รีวิว หนัง ROURONI KENSHIN THE FINAL

รีวิว หนัง ROURONI KENSHIN THE FINAL การกลับมาของ ซามูไรพเนจร ฮิมุระ เคนชิน กับ Rouroni Kenshin The Final ซามูไรพเนจร ปัจฉิมบท [ สปอยนิดๆ ]

รีวิว หนัง ROURONI KENSHIN THE FINAL ภาค4นี้เป็นภาคสรุปของหนังทุกภาค หลังจากไตรภาคชุดแรก ซึ่งที่ใช้ชื่อภาคว่า ปัจฉิมบท FINAL CHAPTER PART I และ THE BEGINNING เพราะหนังจะมีภาคย้อนอดีตสมัยที่เคนชินยังเป็นมือพิฆาตบัตโตไซ ฉายอีกภาค เป็น PART II ก็รู้สึกแปลกใจเล็กๆว่าทำไมทำภาคบทสรุปก่อน แล้วค่อยทำภาคย้อนอดีตเป็นพาร์ทที่สอง แต่อาจคิดว่าต้องการทำตามต้นฉบับในมังงะก็เป็นได้

นอกจากนี้ ROURONI KENSHIN ยังได้รับความนิยมอย่างมาก จนถึงขั้นเป็นแฟรนไชส์หนังญี่ปุ่นแบบ LIVE ACTION เรื่องแรก ที่ได้เข้าฉายในเทศกาลหนังเซี่ยงไฮ้ที่ประเทศจีนด้วยและตอนนี้ฉายพร้อมกันทั่วโลกทาง NETFLIX แสดงนำโดย ซาโต้ ทาเครุ และ เอมิ ทาเคอิ ซึ่งหนังเข้าฉายครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อเดือนเมษายน โกยรายได้ไปมากถึง 31 ล้านเหรียญเลยทีเดียวตัวหนังกับต้นฉบับมังงะ จะอยู่ประมาณเล่มที่ 18-28 จบนี้ละครับ

สำหรับ ซามูไรพเนจรภาคที่4นี้ บทของ เอนิชิ ซึ่งเป็นบทที่มีความดราม่าที่สุดและเป็นการเฉลยปมทที่มาของรอยแผลเป็นรูปกากบาทที่แก้มของเคนชิน และบทสรุปก็เป็นการปลดล็อคความผิดบาปที่ค้างคาใจของตัวละครด้วย ฮิมุระ เคนชิน หรือ มือพิฆาตบัตโตไซ ที่เคยเป็นมือสังหารที่ร้ายกาจที่สุดในยุคปฏิรูป ได้กลายมาเป็นคนพเนจร แล้วใช้ชีวิตอยู่ที่สำนักดาบคามิยะ ร่วมกับ คามิยะ คาโอรุ หลังจากศึกในสามภาคที่ผ่านมา

เมื่อเคนชินจัดการกับชิชิโอ มาโคโตะได้แล้ว ญี่ปุ่นก็ได้กลับสู่ความสงบอีกครั้ง แต่ก็เป็นแบบนั้นได้ไม่นาน เมื่อ เอนิชิ ยูกิชิโระ น้องชายของ โทโมเอะ ยูกิชิโระ อดีตภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้วของเคนชินในสมัยที่ยังเป็นบัตโตไซ ได้วางแผนทัณฑ์มนุษย์ เพื่อแก้แค้นเคนชินที่เป็นคนทำให้พี่สาวของเขาตายไป เอนิชิยังมาพร้อมกับองค์กรมาเฟียเซี่ยงไฮ้ที่จัดเต็มทั้งกำลังคนและอาวุธปืนเพื่อถล่มเมืองและผู้คนที่เคนชินได้ปกป้องไว้

ฉากแอ็กชั่นในภาคจัดหนักจัดเต็มเลยทีเดียว เพราะตัวละครเอนิชิที่ใช้วิชาวาโตเข้ามาเป็นตัวร้ายหลักของภาค ก็ทำให้ฉากต่อสู้ดูแล้วลื่นใหลและหลากหลายยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยรวมแล้วฉากแอ็กชั่นทำออกมาได้ดีจริงๆ ใส่เข้ามาแบบไม่ต้องมีกั๊ก ทั้งฟันดาบ ยิงปืนกล ระเบิด และอื่นๆอีกเพียบ และมีเซอร์ไพรส์ด้วย [ เป็นอะไรต้องไปดูกัน ]

โดยรวมแล้วถือว่า ROURONI KENSHIN THE FINAL นี่คือบทสรุปของ ซามูไรพเนจร ที่เป็นมากกว่า LIVE ACTION แต่เป็นหนังแอ็กชั่นซามูไรแบบไฮสปีดความเร็วสูงที่ผู้ชมไม่ควรพลาดจริงๆ ต่อให้ไม่ใช่เป็นแฟนคลับของซามูไรพเนจรก็ตาม และก็ถือได้ว่าเป็นหนัง LIVE ACTION ที่ดีที่สุดตลอดกาลเลยก็ว่าได้สำหรับแฟนไชส์หนังชุดนี้รวมกันทุกภาค ซึ่งหนังภาคบทสรุปนี้สามารถรับชมได้เลยใน NETFLIX

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง ANIMAL WORLD เจิ้งไค ฮีโร่เกรียนกู้โลก

รีวิว หนัง ANIMAL WORLD เจิ้งไค ฮีโร่เกรียนกู้โลก อีกหนึ่งหนังแฟนตาซีฟอร์มยักษ์ของฝั่งพี่จีนที่กระแสดีมากจนขึ้นบ็อกซ์ออฟฟิศอันดับ 1 ในแดนมังกร ดัดแปลงมาจากกร์ตูนเรื่อง ไคจิ กลโกงเกมมรณะ ของ อ.โนบุยุกิ ฟุคุโมโตะ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งการ์ตูนหายากในบ้านเรา [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว หนัง ANIMAL WORLD เจิ้งไค ฮีโร่เกรียนกู้โลก บอกเล่าถึงสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง ณ ใจกลางมหาสมุทร (เงิน) คือสิ่งเดียวที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้กับสถานที่แห่งนี้ และทุกคนในที่นี้สามารถยอมตายได้เพื่อเงิน ชาง (หลี่อี้เฟิง) ชายหนุ่มผู้โชคร้ายที่ต้องแบกรับหนี้สินจำนวนมหาศาลที่เขาไม่ได้ก่อ อีกทั้งแม่ของเขากำลังป่วยจนไม่ได้สติ หนทางรอดทางเดียวของเขาก็คือการเข้าร่วมเล่นในเกมสุดระทึก ที่ต้องใช้ชีวิตของผู้เล่นเป็นเดิมพันในอนิมอล เวิลด์ ที่จัดโดยผู้มีอิทธิพลในด้านมืด แอนเดอร์สัน (ไมเคิล ดักลาส) ภายในที่แห่งนี้ ศีลธรรมความดีงามจะเป็นแค่สิ่งฉุดรั้ง มีเพียงผู้ที่สามารถปลดปล่อยสัญชาติญาณแห่งสัตว์ป่าเท่านั้นที่จะเป็นผู้ชนะในเกมส์นี้

