รีวิวหนัง The Lion King : การ์ตูนอนิเมชั่นที่ใครๆหลายคนปลื้มม

รีวิวหนัง The Lion King คือหนึ่งในอนิเมชันที่โด่งดังที่สุดของทางค่ายดิสนีย์ ที่มีความโด่งดังมากจนมาถึงทุกวันนี้ โด่งดังจนกระทั่งถูกเลือกเอามาทำใหม่ในเวอร์ชันภาพสมจริง จำได้เลยว่าตอนที่ประกาศตัวอย่างครั้งแรก กระแสพุ่งแรงทั่วบ้านทั่วเมืองทั่วโลกเป็นอย่างมาก 

ซึ่ง The Lion King ในเวอร์ชั่นไลฟ์แอ็คชั่นนี้นั้น เป็นการนำอนิเมชั่นมาสเตอร์พีซของดิสนีย์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยรายได้สูงสุด ที่กวาดรางวัลมานับไม่ถ้วน นำกลับมาทำให้มีชีวิตชีวา ภาพที่สวย และสมจริงจนลืมไปชั่วขณะว่าทั้งหมดนี้ เกิดจากคอมพิวเตอร์กราฟฟิก CGI ทั้งสิ้น ทั้งยังทำให้ใจละลายไปกับซิมบ้าน้อย ตื่นตาตื่นใจไปกับทุ่งหญ้าสะวันนา และยังหัวเราะไปกับความเพี้ยนของคู่หูทิโมน และพุมบ้า

เปิดเรื่องมาด้วยฉากในตำนาน กับฉากพระอาทิตย์ขึ้นสาดแสงส่องทุ่งหญ้าสะวันนาทำให้เห็นฝูงสัตว์น้อยใหญ่ และที่สำคัญดนตรีประกอบเจ้าของรางวัลออสการ์จากฮานส์ ซิมเมอร์ เพลง Circle of Life บรรยายเรื่องราวการถือกำเนิดของ ว่าที่ราชาซิมบ้า และการเติบโตของเขา ก่อนจะพาเราเข้าสู่เรื่องราวการแย่งชิงบัลลังก์ การพลัดพราก และการเติบ โตของลูกสิงโตน้อย สู่ราชาแห่งแดนทรนงพร้อมกับเพลงสุดไพเราะนั่นเอง

ในงานนี้นั้นผู้ชมนั้นก็จะได้พบกับตัวละครในความทรงจำครบทุกตัว ที่ไม่ว่าจะเป็น ราชามูฟาซา ที่ได้เจมส์ เอิร์ล โจนส์ ผู้พากษ์เสียงต้นฉบับกลับมาให้เสียงพากษ์อีกครั้ง, ราชินีซาราบี คู่ครองของซิมบ้าอย่าง นาลา ที่ได้ตัวแม่ บียอนเซ่มาให้เสียงอันทรงพลัง ตัวร้ายอย่าง สการ์ นกพ่อบ้าน ซูซู และคู่หูที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับเราได้ตลอดอย่าง พุมบ้า และทิโมน โดยได้ผู้กำกับอย่าง จอน ฟาฟวโร หรือแฮปปี้ ในสไปเดอร์แมน ภาคล่าสุดนั้นมานั่งแท่นกำกับที่เขาเคยฝากฝีมือไว้กับ The jungle book ฉบับ ไลฟ์แอคชั่นกันนั่นเอง 

สรุปแล้ว เดอะไลอ้อนคิง เป็นอนิเมชั่นที่น่าสนุกมากเรื่องนึงและหาดูได้ง่ายๆ สำหรับลูกใครที่พึ่งคลอดผมแนะนำให้หา การ์ตูนเรื่องเป็นยอดนิยมของเด็กวัยอ่อนเล็กๆ เลยครับการันตีให้จาก Blusterfilms

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

รีวิวหนัง Santana : สำหรับคนชอบแอคชั่นเดือดๆจากแอฟฟริกาใต้บน Netflix

แอดมินขอนำเสนอเลยครับสำหรับคนรักหนังแนวแอ็กชั่นไล่ล่าจากประเทศแองโกล่า แอฟฟริกาใต้ที่เพิ่งลง Netflix เกี่ยวกับการไล่ล่าแก้แค้นของสองพี่น้องตระกูลซานตาน่า ที่ต้องการล้างแค้นให้กับพ่อแม่ของเขาที่ถูกฆาตกรรมไปเมื่อ 35 ปีก่อนเนื้อเรื่องจะเป็นยังไงไปดูรีวิวกันเลย เรื่องราวของหนัง จะเล่าถึงพี่น้องซานตาน่า มาทิอัส และดิอัส

