเป็นศัลยแพทย์ผู้ให้การรักษาเขา ท่ามกลางเหล่าศัลยแพทย์ที่ไม่เห็นด้วย มาพร้อมกับผู้จัดการส่วนตัว ที่ต้องพกลูกเมล่อนและใบแจ้งหนี้ มาดูกันสิว่าในภาคนี้เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป

ซีซั่นที่4 ครั้งนี้ ศัลยแพทย์ไดมอน มิจิโกะ (โยเนะคุระ เรียวโกะ) ได้รับการว่าจ้างจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโทเทย์ ซึ่งกำลังประสบปัญหาด้านแบรนด์ดิ้งอย่างหนัก เนื่องจากการรักษาที่ไม่ได้มาตรฐานและความขัดแย้งภายในองค์กร หนำซ้ำ ชะตากรรมของโรงพยาบาลดันตกอยู่ในกำมือของฮิรุมะ ชิเงคัตสึ (นิชิดะ โทชิยูกิ) คู่แค้นตลอดกาลของหมอไดมอน

ซีซั่นที่5 หลังจากฮิรุมะ ชิเงคัตสึ (นิชิดะ โทชิยูกิ) ถูกอัปเปหิออกจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโทเทย์ โรงพยาบาลได้เข้าสู่ยุคใหม่ซึ่งนำโดยผู้อำนวยการหญิงคนแรก ที่มาพร้อมแนวคิด คนไข้มาก่อน  และต้องการชำระโรงพยาบาลให้บริสุทธิ์ดังเดิม ทว่า ด้วยความช่วยเหลือของสมาคมแพทย์ญี่ปุ่น อำนาจเก่าก็ได้หวนคืนเวทีอีกครั้ง และในครั้งนี้หมายมุ่งจะทำลายไดมอน มิจิโกะ (โยเนะคุระ เรียวโกะ) ให้จมดิน

Doctor-X หรือชื่อเต็มว่า Doctor-X: Surgeon Michiko Daimon ซีรี่ส์ญี่ปุ่นกระแสแรงที่เคยคว้าเรตติ้งอันดับ 1 ในญี่ปุ่นมาแล้ว และมีถึง5ซีซั่น  เมื่อปี 2019 กับการหยิบแวดวงการแพทย์มานำเสนอได้อย่างน่าสนใจ ทั้งการฉีกรักษาที่ตื่นเต้นสมจริง หรือแม้กระทั่งเรื่องการเมืองในองค์กร จึงทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับความนิยมสุดในญี่ปุ่น คอซีรี่ส์แนวหมอไม่ควรพราดจริงๆรับชมได้แล้วบน Netflix

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่  รีวิว ซีรี่ส์ ญี่ปุ่น  

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง Howling Village อุโมงค์ ผีดุ

รีวิว หนัง Howling Village อุโมงค์ ผีดุ ผลงานกำกับของ ผู้กำกับหนังสยองขวัญอย่าง Ju-On และ Howling Village อุโมงค์ผีดุ ซึ่งอ้างอิงจาก อุโมงอินุนาคิ และสร้างความสะพรึงต่อชาวญี่ปุ่นจนคว้าอันดับ 1 BOX OFFICE ประเทศญี่ปุ่น [ สปอยนิดๆ ]

รีวิว หนัง Howling Village อุโมงค์ ผีดุ หนังว่าด้วยเรื่องราวเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นรอบตัวนักจิตวิทยาสาวโมริตะ คานาเดะ มี ตั้งแต่ผู้หญิงร้องเพลงเด็กพี่น้องสูญหายและปริศนาการตายต่อเนื่องที่ไม่ทราบสาเหตุเธอฉุกคิดได้ว่าทุกคนในนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุโมงค์ อินุนากิ ที่ถูกสาป คานาเดะ มุ่งไปยังอุโมงค์เพื่อตามหาความจริง

“ยูมะ” และ “อากินะ” แฟนสาวของเขา ได้เผลอรับโทรศัพท์ปริศนาที่ตู้สาธารณะ แล้วลองเข้าไปยังอุโมงค์ อินุนากิ เพื่อเล่นกิจกรรม “ทดสอบความกล้า” ซึ่งพวกเขาเกือบจะถูกฆ่าตายและดูเหมือนว่า อากินะ จะเสียสติไปแล้ว ยูมะ ได้ปรึกษากับน้องสาว “คานาเดะ โมริตะ”  จิตแพทย์ที่มีสัมผัสที่หก เพื่อหาสาเหตุของอาการของ อากินะ หลังจากนั้นไม่นาน อากินะ ก็ฆ่าตัวตาย ทำให้ยูมะได้พาพรรคพวกกลับไปที่นั่นอีกครั้ง เพื่อหาความจริง แต่เพื่อนของเขาก็เสียชีวิตอย่างลึกลับ ในตู้โทรศัพท์ใกล้หมู่บ้าน ซึ่งตั้งอยู่นอกอุโมงค์