หนังเหมือนจะออกไปทางหนังแอ็คชั่น มีความไซไฟ ที่วิชวลเล่นใหญ่จัดเต็มมากตามสไตล์พี่จีนนั้นละ และการเล่นเกมส์เอาตัวรอดแบบ Liar Game ก็ถือว่าตัวภาพยนตร์เองทำได้สุดยอดมาก นานๆจะได้เห็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากจีน ที่นำเสนอในด้านการใช้สมองอย่างเต็มที่ มีการพลิกแพลง มีลูกเล่น และสามารถนำเสนอวิธีคิดหลายๆรูปแบบในการเอาชนะเกมส์ได้อย่างถึงพริกถึงขิง ตั้งแต่รูปแบบขั้นพื้นฐานของความคิด รูปแบบระดับคนเก่ง และการโกงก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของการเล่นเกมส์ได้ และการใช้สมองให้ควบคู่กันได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ไม่มีจุดสะดุดอื่นใดๆให้ชวนหลับใหลเลย

หนังเรื่องนี้ เราจะได้เห็นพัฒนาการของ เจิ้งไคซือ ที่มาที่ไปของตัวตลกที่มักจะปรากฏตัวบนความคิดของเขาทุกครั้งเมื่อมีอะไรมากระทบจิตใจจนควบคุมตัวเองไม่ได้ และตัวตลกนี่เองที่หนังแผ้วทางเอาไว้เป็นภาคต่อได้ยาวๆ รวมทั้งบทบาทของ ไมเคิล ดักลาส ที่เพิ่มความน่าเกรงขามให้ตัวหนังออกมาดี ที่ล้อเล่นกับจิตใจของคนแบบนี้ได้คมชัด

แม้แต่ตอนอธิบายเกมส์ และอธิบายความคิดของตัวละครที่มีต่อเกมส์นั้น ก็ยังใช้เทคนิคพิเศษด้าน CG เข้ามาช่วย เพื่อให้ผู้ชมสามารถตามความคิดตัวละครทัน และเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น เรียกได้ว่านอกจากจะใช้งาน Visual Effect นำเสนอด้านความหวือหวา ความบ้าพลังแล้ว ยังมีส่วนสำคัญในการเล่าเรื่องให้ชัดเจนมากขึ้น และไม่ให้คนดูต้องล้ากับการใช้สมองจนเกินไป เป็นการใช้เทคนิคพิเศษช่วยเล่าเรื่องได้อย่างดี

สรุปแล้ว เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นยิ่งใหญ่จากจีนที่ทำออกมาได้ดีเกินคาด มันมีความชาญฉลาดในการเล่าเรื่อง ความพลิกแพลงในการเล่นเกมส์ มีประเด็นน่าสนใจที่พาเราไปขุดเบื้องลึก และสัญชาติญาณที่แท้จริงของความเป็นมนุษย์ ด้านเทคนิคพิเศษคือสิ่งที่สุดยอดที่สุดของเรื่อง ใครชอบหนังแนวนี้ รับรองไม่ผิดหวังแน้นอน รับชมได้แล้วบน Netflix 

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ วิว ภาพยนต์จีน

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง 9 ศาสตรา 9 weapons

รีวิว หนัง 9 ศาสตรา 9 weapons แอนิเมชั่นฝีมือคนไทย งานภาพสุดยอด งานเสียงจัดเต็ม 9 ศาสตรา ภาพยนตร์แอนิเมชั่นผสมผสานเรื่องราวแฟนตาซีกับมวยไทย [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว หนัง 9 ศาสตรา 9 weapons ในโลกของ 9 ศาสตรานั้นว่าด้วยเรื่องราวของมนุษย์ที่อยู่ร่วมกันกับสิ่งมีชีวิตหลากหลายเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ โดยรามเทพนครเมืองมนุษย์ที่เคยรุ่งเรืองนั้นตกอยู่ในการปกครองของคนยักษ์ และจับมนุษย์ไปเป็นทาส

เรื่องราวถูกเล่าผ่าน “อ๊อด” เด็กหนุ่มที่ชะตาลิขิตให้เป็นส่วนหนึ่งในการกอบกู้อาณาจักร รามเทพนคร แผ่นดินเกิดของเขาให้รอดพ้นอำนาจของ เทหะยักษา

อ๊อด ได้ฝึกฝนเคี่ยวกรำ ร่ำเรียนศิลปะการต่อสู้มวยไทย จากครูมวยอันดับหนึ่งของแผ่นดิน อ๊อด มีภารกิจอันยิ่งใหญ่ ในการนำสุดยอดศาสตราวุธ 9 ศาสตรา ไปมอบให้องค์ชายรัชทายาทแห่ง รามเทพนคร เพื่อใช้ในการกอบกู้อาณาจักร พร้อมกับพลพรรคเพื่อนพ้อง

รู้สึกแย่มากที่เคยมองข้ามและเพิกเฉยหนัง 9 ศาสตรา แอนิเมชั่นฝีมือคนไทยเรื่องล่าสุด เพราะพอได้ดูจริงๆ แล้วต้องยอมรับเลยว่า ถ้าเราไม่ได้มาดู มันจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่สุดในรอบปีเลยก็ได้ ใครที่ยังแอบปรามาสหนังเรื่องนี้อยู่ ขอให้เปิดใจเลยนะ แล้วมันจะเบิกเนตรของเราจริงๆว่า คนไทยสามารถทำหนัง รวมถึงแอนิเมชั้น ได้ไม่แพ้ชาติใดในโลก หากตั้งใจ มีทุน และได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่

สำหรับเรื่องนี้คำว่า อนิเมชั่นที่ดีที่สุดของคนไทย ไม่ใช่แค่คำอวยหากแต่คือเรื่องจริง หนังสนุกจริง ดีจริง งานสกอร์และงานภาพละเอียดสมจริงเทียบชั้นฮอลลีวูดได้สบาย  ( ดีกว่าของเมืองนอกหลายๆ เรื่องเสียอีก ) ฉากแอ็คชั่นซึ่งมีเยอะแทบทั้งเรื่องก็มัน ไม่เบื่อเลย