ที่พ่อแม่ของพวกเขาถูกฆาตกรรมไปเมื่อ 35 ปีก่อน และปัจจุบัน คนพี่มาทิอัส ได้กลายเป็นนายทหารปราบปรามยาเสพติด และคนน้องดิอัส ได้เป็นหัวหน้าชุดตำรวจปราบปรามยาเสพติด ในขณะที่พวกเขากำลังปฏิบัติหน้าที่ ก็ได้เบาะแสเกี่ยวกับอาชญากรยาเสพติดตัวเป้ง และยังเป็นคนเดียวกับที่เคยฆ่าพ่อแม่ของพวกเขา ทั้งสองพี่น้องจึงหาทางตามล่าคนร้ายให้ได้

เอาละครับมาเข้าเรื่องเนื้อหาสำคัญของเรื่องมีแค่นี้จริงๆ สำหรับหนังจากแอฟฟริกาใต้เรื่องนี้ เป็นการไล่ล่า เพื่อล้างแค้นส่วนตัว และด้วยความเป็นหนังแอ็กชั่น ความโหดมันเลยโผล่มาตั้งแต่ต้นเรื่องที่มันทำให้เราได้เห็นฉากเด็กถูกยิงแต่ความเป็นหนังแอ็กชั่นโดยรวมต้องบอกเลยว่าฉากพวกนี้น้อยเกินมาตรฐานทั่วไปค่อนข้างเยอะ แต่อยากจะให้ทำความเข้าใจและเปิดใจดูด้วย เพราะนี้คือหนังจากแอฟฟริกาใต้ ถ้าทำความเข้าใจได้แบบนี้และเปิดใจดูมันก็พอจะดูได้อยู่บ้าง

ขอสรุปสำหรับหนังเรื่องนี้เลยครับ แอดมินว่าฉากไล่ล่านั้น มีประมาณ 30% จากทั้งเรื่อง ทั้งๆ ที่หน้าหนังมันนำเสนอมาแบบว่า ไล่ล่า ล้างแค้น เจ้าฆ่าพ่อข้า แต่พอดูจริงๆ เนื้อหาน้อยนิด มีแต่น้ำ แต่ฉากแอ็กชั่นก็พอดูได้ ไม่ได้แย่ อยู่ในระดับกลางๆ แล้วเน้นไปดำเนินเรื่องเรื่อยเปื่อย เช่นด้านความรัก หรือดราม่าที่ดูแล้วมันไม่ได้เป็นสาระสำคัญอะไรกับเนื้อเรื่องหลัก แต่ฉากพวกนี้มีเยอะ มันก็เลยดูแปลกๆ ขัดๆ กันกับหนังที่จั่วหัวมาว่าแอ็กชั่นอย่างเนื้อหาหลัก การล้างแค้นให้พ่อแม่ อันนี้ก็ไม่มีมูลเหตุจูงใจให้เราอินไปกับตัวละครได้เลย

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix

รีวิวLove หากใครชอบหนังแนวครอบครัวลองไปหามาดูกันเลยครับ

ตัวเรื่องใช้เวลาในช่วงแรกหมดไปกับการใช้ชีวิตเดิมๆ กิน นอน ดูข่าว เล่นเกม (ก่อนนี่เน็ตจะล่ม) ในห้องของตัวพระเอก พร้อมปูว่าสัญญาณจากครอบครัวขาดไป ทำให้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อแม่บ้าง ซึ่งเวลาที่ผ่านไปก็ไม่ได้มีเรื่องตื่นเต้นอะไรมากนัก นอกจากช่วงแรกที่มีเพื่อนบ้านติดเชื้อหลงเข้ามาในบ้าน กับการที่ต้องมองเห็นคนผ่านไปกลายเป็นซอมบี้โดยที่เขาช่วยเหลือไม่ได้ ซึ่งตัวผู้กำกับอาจจะพยายามเสนอความแปลกใหม่ของการติดอยู่ห้องผ่านหนังแนวซอมบี้ก็ได้ แต่มันกลับมีความไม่สมเหตุผลปนอยู่เป็นระยะ อย่างการที่พระเอกดันไม่รองน้ำประปาเก็บไว้จนน้ำหมดแถมกว่าจะคิดออกไปหาอาหารก็นานเกินจนจะอดตายแล้ว