เมื่อยิ่งสืบ ก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวของหมู่บ้านนี้ชัดเจนขึ้น มันมีเหตุบางอย่างที่ทำให้หมู่บ้านนี้ และอุโมงค์ปริศนายังคงอยู่ คานาเดะ ก็เริ่มที่จะตระหนักดีว่าบรรพบุรุษของเธอ ก็อาจเป็นสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวก็เป็นได้

อุโมงค์อินุนากิ ตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุโอกะ ที่นี่ถูกสร้างในช่วงปี 1886 และสร้างเสร็จในปี 1949 แต่ด้วยความที่อุโมงค์นี้ตั้งในป่าลึก และวังเวง ทำให้รัฐบาลได้สร้าง “อุโมงค์ใหม่ อินุนาคิ” เพื่อทดแทน ส่วนอุมฌงค์เก่านั้นถูกปิดตาย และกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมของเหล่ากุ๊ย นักซิ่งแว้น และยากูซ่า ที่มักจะเอาศพคู่อริมาทิ้งหมกไว้ที่นี่ และยังเป็นหนึ่งในที่ๆยอดฮิตในการฆ่าตัวตาย คดีฆาตกรรม

สรุปโดยภาพรวมแล้ว Howling Village อุโมงค์ผีดุ จึงเป็นภาพยนตร์ที่ทำออกมาได้ เกือบดี ภาพรวมนั้นเล่าเรื่องได้น่าสนใจ มีการผูกเงื่อนงำให้ชวนน่าติดตาม มีจังหวะจะโคนความหลอนและตกใจที่ดีงามชวนขนลุก แต่มีปัญหาในตอนจบที่รู้สึกว่าเล่นใหญ่ไปหน่อย และมีช่องโหว่อยู่บางจุด โปรดัคชั่นโดยภาพรวมนั้นทำได้โอเค ไม่ได้เน้นความล้ำมากมาย แต่ก็นำเสนอภาพด้วยเทคนิค

พิเศษสเปเชียลเอฟเฟ็คพื้นฐานได้อย่างดี สมจริง เพลงประกอบก็หลอนใช้ได้ ใครเป็นคอหนังผีญี่ปุ่น ชอบงานของผู้กำกับหนังผีจูออน ชอบฟีลหนังผีญี่ปุ่นหมู่บ้านหลอนๆ ไม่ผิดหวังแน้นอน แอดขอบอก

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง Doraemon : Nobita’s New Dinosaurไดโนเสาร์ตัวใหม่ของโนบิตะ

ภาพยนตร์ ที่สุดแสนประทับใจ ของโนบิตะ ที่แฟนหนังต้องเสียน้ำตา [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว หนัง Doraemon : Nobita’s New Dinosaurไดโนเสาร์ตัวใหม่ของโนบิตะ โนบิตะได้ค้นพบไข่ไดโนเสาร์จากนิทรรศการไดโนเสาร์ ก่อนที่จะฟักเป็นตัวออกมา เป็นไดโนเสาร์พันธุ์ขนสีเขียว และ สีชมพู ที่โนบิตะตั้งชื่อว่า คิว และ มิว ทั้งสามเริ่มผูกพันต่อกัน ทว่าโลกใบนี้ไม่ใช่โลกที่เหมาะสมกับไดโนเสาร์อย่าง คิวและมิว โดราเอมอนและผองเพื่อนจึงขอให้โนบิตะพาคิวและมิว กลับไปหาพวกที่อยู่ในยุคครีเตเชียส แต่กลับต้องเผชิญกับดาวหางทำลายล้าง ที่กำลังจะโคจรเข้ามาใกล้โลกขึ้นทุกที โนบิตะจะสามารถตามหาผองเพื่อน และปกป้องคิวและมิวจากมหันตภัยร้ายครั้งนี้ได้หรือไม่ หรือสุดท้าย ประวัติศาสตร์จะเป็นสิ่งที่ไม่อาจหวนกลับไปแก้ไขซ้ำได้อีกแล้ว