เนื้อเรื่องค่อนข้างเป็นเส้นตรงเดาได้ตั้งแต่ต้นจนจบ และเป็นแบบสำเร็จรูปทั่วไป แต่กลับมีวิธีการเล่าเรื่องในแบบเฉพาะตัวที่ทำให้คนดูสนุกไปกับมันได้ไม่ยาก และยังแฝงไว้ซึ่งกิมมิคต่างๆ ซึ่งถ้าไม่สังเกตดีๆแล้วละก็ อาจโดนหักมุมใส่หน้าชนิดไม่ทันตั้งตัวเลยทีเดียว

พล็อตค่อนข้างปูมาแน่นในระดับหนึ่ง มีจังหวะการสอบรับที่โคตรพอดีกันมากๆ จนทำให้พล็อตของทั้งเรื่องดูสมจริงสมจัง และเข้าถึงง่ายในเวลาเดียวกัน แต่ก็ติดอยู่ที่ฉากปล่อยของ ( ของแต่ละตัวละคร ) ที่มันมาง่ายเหลือเกิน พอมาทีเหมือนเติมบัตรทรูอ่ะ ผ่านด่านชนะง่ายจังฟระ ทำให้อุปสรรคในเรื่องดูลดลงไปมาก คือเดาได้เลยว่าถ้ามาปูมาแบบนี้ ต้องแก้ทางด้วยสิ่งนี้แน่ ซึ่งมันก็ถูกหมดเลยตามทุกอย่างที่เดา โดยไม่ต้องใช้เซลล์สมองมากนัก

 และด้วยประการทั้งปวงนี้ ไม่ต้องมัวสงสัยเลยว่าจะคุ้มค่า เสียเวลาดูรึเปล่า หนังแอนิเมชั่นไทยก็คงจะอีหรอบเดิมกับก้านกล้วยรึเปล่า? ถ้าใครคิดแบบนั้น ขอบอกเลยว่าคุณคิดผิด แค่ความสนุก ความมันส์ ก็กินขาดจริงๆใครไม่ดูถือว่าพราดจริงๆ

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว อนิเมะ 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง Rurouni Kenshin คนจริง โคตรซามูไร ความมันส์ยกกำลัง 3

Rurouni Kenshin ซามูไรพเนจร เป็นภาพยนตร์ที่สร้างมาจากมังงะสุดฮิต นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ก็มาถึงภาค3แล้ว และตอนนี้กำลังสร้างภาค4 และ 5 อยู่ แอดนี้รอเลยไม่พลาดอย่างแน่นอน [ สปอยให้นิดๆนะ ]

รีวิว หนัง Rurouni Kenshin คนจริง โคตรซามูไร สำหรับภาค3นี้เน้นไปที่ฉากแอ็คชั่นเต็มๆ ทั้งรวดเร็ว คล่องแคล่ว ดูสมจริงสุดๆ แต่ดูรู้เรื่องนะครับ ไม่ใช่แว่บไปแว่บมา ขอชื่นชมนักแสดงและทีมงานของเค้าจริงๆ จนลืมคิดไปว่านี่สร้างมาจากมังงะ คิดว่าฉากแอ็คชั่นของเค้าพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นแล้วของวงการหนังญี่ปุ่นเนี่ย ฉากตู่สู้เนียนจริงๆ

การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของฮิมุระ เคนชิน ที่จะต้องประจันหน้ากับตัวร้ายผู้เป็นถึงนักฆ่าฝีมือฉกาจอย่าง ชิชิโอ มาโคโตะ [ ในที่สุดก็ได้สู้กัน ] เคนชินพร้อมแล้วที่จะใช้ดาบคู่ใจของเขา เข้าฟาดฟัน และปกป้องประเทศแห่งนี้

ชิชิโอ ปรากฏตัวนอกชายฝั่งโตเกียว พร้อมเรือรบหุ้มเหล็กสีดำขนาดใหญ่ และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีไปเยี่ยมเขา เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ หลังจากเชิญรัฐมนตรีมาร่วมรับประทานอาหาร หนึ่งในนั้นก็ถูกคนของชิชิโอฆ่า นายกรัฐมนตรีพยายามที่จะฟื้นฟูความสงบ แต่พวก ชิชิโอ ก็ฆ่าคนในรัฐบาลทั้งหมดนอกเหนือจากนายกรัฐมนตรี ชิชิโอเรียกร้องให้นำ บัตโตไซ มาหาเขาและทำการประหารต่อหน้าผู้คน ยาฮิโกะพบใบประกาศจับเคนชิน จึงทำให้รู้ว่า เคนชิน ยังมีชีวิตอยู่

เพื่อตามหาเคนชิน และค้นหาคาโอรุ ขณะที่พวกเขากำลังจะจากไป มิซาโอะ จำได้ว่าเธอคือ คาโอรุ พวกเขาปรากฏตัวนอกโรงพยาบาล และเข้าไปเพื่อพบคาโอรุ ที่หมดสติและมีชีวิตอยู่ ส่วนทางด้าน เคนชิน ไม่เข้าใจสิ่งที่ขาดหายในตัวเอง หลังจากฟื้นขึ้นมา จึงขอให้อาจารย์ ฮิโกะ เซจูโร่ ท่ายทอดสุดยอดวิชา [ เพรงดาบล่องนภานาคาอัสนีบาตทะยานฟ้า ] อีกครั้งเขารู้ว่าเขาทิ้งความตั้งใจ ที่จะมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่เขาเป็นมือสังหาร บัตโตไซ และในขณะที่เขาไม่มีความตั้งใจที่จะออกมามีชีวิต เขาจะไม่สามารถเอาชนะ ชิชิโอได้ ฮิโกะชี้ให้เห็นว่าเขาสูญเสียสัญชาตญาณนักฆ่าไป พร้อมกับคำสาบานที่จะไม่ฆ่าและดาบที่ [ ไร้สาระ ] ของเขา

ฮิโกะ บอกว่ามีบางอย่างที่หายไป ในเคนชินและคืนนั้นเขาจะได้คิดเรื่องนี้ ถ้าเขาไม่พบว่ามันคืออะไรเขาจะตายในวันพรุ่งนี้ เช้าวันรุ่งขึ้น ฮิโกะ เปิดเผยภารกิจสุดท้ายของเขาในฐานะอาจารย์ของ เคนชิน โดยไม่รู้ว่าอะไรหายไป เคนชิน จะกลับไปสู่วิถีทางเดิมและฮิโกะจึงต้องฆ่าบัตโตไซ เคนชินฟังในขณะที่เขาบอกว่า เขาไม่สามารถเรียนรู้ความลับได้ จนกว่าเขาจะตระหนักว่าเจตจำนง ที่จะมีชีวิตอยู่เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เขาจึงได้รู้ความลับของ เพลงดาบล่องนภา และเคนชินได้รับการปลดปล่อย