ว่าสองคนนี้จะมีอะไรกันมากกว่านี้หรือเปล่า ก่อนที่ทั้งคู่จะหาทางเข้ามาเจอกันจนได้เพื่อไปยังจุดหมายใหม่ที่ดูแล้วปลอดภัยกว่า แต่เรื่องความสมเหตุผลที่มีปัญหาในช่วงแรกก็ยังตามมาในช่วงหลังอยู่ดี โดยเฉพาะการบุกเดี่ยวสู้ซอมบี้ของนางเอกที่ดูเว่อร์เกินแบบไม่ค่อยมีเหตุผลในมุมคนเอาตัวรอดสักเท่าไหร่ (มีเชือกปีนเขาข้ามฝั่งได้ แต่กลับใช้โรยตัวลงไปบู้ซอมบี้แทน) แต่หนังคงอยากสร้างฉากการเอาตัวรอดวิ่งหนีระทึกๆ ให้สมกับเป็นหนังซอมบี้แทนการติดอยู่ในห้องแทบทั้งเรื่องบ้างเท่านั้น ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าดูสนุก

สรุปเลยนะครับ ดารานำในเรื่องที่ดูแล้วน่าติดตามมาก แต่กลับไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่เลย แถมยังมีความไม่สมเหตุผลปนอยู่เยอะตลอดทั้งเรื่อง แต่สิ่งที่ทำให้น่าติดตามคือความงามของนางเอกพัคชินฮเย ที่ช่วยให้เรื่องนี้ดูสดใสน่ารักขึ้นเป็นกองพระเอกค่อนข้างน่าเบื่อมาก ถ้าดูแบบหัวโล่งๆ เอามันส์ทั่วไปก็ถือว่าพอได้ผ่าน 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

รีวิวหนังA Hidden Life : หนังรักที่สร้างจากเรื่องจริงแนะนำให้ไปหาดูครับ

แอดมินว่าเรื่องนี้เป็นหนังที่อิงมาจากเรื่องจริงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 บอกเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มผู้ที่มีความสุขเพียบพร้อม มีภรรยา มีลูกที่น่ารัก ทำไล่ทำนา ท่ามกลางธรรมชาติอันสดชื่น แต่ความสุขเหล่านั้นก็ถูกพรากไป เมื่อเขาโดนเกณฑ์ไปเป็นทหารให้กับ อะด๊อฟ ฮิตเลอร์ แต่เมื่อเขาได้เป็น

เขาก็รับรู้ว่าจริงๆ มันชั่วร้าย การทำสงคราม เข่นฆ่าผู้คนมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง และเมื่อครั้งเขาโดนเรียกตัวอีกรอบ เขาจึงปฏิเสธที่จะออกรบให้กับ Hitler แต่เขาไม่ได้เลือกที่จะหนี เขาเลือกที่จะเผชิญหน้า และถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏ ส่งผลให้ตัวเขาและครอบครัวตกที่นั่งลำบากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ถึงแม้หนังจะบอกเล่าถึงเรื่องราวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นู้นนนน แต่ทำไมเราและเชื่อว่าใครหลายคนกลับมองว่ามันสะท้อนให้เห็นบางอย่างที่ไม่ได้ไกลตัวเลยแม้แต่น้อยทำไมคนที่เห็นต่างถึงกลายเป็นตัวปัญหา กลายเป็นคนผิด โดนสังคมประนาม โดนตัดสินไปต่างๆ นานา แถมครอบครัวยังต้องเดือดร้อนไปด้วย ทั้งจากชาวบ้านด้วยกันเอง

และระบอบเผด็จการทหารอันน่ารังเกียจใครเห็นต่างไม่เคารพ ท่านผู้นำ ก็ถูกจับไปขัง ใช้ความรุนแรงเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ผิด กดขี่ผู้น้อยอย่างไร้เหตุและผล พยายามโน้มน้าว ปรับทัศนคติให้เคารพเชื่อมั่นใน ท่านผู้นำ ถ้ายังไม่ได้อีก ก็นำไปขึ้นศาล ตัดสินคดีให้ผิด สั่งประหารซะสิ ง่ายๆ แค่นั้น มันคือชะตากรรมอันน่าหดหู่ของคนที่เห็นต่าง แค่คนที่ไม่เห็นด้วย ก็ต้องเจอกับเรื่องอันน่าเศร้าแบบนี้

มีประโยคนึงที่ตัวละครพูดเอาไว้ว่า เราจะมีสิทธิมีเสียงอะไรได้ เราแค่คนตัวเล็กๆ และ ยอมทนความอยุติธรรม ดีกว่าทำแบบนี้ สะท้อนภาพจำยอมของคนในสังคมที่รู้แหละมันไม่ได้ถูกซะทีเดียว แต่เราทำอะไรไม่ได้ ต้องก้มหน้า ยอมรับ และส่วนมากก็เป็นแบบนั้น แต่มันไม่ใช่กับพระเอก พระเอกยังยึดถือทัศนคติ แนวคิด ความเชื่อของเขา

ถึงแม้เขาไม่รู้หรอก การกระทำเขามันจะส่งผลอะไร ขยายไปวงกว้างแค่ไหน หรือจะมีประโยชน์ในภายภาคหลังต่อไปยังไง ถึงแม้จะหวังให้วงจรอุบาทนี้มันจบแค่รุ่นของเขาก็ตาม แต่เค้ายังยึดมั่นในสิ่งที่เขาเชื่อ ถึงแม้จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต ถึงแม้มันจะอาจหมายถึงการสละความสุขทุกอย่างก็ตาม

แอดมินขอสรุปให้เลยว่าหนังมีความยาวเกือบ 3 ชั่วโมง ที่เล่าเรื่องง่ายๆ แต่ตัวหนังอาจจะน่าเบื่อ ดำเนินเรื่องช้าๆ เนิบๆ ถ้าใครไม่ชอบอาจจะหลับได้หลายตลบเลยแหละ แต่สำหรับบางคนก็ชอบและถูกใจหนังแนวนี้อย่าลืมไปหามาชมกันนะครับ 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

รีวิวCARS 2 : อนิเมชั่นที่รวบรวมหลากหลายอารมส์และสนุกมากอีกด้วย

แอดมินชอบอนิเมชั่นเรื่องนี้มากแต่หากพูดกันตรงๆ แล้ว อนิเมชั่นเรื่อง CARS นับว่าไม่ได้มีอะไรใหม่มากนัก เพราะทุกอย่างยังคงเดินไปสูตรเปะๆ ตามแบบฉบับของ ดิสนีย์ เหนือสิ่งอื่นใด ที่แม้พลอตจะไม่ได้สดใหม่ แต่ทุกครั้งมนตร์ขลังของ ดิสนีย์-พิกซาร์ยังคงถูกร่ายให้คนดูได้ปลื้มปริ่ม ยิ้มกริ่มไปตลอดทั้งเรื่อง

แต่แม้เทคโนโลยีจะพัฒนาไปเพียงใด สิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับ CARS และเป็นแก่นแท้ของเรื่อง จนทำให้ CARS เป็นภาพยนตร์ในดวงใจของหลายๆ คน ก็คือคำว่า มิตรภาพ แม้ภาคนี้จะถูกใส่เรื่องราวของสายลับคันใหม่เข้ามา แต่ แม็คควีน และ เมเทอร์ ยังคงสามารถโชว์เรื่องราวความผูกพันของเพื่อนซี้ ที่แม้จะเกิดรอยร้าวขึ้นระหว่างทั้งสอง แต่ด้วยสถานการณ์กลับทำให้พวกเขาแน่นแฟ้นกันมากกว่าเดิม

 ทั้งคู่ได้รับการสนับสนุนจากทีมงานจาก เรดิเอเตอร์ สปริงส์ เมื่อพวกเขาเดินทางไปต่างแดนเพื่อสนับสนุนไลท์นิงในการลงชิงชัย เวิลด์ กรังปรีซ์ ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ตัดสินตำแหน่งรถที่เร็วที่สุดในโลก แต่หนทางสู่เส้นชัยก็เต็มไปด้วยหลุมบ่อ ทางอ้อมและเรื่องเซอร์ไพรส์เมื่อเมเตอร์ถูกดึงตัวเครื่องเข้าไปพัวพันกับการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นของเขาเองในแวดวงสายลับระดับโลก

สำหรับแอดมินแล้วชอบมากๆ เพราะเป็นหนังอนิเมชั่นเรื่องต้นๆที่แอดมินตามเป็นภาคๆไปแต่ส่วนตัวชอบ ภาคนี้มากที่สุดอย่าลืมไปหามาดูนะครับรับรองว่าสนุกมาก

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว หนัง อนิเมชั่น

รีวิวCity of Ghosts : เมื่อพลเมืองต่อกรกับ ISIS ด้วยพลังสื่อ

ก่อนอื่นนะครับแอดมินขอเล่าก่อนว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอกหากเรานั้นต้องจินตนาการถึงวันที่เงาทะมึนแห่งความรุนแรงที่ครอบงำไปทั่วทุกตรอกซอกซอยของเมืองซึ่งเป็นบ้านของเรา และคงเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าที่จะต้องเห็นบ้านของเราถูกรุกรานจนพังพาบกลายเป็นเมืองของภูตผีไปต่อหน้าต่อตาจริงๆ

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับประชาชนในเมืองรักเกาะฮ์ ประเทศซีเรีย เมื่อกลุ่มติดอาวุธไอซิส เข้ามายึดครองเมืองริมแม่น้ำยูเฟรตีสที่ถูกหลงลืมแห่งนี้ แล้วเปลี่ยนมันให้กลายเป็นนรกบนดิน ชาวเมืองถูกบังคับให้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อันเคร่งครัด หากไม่เชื่อฟังก็ถูกลงทัณฑ์อย่างโหดเหี้ยม แต่ท่ามกลางชะตากรรมอันน่าหดหู่นี้

หนุ่มสาวจำนวนหนึ่งที่เป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดารวมตัวกันในนาม ‘เมืองรักเกาะฮ์กำลังถูกเข่นฆ่าอย่างเงียบงัน เพื่อต่อกรกับกลุ่มก่อการร้าย ไม่มีอาวุธอื่นใด นอกไปเสียจากกล้องมือถือ อินเทอร์เน็ต และถ้อยคำ

แต่ถึงอย่างไร เงาทะมึนของไอซิสหาได้หยุดอยู่แค่เส้นแบ่งพรมแดนซีเรีย การขยายตัวเพื่อสถาปนาตนเป็น ‘รัฐเคาะลีฟะฮ์’ หรือรัฐอิสลามมีผู้ฝักใฝ่อยู่มากมายในหลายประเทศ ทำให้ไม่ว่าสมาชิกของ RBSS จะหลบหนีไปอยู่เมืองไหน ทุกย่างก้าวของพวกเขาคือความเสี่ยงถึงชีวิต การคุกคามของไอซิสขยับบีบผ่านการฆ่าคนในครอบครัวของสมาชิกกลุ่มจนประชิดตัวด้วยการตั้งค่าหัว การหนีออกมาจากบ้านเกิดที่กลายเป็นเมืองสิ้นไร้ลมหายใจ จึงไม่อาจถือได้ว่า รอด

เพราะผีร้ายยังตามหลอกหลอนในทุกวินาทีที่พวกเขายังหายใจ และต่อให้ไอซิสปราชัยลงสักวันหนึ่ง สถานที่ที่พวกเขาเคยเรียกว่า ‘บ้าน’ ก็อาจไม่มีสัญญาณชีพหลงเหลือพอให้กลับไป การเข่นฆ่าของไอซิสจึงไม่ได้จำกัดอยู่ที่การปลิดชีพ หากยังเป็นการพรากเอาความหวังและวิถีชีวิตเดิมไปจากคนที่ยังเหลือรอด

แอดมินว่าหนังแสดงให้เห็นชีวิต พลังศรัทธา และความเปราะบางของกลุ่มคนผู้อยู่เบื้องหลัง RBSS ทำให้คนดูรู้สึกฮึกเหิมไปกับพลังของสื่อและความกล้าหาญของพวกเขา พอๆ กับที่รู้สึกสิ้นหวัง หวาดหวั่น และปวดใจไปกับบาดแผลของชาวเมืองรักเกาะฮ์ที่เรายากจะจินตนาการความเจ็บปวด นอกจากนี้ ความบ้าระห่ำ ดุเดือดและลองไปหามาดูกันนะครับรับรองว่ามันส์

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

รีวิวTheNewMutants หนังฮีโร่สายพันธ์สยองขวัญชวนขนหัวลุก

แอดมินขอบอกเลยนะครับว่านี่คือหนังที่ติดโรคเลื่อนเยอะที่สุดตั้งแต่เราเกิดมาในชีวิตนี้เคยเจอมา เพราะมันถูกเลื่อนไปถึง 4 ครั้งเลยทีเดียว ด้วยปัญหาที่มากมาย จนจะได้เข้าฉายยังต้องมาเจอกับ Covid-19 เจ้ากรรมอีก แต่ในที่สุดเราก็ได้ดูมันก่อนหน้านี้ที่เคยมีข่าวว่าตัวหนังเลื่อนเพราะต้องไปถ่ายทำเพิ่มเติมให้มีความสยองมากขึ้น จริงๆ แล้วตัวผู้กำกับก็ออกมาบอกแล้วว่าไม่เคยมีการถ่ายซ่อมให้มันสยองกว่าเดิมแต่อย่างใด และทุกอย่างมันลงตัวนานแล้ว มันเลื่อนฉายบ่อยเพราะเหตุผลเรื่องปัญหาระหว่าง Disney กับ Fox เท่านั้น

ไอ้การเป็นหนังฮีโร่ธีมสยองขวัญเนี่ย มันก็น่าสนใจ น่าดึงดูดมากพอนะ เพราะมันดูแปลกใหม่ไม่ใช่เล่น แต่พอได้ดูจริงๆ แล้ว มันกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด มันไม่ใช่หนังสยองขวัญแต่อย่างใด ไม่มีลูกล่อลูกชน มีก็แบบเบาบางมาก จังหวะตุ้งแช่ หรือบรรยากาศหลอนก็ไม่มีให้เห็นเลย แค่องค์ประกอบโดยรวม เหมือนจะ เอื้อให้เป็นไปในทางนั้น และเอาจริงๆ มันก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไรสักเท่าไหร่ จากธีมฮีโร่สยองขวัญจริงๆ

สิ่งที่พอจะน่าสนใจ คือแต่ละตัวละครมีพลัง มีของ มีความน่าสนใจให้เล่น ถึงแม้มันจะไม่ได้มีซีนโชว์ของให้เห็นมากเท่าไหร่ คือบางคนเรียกได้ว่านับซีนได้เลยว่าปล่อยพลังกี่ฉาก แต่เหล่านักแสดงเล่นกันดีนะ แต่มันกลับทำให้เราสนใจอยากรู้อยู่ลึกๆ ว่า ไอ้เด็กพวกนี้มันจะเอาไงต่อวะ โดยเฉพาะในตอนจบ อารมณ์หนังมันเปลี่ยนทันทีเลย

แต่ตัวละครที่น่าสนใจและน่าชื่นชมที่สุดคือ Illyana Rusputin/Magik ที่แสดงโดยน้อง Anya Taylor-Joy นี่ไม่ได้อวยแต่อย่างใด แต่ด้วยการแสดง ด้วยคาแรคเตอร์ ด้วยลุค ด้วยตัวละครที่น้องเล่นแล้วนั้น จากปกติเคยเห็นแต่บทสวยๆ พอมาเรื่องนี้ลุคนี้คือดีย์จริงๆ อยากให้น้องรับบทนี้ต่อในเรื่องอื่นเลยอะ

แต่ขอบอกเลยนะว่าไม่ใช่หนังเรื่องนี้มันแย่นะ แต่มันก็มีความสนุกของมันอยู่เอาเป็นว่าเข้าไปดูเองเลยดีกว่า เพราะบางคนก็ชอบหนังเรื่องนี้บางคนก็ไม่ชอบหนังเรื่องนี้ความชอบคนเรามันไม่เท่ากัน 

แอดมินขอสารภาพเลยว่าความสนใจแรกของเรื่องนี้ คือไม่ทันได้ดูตัวอย่างหรือเนื้อเรื่องหรืออะไรหรอก แค่เห็นหน้าน้องก็อยากดูแล้ว 555+

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

รีวิวTHEHunt จับล่าฆ่าโหดหนังแนวฆ่าเลือดกระเด็นรับรองมันส์มาก

รีวิวTHEHunt เป็นหนังที่สร้างโดยค่าย Blumhouse ค่ายหนังสยองขวัญ ที่ทำให้เรื่องนี้เป็นหนังทุนต่ำแต่เน้นความเลือดสาด มีฉากโหดๆ เครื่องในกระจุยจริงๆ The Hunt ก็ไม่ใช่หหนังแนวที่แปลกอะไร และเราก็เห็นกันมาบ่อยแล้ว

รีวิวTHEHunt
รีวิวTHEHunt

เรียกได้ว่าหนังเปิดมาได้สนุกและน่าสนใจเลยทีเดียว กับกลุ่มคนที่ถูกจับมา และมีอาวุธป้องกันตัวจากเหล่าคนรวย มาถึงก็เปิดเกมล่าใส่กันไม่ยั้ง นับว่าสนุกและน่าสนใจจริงๆ แถมยังมีการหลอกล่อคนดูเกี่ยวกับตัวละครต่างๆ ด้วย ว่าเห้ยใครตัวเอกกันแน่วะ (แต่ก็เดาไม่ยากนะ) เราชอบในจุดนี้มากจริงๆ แต่ก็ยังมีจุดที่สงสัยว่า ทำไมต้องให้ตัวละครครอบปาก ถ้าจะให้พวกเขาเอาออกกันง่ายขนาดนั้น – –

รีวิวTHEHunt
รีวิวTHEHunt

หนังเพิ่มดีกรีความสนุกเข้าไปอย่างต่อเนื่องด้วยการนำพาตัวละครมาพบเจอกับเหตุการณ์อื่นๆ นอกจากการไล่ล่า คือพอตัวละครออกมาจากพื้นที่ปิด แทนที่จะเอาตัวรอดในพื้นที่จำกัด กลายเป็นว่าต้องเอาตัวรอดในพื้นที่เปิดกว้าง และระแวงว่าจะเชื่อใจใครได้บ้าง

มันก็สนุกไปอีกแบบหลังจากหนังเปิดเผยตัวละครเอกแล้วมันก็ยังคงสนุกอยู่ ยังคงมีฉากแอ็คชันโหดๆ ให้เห็นกันอยู่ แถมตัวเอกนี้ยังมีคาแรคเตอร์ที่ดูกวนตีนอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งมันก็เป็นจุดที่ทำให้หนังสนุกเช่นกัน

รีวิวTHEHunt
รีวิวTHEHunt

แต่หนังดันมาแผ่วปลายซะงั้น เหมือนพอหนังดำเนินไปเรื่อยๆ ความสนุกมันก็เริ่มลดลงๆ เริ่มคุยกันเยอะกว่าแอ็คชัน เริ่มจากเหตุผลในการจับคนมาไล่ฆ่าในครั้งนี้ก็พอเข้าใจ แต่ก็ยังงงๆ ว่าทำไปทำไม ทำเพื่ออะไร และจุดที่ข้องใจมากๆ คือทำไมต้องปิดบังใบหน้าของนายหญิงบอสใหญ่ที่แสดงโดย Hilary Swank ไว้ตลอดทั้งเรื่อง และมาเฉลยในตอนท้ายๆ มันไม่ได้เซอร์ไพรส์อะไรเลย ในตัวอย่างก็โชว์หน้าเธอหลาซะขนาดนั้น ไม่เข้าใจเจตนาในการปิดบังใบหน้าเธอเลยจริงๆ และในซีนท้ายเรื่องมันก็สนุกแหละ มีความกวนตีนในฉากสู้กัน แต่มันไม่ได้สนุกหรือน่าสนใจเท่าต้นเรื่องแค่นั้นเอง

สรุปแล้ว The Hunt ผมว่ามันเป็นแนวล่าที่โหดสุดและสมเหตุกับชื่อหนังนะเพราะมันเลือดสาด โหดตามชื่อเรื่องเลยแต่บางจังหวะ ก็ทำให้บางตอนมันแผ่วบางลงตาม เนื้ัอเรื่องครับทำให้บางช่วงนั้นไม่ค่อยสนุก 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

รีวิวthe farewell หนังแนวครอบครัวที่สุดซึ้งจะเป็นหนังแบบไหน ?

รีวิวthe farewell หนังสำหรับครอบครัวที่น่าดูเรื่องหนึ่งไปรับชมรีวิวกันเลยครับ

รีวิวThe farewell ด้วยความยากลำบากที่สุดในการดู The Farewell (กอดสุดท้าย คุณยายที่รัก) คือการที่เราเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างของทุกฝ่าย โดยที่เราไม่สามารถตัดสินความถูกผิดของสิ่งใด ระหว่างสองฟากฝั่งของความเชื่อ โลกตะวันตก-ตะวันออก ในเรื่องราวที่ถูกสร้างขึ้นจาก ‘คำลวงที่เกิดขึ้นจริง’ ได้แม้แต่อย่างเดียวคือหนังที่เต็มไปด้วยคำโกหกนานาของครอบครัวชาวจีนที่มีลูกหลานขยายสาขาไปอยู่ที่อเมริกาและญี่ปุ่น ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ เช่น หลอกว่าใส่หมวกแล้วตอนอากาศหนาว, หลอกว่าอยู่บ้านเพื่อนทั้งๆ ที่อยู่โรงพยาบาล, หลอกว่าไม่เป็นไร ไม่ได้ร้องไห้ ฯลฯ 

the farewell

ขยายไปที่เรื่อง หลอกว่าหลานชายกำลังแต่งงาน เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่ออำพรางการโกหกเรื่องใหญ่ที่สุดว่านี่คือการมาบอกลา เป็นครั้งสุดท้าย โดยที่ทุกคนต้องแกล้งทำเหมือนว่าอาม่าไม่ได้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ตามความเชื่อที่สืบทอดมาแต่โบราณว่าถ้าผู้สูงอายุรู้ว่าตัวเองป่วยจะเศร้าและมีชีวิตได้อีกไม่นาน หน้าที่ของลูกหลานคือการแบกรับความรู้สึกเศร้าเอาไว้แทน 

สิ่งที่เราชอบมากๆ นอกจากการนำการโกหกมาเป็นแกนหลักคือการที่หนังพยายามนำเสนอเหตุผลของการโกหกตามความเชื่อที่แตกต่าง วัฒนธรรมของจีนเชื่อแบบหนึ่ง ญี่ปุ่นเชื่อแบบหนึ่ง อเมริกาเชื่อแบบหนึ่ง และคนที่เป็นส่วนผสมของวัฒนธรรมก็เชื่ออีกแบบหนึ่ง

ต้องยกความดีความชอบให้ผู้กำกับอย่าง ลูลู่หวัง ที่ถอดบริบทของตัวเองในฐานะคนจีนที่ออกเดินทางตามความฝันอยากเป็นคนทำหนังที่อเมริกา และเคยผ่านเหตุการณ์ที่ทุกคนช่วยกันโกหกเพื่อปกปิดความจริงแบบในเรื่อง มาสะท้อนภาพความเป็นไปของคนในครอบครัว สังคม วัฒนธรรมที่แตกต่างได้อย่างเป็นกลาง ไม่ตัดสิน และมีน้ำหนักน่าเชื่อถือด้วยกันทั้งหมดเพราะถึงแม้เส้นเรื่องหลักจะอยู่การโกหก แต่ The Farewell ก็ไม่ได้ให้คำตอบสุดท้ายที่ชัดเจนว่าท้ายที่สุดแล้วการโกหกที่ดีหรือโกหกขาวนั้นเป็นสิ่งที่ควรกระทำ และไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่าการพูดความจริงจะนำไปสู่สิ่งที่ดีที่สุดได้เสมอไป 

สรุปเลยนะครับสำหรับเรื่อง the farewell สุดท้ายเราไม่จำเป็นต้องเชื่อหรือเห็นด้วยกับความคิดของตัวละครทั้งหมด แต่อย่างน้อยที่สุดเราจะใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างมีความสุขมากขึ้นอีกเยอะเลย

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : รีวิว ภาพยนตร์

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ Blusterfilms