เรียกได้ว่าเป็นวาระที่น่ายินดีของแฟนๆ โดราเอมอน ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก เพราะว่าการ์ตูนขวัญใจหนูๆ น้องๆ ( และผู้ใหญ่หัวใจอ่อนโยน ) เรื่องนี้ มีอายุครบรอบ 50 ปีพอดิบพอดี เรียกได้ว่าเป็นการ์ตูนในตำนาน ที่อยู่ร่วมสมัยมาอย่างยาวนานหลายรุ่น และการผจญภัยของโดเรมอน โนบิตะ และเหล่าผองเพื่อนก็ยังคงโลดแล่นต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่าผู้ให้ต้นกำเนิดโดราเอมอนอย่างอาจารย์ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ จะจากเราไปนานแสนนานแล้ว

ถ้าพูดถึงไดโนเสาร์ของโนบิตะในปี 2006 นั้นมี พีสุเกะ เป็นเหมือนเพื่อนคู่ใจของโนบิตะแต่แล้วก็ต้องแยกจากกัน จนกลายเป็นความประทับใจของแฟนๆ โดราเอมอนมาแล้วทั่วโลก และการกลับมาของโนบิตะในภาคนี้ ก็ถือว่าเป็นการสานต่อความสำเร็จนั้น ด้วยการหยิบแก่นเรื่องของการผจญภัยในโลกยุคไดโนเสาร์กลับมาอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เหตุการณ์ก็ค่อนข้างจะคล้ายกับภาคเก่าอยู่พอสมควรเหมือนกัน คราวนี้โนบิตะดันไปพบกับไข่ฟอสซิลโดยบังเอิญในขณะที่ไปเที่ยวนิทรรศการไดโนเสาร์ โนบิตะก็เลยเอากลับมา แล้วใช้ผ้าคลุมกาลเวลาของโดราเอมอน จนกระทั่งไข่ฟักออกมาเป็นไดโนเสาร์ฝาแฝดน่ารัก 2 ตัว คือคิว กับ บิว ทั้งสองนั้นเป็นเหมือนแฝดกัน รับรองโดราเอมอนภาคนี้ประทับใจไม่แพ้ภาคก่อนหน้าอย่างแน่นอน

โดยเฉพาะในทุกๆปี นอกจากที่เราจะยังคงได้ชมความสนุกผ่านทางจอทีวีแล้ว โดราเอมอนก็ยังออกมาโลดแล่นผ่านจอภาพยนตร์ ในรูปแบบของภาพยนตร์เรื่องยาวที่มีมาต่อเนื่องในทุก ๆ ปี และมาถึงปีนี้ ด้วยวาระเวลาที่มาบรรจบกับการฉลองครบรอบ 50 ปีพอดี พี่ม่อนของเราก็ไม่พลาดที่จะพาไปผจญภัยกับ “ โดราเอมอน เดอะ มูฟวี่ ” ซึ่งภาคนี้เป็นโดราเอมอนในรูปแบบภาพยนตร์ลำดับที่ 40 พอดิบพอดี

เนื้อหาของภาคนี้กับภาคที่แล้ว ถือว่ามีอะไรที่คล้ายคลึงกันอยู่มากทีเดียว โดยเฉพาะเมนพล็อต ต้น-กลาง-จบ ที่เหมือนซะอย่างกับแกะกันมาเลย แต่ถึงแม้ว่าเนื้อหาในภาคนี้จะจั่วหัวไว้ว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ภาคแรก ( เจอกับพีสุเกะ ) ไม่กี่อาทิตย์ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ในภาคนี้ถือว่าเป็นภาคที่มีความแตกต่าง ในแง่ของซับพล็อตที่ทำได้สนุกและแตกต่างจากภาคที่แล้วมากๆ ใครที่เป็นแฟน โดราเอมอน ตั้งแต่ยุคแรก ห้ามพราดเด็ดขาด

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว อนิเมะ 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง Space Sweepers ชนชั้นขยะ ปฏิวัติจักรวาล

หนัง ไซไฟ อวกาศของแก๊งกวาดขยะนอกโลกจากแดนกิมจิ ก่อนจะพบเจอหนูน้อยที่เขาว่าเป็นแอนดรอย์ทำลายล้าง [ แอบสปอยนิดๆ ]

รีวิว หนัง Space Sweepers ชนชั้นขยะ ปฏิวัติจักรวาล 3 มนุษย์ กับอีก1หุ่นยนต์ ที่รวมตัวกันเป็นสลัดอวกาศล่าขยะมีค่าที่ลอยเคว้งอยู่นอกโลกในปี 2092 แต่ความซวยก็ดันมาเยือน เมื่อพวกเขาดันไปเก็บอาวุธระเบิดมหาประลัย ในรูปของเด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มเข้าเสียได้ แต่ดูเหมือนส้มจะหล่น เพราะมีองค์กรก่อการร้าย พร้อมจะจ่ายให้ไม่อั้นเพื่อแลกตัวเด็กน้อยคืน สุดท้ายกลายเป็นสงครามสาดแสงเลเซอร์ กลางอวกาศเพื่อแย่งตัวแบบมะรุมมะตุ้ม ทั้งฝ่ายคนดีและคนชั่ว โดยมีเหล่านักเก็บกวาดขยะอยู่ตรงกลาง รอเลือกข้างว่าจะเอา เงิน หรือ คุณธรรม