ไซโตะ และ ซาโนะ ได้เข้าร่วมศึกนี้ด้วย พวกเขาทั้งสามไปที่เรือประจัญบานของ ชิชิโอ ในขณะที่ตามหา ชิชิโอ เคนชินได้พบกับ ดาบสรรค์โซจิโร่ อีกครั้งและทั้งสองก็สู้กัน เคนชินได้รับชัยชนะและโซจิโร่ซึ่ง แต่เดิมเชื่อว่าเคนชินอ่อนแอ ก็พ่ายแพ้ให้เคนชินในที่สุด

สำหรับหนังซามูไรภาค3นี้ ซึ่งในส่วนตัวแอดไม่อยากให้มันจบลงเลย [ ฉากต่อสู้ตอนจบ บอกได้เลยว่าโคตรมันจริงๆ ] นะครับเพราะเป็นหนังที่แอดชื่นชอบเป็นการส่วนตัว [ แอดอ่านมังงะมาตั้งแต่ 17-18 ] ด้วยเพราะเป็นหนังที่สร้างมาจากการ์ตูนแล้วทำให้รู้สึกว่าทำออกมาได้สมจริง และในบางครั้งเรารู้สึกว่ามันสามารถเกิดขึ้นจริงและมีตัวละครจริงแบบนี้ได้ ซึ่งทำให้แอดชื่นชอบมากๆครับ รับชมได้แล้วบน Netflix

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง Rurouni Kenshin เกียวโตทะเลเพลิง ซามุไร x ภาค 2

จากมังงะเรื่องดัง ถูกสร้างเป็น Live Action ปี 2012 ประสบความสำเร็จ อย่างถล่มทลายมาแล้ว กับ “ เคนชิน ซามูไร X ” หรือ “ ซามูไรพเนจร ” และ ภาคต่อของหนังซามูไรสุดฮิตนี้ ก็กลับมาอีกครั้ง กับภาค 2 [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว หนัง Rurouni Kenshin เกียวโตทะเลเพลิง ซามุไร x ภาค 2 เนื้อเรื่องของหนังในภาคนี้ หลังจากจบเรื่องราวของ อุโด้ จินเอ มือสังหารปลอม ที่ออกอาละวาดในภาคแรก ฮิมุระ เคนชิน ได้กลับมาใช้ชีวิต อย่างสงบสุขที่โรงฝึกดาบกับ คามิยะ คาโอรุ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ลอบสังหาร โอคุโบ โทชิมิจิ เสนาบดีฝ่ายมหาดไทยโดยฝีมือของ ดาบสวรรค์ โซจิโร่ ต่อมา เคนชินได้ทราบความจริงว่า โซจิโร่ ได้ทำงานให้กับ ชิชิโอ มาโคโตะ มือสังหารรุ่นน้อง ที่รับงานต่อจากเขาในสมัยสงครามโทบะฟุชิมิ แต่ชิชิโอ ได้ล่วงรู้ความสกปรกของรัฐบาลใหม่ ทำให้เขาถูกลอบสังหาร และถูกเผาไฟในที่สุด แต่ก็รอดชีวิตออกมาได้

ชิชิโอ ซึ่งเจ็บแค้นที่รัฐบาลทำกับเขาอย่างนั้น จึงออกรวบรวมพรรคพวก กลุ่มจุปปงคาตานะ ก่อการปฏิวัติญี่ปุ่นด้วยการเผาเมืองเกียวโต อันเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นในเวลานั้นให้ได้ แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้เคนชินไม่อาจอยู่เฉยได้ เขาจึงเดินทางมายังเกียวโตเพื่อยับยั้งแผนการของชิชิโอ และการจะเอาชนะสุดยอดมือสังหารได้ เคนชินต้องกลับไปเป็นมือสังหารอีกครั้ง

สำหรับในภาคเกียวโตนี้ แบบว่า ไม่คาดหวังว่าตัวหนังจะออกมาดี กลัวแป๊กจริงๆ เพราะภาคแรกทำไว้ได้ดีมากๆ แต่ก็เกินคาดจริงๆ ภาคนี้อลังการทั้งสถานที่ถ่ายทำ และฉากที่หลากหลาย ตัวละครที่มากขึ้น และองค์ประกอบต่างๆ โดยเฉพราะฉากต่อสู้ มันช่างพลิ้วไหวดัง เพลงดาบล่องนภาจริงๆ ต้องบอกเลยว่าฉากต่อสู้เนียนมากๆ ซาโต้ ทาเครุ พระเอกของเรื่องนี้ท่าทางจะฝึกฝนมาอย่างดี อย่างนี้สิถึงสมกับเป็นซามุไรของแท้ [ ถูกใจเจ้ข้างบ้านเขาละ ]

ส่วน ชิชิโอะ ตัวร้ายของภาคนี้ ซึ่งแม้จะมีบทโผล่หน้ามาแบบไม่เละออกมาฉากเดียว แต่ก็ดูสมบทบาทมากๆ หลังจากนั้นเละและเลวตลอดทั้งเรื่อง ว่ากันว่าเบื้องหลังที่แสนเจ็บปวดของเค้า ที่ฝังลึกจนกลายเป็นแรงอาฆาตมีเพียง มือพิฆาต บัตโตไซ เท่านั้นที่หยุดเขาลงได้ แต่กว่า เคนชิน และชิชิโอะ จะได้สู้กันจริงๆ ต้องผ่านผู้ภักดีหน้าเด็ก โซจูโร่ และ โจว และถูกอาโอชิ แห่งกลุ่มโอนิวะบัง อาฆาตแค้นซะก่อน

ดูเรื่องนี้แล้วได้ข้อคิดดีๆหลายอย่างเลย หลายประโยคโดนใจมาก ดูมันเหมาะสมกับยุคที่กำลังเปลี่ยน ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงก็สามารถนำมาใช้ได้จริงๆ หนังสร้างจาก มังงะแนวแอ็กชั่นประวัติศาสตร์ของอาจารย์ โนบุฮิโระ วาสึกิ เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว [ ตอนนั้นแอดเพิ่งจะ17-18 นี้ละ ] พอมาสร้างเป็น Live Action ในตอนนี้ ประโยคเหล่านั้นก็ยังนำมาใช้ในปัจจุบันได้อย่างเช่น [ ยากที่จะสร้างยุคใหม่มากกว่าทำลายยุคเก่า ] แฟนมังงะ แฟนซามูไรพเนจร ยุค90 ห้ามพราดเด็ดขาด ดูได้แล้วบน Netflix ก็มีนะครับ

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง Rurouni Kenshin ซามูไร x จากมังงะสุดฮิตของยุค 90 สู่ Live Action สุดมันส์

ภาพยนตร์ Live Action สุดมันส์ ดัดแปลงมาจากการ์ตูนสุดฮิตยุค 90 ชื่อเรื่องเดียวกัน จากผลงานการแต่งเรื่องและวาดโดยอาจารย์ Nobuhiro Watsuki ภาพยนตร์ชุดนี้ เลือกหยิบเนื้อหาจากมังงะ มาดัดแปลงใหม่แล้วแบ่งออกเป็น 3 ภาค ด้วยกัน และนี้คือ ภาคแรก

รีวิว หนัง Rurouni Kenshin ซามูไรx เรื่องราวกล่าวถึงเหตุการณ์ช่วงต้นยุคเมจิ ของญี่ปุ่น ในช่วงหลังสิ้นสุดสงครามยุคบะกุมะสึ ฮิมุระเคนชิน อดีตซามูไรมือสังหารที่โด่งดังที่สุดแห่งยุค เจ้าของฉายาที่ใครๆ ต่างก็รู้จักชื่อของเขาในนาม ” มือพิฆาตบัตโตไซ ” พยายามที่จะหันหลังให้กับอดีต และปฏิญาณตนว่าจะไม่ฆ่าใครอีกเลย โดยมีอาวุธคู่ใจคือ ดาบสลับคม ที่ส่วนของคมจะอยู่ที่สันดาบ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องพลั้งมือฆ่าใครได้อีก ได้วางมือจากการเป็นนักดาบและออกเดินทางอย่างไรจุดหมายเป็นเพียงแค่ ซามูไรพเนจร ธรรมดาคนหนึ่งจนได้มาพบกับ คามิยะคาโอรุ ทายาทสาวผู้สืบทอดสำนัก คามิยะคัตชินริว ในภาคนี้เป็นการเปิดตัวหนังได้อย่างน่าสนใจ ทุกตัวละครมีคาแรคเตอร์ที่โดดเด่นในแบบของตัวเอง ทำให้หนังน่าติดตามเอามากๆเลย

เป็นการ์ตูนสุดโปรด สุดฮิตในตำนานของแอดเลยก็ว่าได้ ชอมมากๆเลยทีเดียวเพราะแอดอ่านมาตั้งแต่อายุ17ปี แม้จะมีเพียงแค่ 28 เล่ม แต่ก็ฮิตที่สุดในนิตยสารที่ตีพิมส์ในตอนนั้น จนวาดจบ คนวาดไปวาดเรื่องอื่นก็ไม่ดัง ไม่สนุกเท่าเรื่องนี้ ไทยตีพิมพ์รวมเล่มใหญ่ออกมาอีกหลายรอบ จนในที่สุดก็ได้มีการนำเอามาสร้างเป็นหนัง Live Action

หนังค่อนข้างฉลาดในการตัดเนื้อเรื่องและเขียนบทตัวร้ายแบบใหม่ เพราะหากจะทำตามหนังสือการ์ตูนจริงๆ คงจะยาวเป็นซีรีส์ละนะ ในคุณภาพระดับนี้นะ ตัวร้ายในภาคแรกนี้ไม่ได้เก่งเท่าไหร่นัก อย่างมากสุดที่ทำคือดึงเอา บัตโตไซ ในอดีตของเคนชินกลับมาเท่านั้นเอง


คนที่อ่านการ์ตูนมาแล้วอาจจะขัดใจอยู่บ้างนะ [ ขัดใจเจ้ข้างบ้านมาก ] กับตัวร้ายที่เป็นคู่ปรับที่เหมาะสม ไม่ได้เอามาอย่าง ชิชิโอ หรือ เอนิชิ แต่เพราะเนื้อหาที่หนังเอามาทำ แอดว่าเหมาะสมแล้ว ที่จะปูให้เห็นถึงเคนชินและบัตโตไซ ก็ต้อง จินเอ นี่แหละนะ

ฉากแอ็คชั่นทำยังกะการ์ตูนจริงๆ ไอ้ที่วิ่งตัดขาเอียง 160 องศา ไอ้การโพสท่าแต่ละแอ็ค ก่อนจะสู้กัน หรือหลังสู้กัน นี่มันเท่ห์จริงๆ [ โดนใจเจ้ข้างบ้านมาก ] ดูแล้วถือว่าต่อสู้กันสนุกพอสมควร เนื้อเรื่องตัดตัวร้ายมาเล่ากับตัวเอกใหม่ถือว่าได้อรรถรส ของแฟนการ์ตูนพอสมควร [ แบบปูทางเพื่อภาคต่อนะ เพราะฝีมือที่สู้กับ จินเอ ยังไม่ได้ถึงครึ่งของเคนชินในการ์ตูนเลยสำหรับแฟนการ์ตูนยุค 90 แอดแนะนำเลยว่าต้องดู ย้ำว่าต้องดู ยิ่งถ้าคนที่อ่านการ์ตูนมาจะดูสนุกมากๆ แต่ถ้าคนที่ไม่เคยอ่านมาดูอาจจะงงๆหน่อยๆ เพราะว่าฉากสู้กันมันเว่อร์อะนะดูได้แล้ว Netflix ก็มีนะครับ

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms







รีวิว อนิเมะ ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่: ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ Demon Slayer the : Movie Mugen Train

พบกับอนิเมะ สุดปัง อลังการดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ น่ะ นี่ มัน โคตร มัน [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่: ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ อนิเมะฟอร์มยักษ์ที่อลังการที่สุดในปี 2020เรื่องราวต่อเรื่องมาจากอนิเมะซีรีส์ตอน 26 ว่าด้วยเรื่องของ เหล่านักดาบพิฆาตอสูร ทันจิโร่ เนซึโกะ และก๊วนเหล่าเพื่อน ได้รับภารกิจให้ไปสืบสวนหาสาเหตุ การหายตัวของประชาชนบนขบวนรถไฟ แต่แล้วก็พบว่า มีสิ่งผิดปกติบางอย่างบนรถไฟสู่นิรันดร์ พวกเขาสัมผัสได้สู่จิตวิญญาณอันชั่วร้าย จึงกลายมาเป็นการต่อสู้เพื่อพิฆาตเหล่าอสูรและปกป้องประชาชน จนเป็นที่มาของ ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ 

การดำเนินเรื่อง เข้าเนื้อเรื่องหลัก ค่อนข้างไว ไม่รีรอ ลุยต่อเนื่อง จัดเต็มไม่มีพัก มีแฟลชแบล๊คย้อนเนื้อเรื่องบางส่วน ครบอรรถรสในการรับชม แอคชั่น โรแมนติก ตลก ดราม่า จนถึงขั้นอาจทำให้ท่านเสียน้ำตาได้เลย (ถูกใจเจ้ข้างบ้าน)  ตัวละครยังคงความเป็นเอกลักษณ์เหมือนเดิม แต่แอคติ้งเล่นใหญ่ เว่อวัง อลังมากกว่าในมังงะหลายเท่า 

บอกได้ว่า ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ เป็นหนังอนิเมะขนาดยาวร่วม 2 ชั่วโมงที่กลั่นแน่นไปด้วยอารมณ์ทั้งมัน ทั้งขำ ทั้งซึ้ง ทั้งเศร้า ทั้งน้ำตาไหล เส้นเรื่องอาจไม่ได้ขยับขยายการรับรู้เดิมไปได้ไกลมากนัก แต่ก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญชนิดที่ว่าจะดู อนิเมะซีรีส์ซีซันต่อไปไม่รู้เรื่องได้เลยทีเดียว

สำหรับคนที่ไม่เคยดูมังงะหรืออนิเมะมาก่อน บอกเลยเป็นงงอย่างมาก จะไม่ค่อยอินกับเนื้อเรื่อง อาจทำให้เสียอรรถรสในการรับชมได้ เพราะเนื้อเรื่องจากเดอะมูฟวี่เป็นการเล่าเรื่องต่อจากซีรีส์เลย แนะนำให้ดูดาบพิฆาตอสูรให้จบก่อน 26ตอน ระดับความมันส์ ไล่จากน้อยไปสู่เต็มขั้น ทั้งนี้ ทั้งนั้น คออนิเมะต้องขอบอกเลยว่า ห้ามพลาดเด็ดขาด

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว อนิเมะ 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว ภาพยนต์ MULAN – หนังกำลังภายในฉบับดิสนีย์

ปี 1998 ดิสนีย์ได้พยายามเจาะตลาดเอเซียด้วยแอนิเมชั่นที่หยิบตำนานวีรสตรีของจีนอย่าง ฮัวมู่หลาน มาดัดแปลง ภายใต้รูปแบบของดิสนีย์ ที่มาเต็ม ทั้งสัตว์พูดได้ มุกตลกแบบการ์ตูนและถึงขั้นมีมังกรที่รูปร่างเหมือนกิ้งก่าพูดได้มาคอยเป็นผู้ช่วยของมู่หลาน

รีวิว ภาพยนต์ MULAN ฮัวมู่หลาน(หลิวอี้เฟย)ที่ลอบปลอมตัวเป็นชายออกรบแทนฮัวโจว(จื่อมา)บิดาแก่ชราในศึกเพื่อปกป้องประเทศและราชบัลลังก์ของฮ่องเต้ (เจ็ตลี หรือ หลี่เหลียนเจี๋ย)จากบอริข่าน(เจสัน สก็อต ลี)ที่มีเซียนเหนียง (กงลี่) แม่มดอาคมแก่กล้าที่สามารถแปลงร่างเป็นเหยี่ยวดำที่กรีฑาทัพไปที่ใดก็มีแต่ความตาย จนมู่หลานและเหล่าทหารภายใต้การฝึกของผู้การถัง(ดอนนี เยนหรือเจิ้งจือตัน) ต้องต้านทัพของศัตรูตัวฉกาจก่อนจีนจะสิ้นแผ่นดิน

จากตัวหนังเราคงพอได้เห็นแล้วว่า ฉบับไลฟ์แอ็กชันนี้จะเน้นความสมจริงและการออกแบบฉากต่อสู้ ให้ดูตื่นตาและไม่ทิ้งความแฟนตาซีเพื่อความตื่นใจ แต่การหยิบเอาตำนานจีนที่เป็นที่รู้จักกลับมาเล่าโดยมีโจทย์ค้ำคอคือต้องคงโทนแบบดิสนีย์อยู่ก็นับว่าท้าท้ายทีมงานไม่น้อย โดยเฉพาะทีมเขียนบท 1 ชาย 3 หญิงที่ไม่ได้มีเชื่อสายจีนเลยสักคน ซึ่งผลลัพธ์ก็น่าทึ่งไม่น้อยเลยกับการถักทอและพาเรื่องราวของมู่หลานมาไกลกว่าฉบับแอนิเมชันมาก ๆ

โดยคงไว้ซึ่งฉากสำคัญ ๆ ของฉบับแอนิเมชันแต่นำมาตีความใหม่ ให้เหมาะกับฉบับหนังซึ่งส่วนตัวมองว่าดีกว่าการตามการ์ตูนเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งตัวหนังเปลี่ยนรายละเอียดทั้งชื่อตัวละครตัดประเด็นโรแมนติกระหว่างมู่หลานกับนายกองออก และแน่นอนตัดมูซูมังกรแดงพูดได้ออก ยังมีคิวบู๊ที่น่าประทับใจเหมือนได้ดูเดชคัมภีร์เทวดาของเฉินเสี่ยวตง แล้วมาลองเล่นกันดูเพราะมันทั้งพิสดารและชวนตื่นตาจนมู่หลานฉบับนี้ไม่ต่างจากหนังกำลังภายใน ที่สำคัญบทหนังยังปูพื้นวัฒนธรรมจีนได้อย่างเข้าอกเข้าใจ

ต้องบอกเลยว่าเมืองไทยโชคดีมาก ที่ดิสนีย์ประเทศไทยตัดสินใจเอาหนังเข้าฉายโรงเพราะตัวหนังถูกออกแบบมาให้ดูในโรงจริง ๆ ที่สำคัญคือหนังเองก็รวมดาราเอเซียคนสำคัญไว้นอกจากหลิวอี้เฟยแล้วก็ยัง เจิ้งจือตัน หรือ ดอนนี่ เยน ที่ดังจากหนังปรมาจารย์ยิป มัน หรือจะเป็น กงลี่ สาวสวยสองพันปีในบทแม่มดที่ปังมากฟาดมาก และที่โดนใจเด็กยุค 90 มากแต่อาจต้องขยี้ตาหน่อยคือการปรากฎตัวของ หลี่เหลียนเจี๋ย หรือ เจ็ต ลี ในบทฮ่องเต้ที่หน้าตาดูชราไปเยอะแต่ยังคงรัศมีดาราใหญ่อยู่ สรุปง่าย ๆ คือ ดู MULAN ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนจริงๆนะขอบอก

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิวหนัง The Lion King : การ์ตูนอนิเมชั่นที่ใครๆหลายคนปลื้มม

รีวิวหนัง The Lion King คือหนึ่งในอนิเมชันที่โด่งดังที่สุดของทางค่ายดิสนีย์ ที่มีความโด่งดังมากจนมาถึงทุกวันนี้ โด่งดังจนกระทั่งถูกเลือกเอามาทำใหม่ในเวอร์ชันภาพสมจริง จำได้เลยว่าตอนที่ประกาศตัวอย่างครั้งแรก กระแสพุ่งแรงทั่วบ้านทั่วเมืองทั่วโลกเป็นอย่างมาก 

ซึ่ง The Lion King ในเวอร์ชั่นไลฟ์แอ็คชั่นนี้นั้น เป็นการนำอนิเมชั่นมาสเตอร์พีซของดิสนีย์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยรายได้สูงสุด ที่กวาดรางวัลมานับไม่ถ้วน นำกลับมาทำให้มีชีวิตชีวา ภาพที่สวย และสมจริงจนลืมไปชั่วขณะว่าทั้งหมดนี้ เกิดจากคอมพิวเตอร์กราฟฟิก CGI ทั้งสิ้น ทั้งยังทำให้ใจละลายไปกับซิมบ้าน้อย ตื่นตาตื่นใจไปกับทุ่งหญ้าสะวันนา และยังหัวเราะไปกับความเพี้ยนของคู่หูทิโมน และพุมบ้า

เปิดเรื่องมาด้วยฉากในตำนาน กับฉากพระอาทิตย์ขึ้นสาดแสงส่องทุ่งหญ้าสะวันนาทำให้เห็นฝูงสัตว์น้อยใหญ่ และที่สำคัญดนตรีประกอบเจ้าของรางวัลออสการ์จากฮานส์ ซิมเมอร์ เพลง Circle of Life บรรยายเรื่องราวการถือกำเนิดของ ว่าที่ราชาซิมบ้า และการเติบโตของเขา ก่อนจะพาเราเข้าสู่เรื่องราวการแย่งชิงบัลลังก์ การพลัดพราก และการเติบ โตของลูกสิงโตน้อย สู่ราชาแห่งแดนทรนงพร้อมกับเพลงสุดไพเราะนั่นเอง

ในงานนี้นั้นผู้ชมนั้นก็จะได้พบกับตัวละครในความทรงจำครบทุกตัว ที่ไม่ว่าจะเป็น ราชามูฟาซา ที่ได้เจมส์ เอิร์ล โจนส์ ผู้พากษ์เสียงต้นฉบับกลับมาให้เสียงพากษ์อีกครั้ง, ราชินีซาราบี คู่ครองของซิมบ้าอย่าง นาลา ที่ได้ตัวแม่ บียอนเซ่มาให้เสียงอันทรงพลัง ตัวร้ายอย่าง สการ์ นกพ่อบ้าน ซูซู และคู่หูที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับเราได้ตลอดอย่าง พุมบ้า และทิโมน โดยได้ผู้กำกับอย่าง จอน ฟาฟวโร หรือแฮปปี้ ในสไปเดอร์แมน ภาคล่าสุดนั้นมานั่งแท่นกำกับที่เขาเคยฝากฝีมือไว้กับ The jungle book ฉบับ ไลฟ์แอคชั่นกันนั่นเอง 

สรุปแล้ว เดอะไลอ้อนคิง เป็นอนิเมชั่นที่น่าสนุกมากเรื่องนึงและหาดูได้ง่ายๆ สำหรับลูกใครที่พึ่งคลอดผมแนะนำให้หา การ์ตูนเรื่องเป็นยอดนิยมของเด็กวัยอ่อนเล็กๆ เลยครับการันตีให้จาก Blusterfilms

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

รีวิวหนัง Ratatouille : พ่อครัวหนูตัวจิ๋วที่สามารถทำอาหารได้รสชาติล้ำเลิศ

รีวิวหนัง Ratatouille หนู เป็นสัตว์ที่ไม่ควรอยู่ในห้องครัว ก็เหมือนมนุษย์บางคนไม่เหมาะกับการทำบางสิ่งอย่าง แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเขาจะทำไมได้ หลายครั้งอาจยอดเยี่ยมดีกว่าเสียด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าเราไม่ปิดกั้นโอกาส มอบความเสมอภาคเท่าเทียม แม้แต่หนูก็สามารถกลายเป็นเชฟกระทะเหล็กได้ ต้องดูให้ได้ก่อนตาย

เรื่องราวของหนูตัวน้อยเรมี่ ที่มีพรสวรรค์ในด้านการดมกลิ่น และความคิดที่ไม่เหมือนหนูตัวอื่น เมื่อเขาใฝ่หาแต่อาหารดีๆ ขณะที่ตัวอื่นกลับกินแต่อาหารขยะ มันมีความสามารถในด้านการปรุงอาหาร และฝันอยากเป็นพ่อครัว  เมื่อชีวิตผกผันพลัดหลงกับบ้านของตัวเอง ญาติพี่น้องของตัวเอง มาอยู่ในปารีส เมืองใหญ่ที่มีร้านอาหารหรู และอร่อยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก มันก็ได้พบกับ “ลิงกวินี่”

เด็กหนุ่มผู้เป็นลูกชายของภรรยาของเจ้าของร้านอาหารชื่อดัง (เขาคือ ออกัส กุสโต้ เป็นพ่อครัวที่เขานับถือเป็นฮีโร่ ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว) เด็กชายที่ดูแสนจะธรรมดา เขาเข้ามาทำงานในฐานะเด็กเก็บขยะ ด้วยความผิดพลาดทางเทคนิค ลิงกวินี่และเรมีก็ได้รู้จักกัน แล้วรับรู้ว่าเรมี่สื่อสารกับเขาได้ แถมปรุงอาหารเก่งสุดยอด แต่หนูกับห้องครัวของร้านอาหารชื่อดัง เป็นสิ่งที่ไม่เข้ากันอย่างยิ่ง

เรมี่ต้องใช้พรสวรรค์ที่มีสร้างสรรค์อาหารรสเลิศผ่านทางลิงกวินี่ แต่ว่าทุกอย่างมันดูไม่ง่ายเลย เมื่อดูเหมือนจะมีอุปสรรครอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น การจ้องจับผิดจากนักวิจารณ์ ครอบครัวที่ตามมาเจอกันจนได้ การเก็บความลับเรื่องหนูเข้ามาในร้าน รวมทั้งปัญหาเรื่องความเป็นเจ้าของร้านอาหารอีกที่รุมล้อมเข้ามานั่นเอง

เมื่อชาติกำเนิดของเรมี่ยืนอยู่คนละด้านมุมกับความฝัน การวิ่งคว้ามันจึงเหน็ดเหนื่อยกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ หลายเท่าตัว การเกิดมาเป็นหนู ไม่ได้เอื้อให้เขาเติบโตเป็นพ่อครัวระดับโลกได้เลย เพราะเพียงแค่ย่างเข้าครัว เรมี่ก็ถูกไล่ตะเพิด และจับตัวไว้ในโหลแก้ว หนูสกปรกที่หลุดเข้าไปตามหาความฝันผิดที่อย่างเรมี่ ถูกเชฟใหญ่ประจำภัตตาคารหรู ใช้ให้เด็กทำความสะอาดห้องครัวชื่อลิงกวินี่ นำไปกำจัดให้พ้นสายตาทันที ชีวิตของมนุษย์ชื่อ ลิงกวินี่ กับหนูสีฟ้า อย่าง เรมี่ แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อฝ่ายหนึ่งกำลังไล่คว้าความฝันซึ่งอยู่ห่างไกลจากชาติพันธ์ที่กำเนิด แต่อีกฝ่ายกลับมีชีวิตล่องลอยอยู่กลางสุญญากาศชีวิต ลิงกวินี่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากการเป็นมนุษย์กระทำสิ่งที่จะช่วยผลักดันตัวเขาให้ก้าวไปข้างหน้าแม้แต่น้อยในขณะที่สิ่งมีชีวิตใต้โหลแก้วในเงื้อมมือของเขานั้นกลับมีจุดหมาย และความฝันที่มั่นคงชัดเจน

การโคจรมาพบกันของมนุษย์ไม่เอาถ่าน กับหนูสีฟ้าที่พกความฝันติดตัวในยามตื่น นำไปสู่การร่วมมือกันทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด ลิงกวินี่ตัดสินใจร่วมมือกับเรมี่ ที่มีความสามารถและลมหายใจจดจ่ออยู่กับการเป็นพ่อครัวระดับโลก ในขณะที่การเดินเข้าครัวไปปรุงอาหารเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับพ่อครัวตัวน้อยนั้น ลิงกวีนี่ก็ใช้ความเป็นมนุษย์เบิกทางให้เรมี่เข้าไปสานฝันของตัวเอง ด้วยการควบคุมการทำอาหารผ่านมือ และร่างกายของลิงกวินี่ เรมี่สามารถใช้ชีวิตเป็นพ่อครัวดังที่เขาประสงค์ได้ ในขณะเดียวกันลิงกวินี่ก็กลายเป็นพ่อครัวที่มีชื่อเสียง เป็นคนที่มีคุณค่า โดยที่แท้จริงแล้วความฝันของมนุษย์เช่นเขาก็ยังไม่งอกเงยขึ้นมา ความสัมพันธ์ของคนกับหนูคู่นี้ ดำเนินไปอย่างซึมลึก หนังค่อยๆ เผยให้เห็นด้านมืด และมุมสว่างในความสัมพันธ์ ที่ฝ่ายหนึ่งเอาชีวิตที่เลื่อนลอยไปแขวนไว้ แต่อีกฝ่ายมีความฝันอันงดงามผูกติดอยู่ที่ปลายเชือกความสัมพันธ์ เมื่อลิงกวินี่เริ่มคำนึงถึงชื่อเสียงของตัวเองมากจนไปกระเทือนเชือกเส้นนั้น ส่วนเรมี่ก็ใช้อารมณ์ชั่ววูบในการวิพากษ์ความสัมพันธ์ครั้งนี้ กระทั่งท้ายที่สุด ชาติกำเนิดของลิงกวินี่และเรมี่ก็ไม่ได้ช่วยจำแนกเขาทั้งสองให้ต่างกันในด้านที่ลึกไปกว่ากายภาพของความเป็นมนุษย์ และหนูเลยนั่นเอง

ซึ่งความสนุกของหนังเรื่องนี้มีมากมายให้เหล่าผู้ชมนั้นได้เพลิดเพลินกันตลอดทั้งเรื่อง และอีกหนึงสิ่งที่น่ายกย่องคือบทภาพยนตร์ของหนังที่ทำออกมาได้ดีมากๆ มองกันในมุมลึกนั้นถึงกลับสามารถสะท้อนแง่มุมชนชั้นแรงงานในสังคมฝรั่งเศสเลยก็ว่าได้ การเลือกตัวละครหลักเป็นหนูนั้นเปรียบเสมือนแรงงานที่มีหน้าที่ทำงานตามคำสั่ง หรือทำงานตามที่ตัวเองพึงกระทำ ห้ามแตกต่าง หรือแตกแยกจากคนอื่น แม้จะเป็นเพียงหนังการ์ตูนสำหรับเด็กแต่ประเด็นเรื่องความฝันที่หนังถ่ายทอดนั้นแจ่มชัดมาก ความน่าสงสารของ เรมี่ ซึ่ง

สรุป Ratatouille นี้นั้นจัดได้ว่าเป็นภาพยนตร์สำหรับครอบครัวอย่างแท้จริงอีกทั้งยังมีมุขตลกต่างๆ ที่สอดแทรกอยู่ในหนังทำได้อย่างลงตัว และต้องจังหวะของผู้ชมทุกเพศวัย ไล่ระดับตั้งแต่มุขพื้นๆ ประเภทตกนู่น ชนนี่ ที่ผู้ชมตัวน้อยสามารถเข้าใจได้ ไปจนถึงมุขตลกเสียดสีต่างๆ โดยเฉพาะการจิกกัดนักวิจารณ์ที่ทำตัวเยี่ยงเทวดาทั้งหลาย ด้วยการตั้งชื่อตัวละครที่เป็นนักวิจารณ์อาหารว่า อีโก้ และตบท้ายด้วยการให้นักวิจารณ์อย่างอีโก้ กล่าวถึงอาชีพการเป็นนักวิจารณ์ของตัวเอง ซึ่งทำเอาบรรดานักวิจารณ์ผู้สูงส่งทั้งหลายรู้สึกแสบคันไปตามๆ กันเลยทีเดี่ยวนั่นเอง 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB :Blusterfilms

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์