ดูเหมือนว่านับวัน ยิ่งได้เห็นหนังเกาหลีใต้ มีความหลากหลายและก้าวออกไปไกล ห่างบ้านเรามากขึ้นทุกที ตอนนี้พวกเขามีหนังแอคชั่นไซไฟอวกาศ ออกฉายในระบบสตรีมมิงของ Netflix เรื่องราวของกลุ่มนักเก็บขยะนอกโลก กับหนังเรื่องใหม่ Space Sweepers หรือชื่อไทย ชนชั้นขยะปฏิวัติจักรวาล ไซไฟอวกาศแบบเต็มขั้น อีกหนึ่งที่พัฒนาการด้านภาพยนตร์จากเกาหลีใต้ ที่จะพาทุกคนไปตะลุยจักรวาล กับภารกิจสุดว้าวซ่า ของเหล่าแก๊งคนเก็บขยะอวกาศ ผ่านพล็อตที่ว่าด้วยเรื่องราวของภารกิจที่เกี่ยวข้องกับเด็กน้อยคนหนึ่ง

หนังมีส่วนที่ทำให้รู้สึกว้าวอยู่พอสมควร คือพล็อตเรื่องที่ชวนให้นึกถึงภาพยนตร์เรื่อง Guardian Of The Galaxy อยู่บ้างนะ ด้วยเป็นหนังไซไฟอวกาศ ที่ไม่ได้หนีห่างจากเรื่องราวการกอบกู้โลกมากนัก แต่หากใครที่ไม่เคยดูมาก่อนก็คงไม่มีปัญหา เพราะถึงอย่างไรตลอดทั้งเรื่องก็ไม่ได้มีจุดไหนชวนง่วงหรือขอตัวไปทำอย่างอื่นก่อน แล้วค่อยกลับมาดู ยิ่งช่วงกลางเรื่องไปจนจบยิ่งสนุก จนไม่อยากลุกไปไหน แอบคิดในใจว่าหากฉายในโรงภาพยนตร์ ได้ดูบนจอใหญ่ๆ เสียงดังกระหึ่มคงสนุกฉิบหาย

อาจยังไม่ใช่หนังที่ชื่นชมได้แบบอวยสุดลิ่ม แต่เราก็ได้เห็นความสามารถ และศักยภาพของหนังเกาหลี ว่าไปฟัดกับโลกได้จริงๆ ไม่ว่าจะตระกูลหนังล่ารางวัล หรือตอนนี้หนังบันเทิง CG แบบเต็มสูบ ขนาดว่าทรงดีมากๆ ถ้าอุตสาหกรรมหนังเกาหลี ต่อยอดได้จริงจัง เราจะเห็นหนังไซไฟ หนังอวกาศที่ดราม่าเข้มๆ สไตล์เกาหลี เต็มทั้งตา ตรึงทั้งใจ แน่นอนเมื่อนั้นล่ะหนังเกาหลีจะเบียดขึ้นแนวหน้า ของหนังตระกูลไซไฟ ที่มหาอำนาจภาพยนตร์ฝั่งตะวันตกครองที่นั่งมายาวนานก็เป็นได้ สำหรับเรื่องนี้ หนังสนุกดี ชมได้เพลินมากๆ แอดขอบอก

โดยรวมแล้ว ต้องยอมรับจริงๆว่านี่คืองานเอาไปโม้ เอาไปกระทบไหล่ หนังบล็อกบัสเตอร์ได้เลยทีเดียว ขนาดว่าดูผ่านจอทีวียังรู้สึกได้ ไม่ต้องคิดว่าถ้าได้ฉายในโรงจะเพิ่มอรรถรสภาพกับเสียงไปได้อีกเท่าไร น่าเสียดายว่าพิษโควิด-19 ทำให้อดชมในโรง [ แต่ในเรื่องที่ร้ายก็มีเรื่องที่ดีเหมือนกัน ]หนังได้ลงเน็ตฟลิกซ์ ดูพร้อมกันทั่วโลกแทน ติดตามความสนุกของหนังไซไฟอวกาศเรื่องแรกจากเกาหลีใต้ใน Space Sweepers ชนชั้นขยะปฏิวัติจักรวาล ทั้งพากษ์ไทยและบรรยายไทยได้แล้วทาง Netflix นับเป็นหนังดีอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดจริงๆ

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms