รีวิว หนัง The 8th Night คืนที่ 8

รีวิว หนัง The 8th Night คืนที่ 8 เมื่อปีศาจร้าย ต้องการจะเชื่อมนรกเข้ากับโลกมนุษย์ ความสยองจังบังเกิด [ ไม่สปอยนะครับ ]

รีวิว หนัง The 8th Night คืนที่ 8 หนังแนวระทึกขวัญจากประเทศเกาหลีใต้ โดยเป็นเรื่องราวของนักบวชรูปหนึ่งกับการไล่ล่าวิญญาณอายุนับพันปีที่เข้าสิงมนุษย์ ด้วยลูกประคำและขวานศักดิ์สิทธิ์ เพื่อหยุดยั้งการฟื้นคืนชีพของเหล่าวิญญาณร้ายที่ถูกปลดปล่อยออกจากตราผนึกนานนับ 2,500 ปี กับสัญลักษณ์เลข 8 ที่สื่อถึงการกลับชาติมาเกิดและความเป็นนิรันดร์

หนังทำออกมาได้ดีมาก[ดีกว่าหนังหลายๆเรื่องแถวนี้] ทั้งภาพ มุมกล้อง เทคนิคการถ่ายทำและการแสดงที่ดี อย่างที่เคยเห็นในหนังเรื่องอื่นๆ โดยเฉพาะในฉากที่เด็กนักเรียนสาวที่ถูกปีศาจสิง ที่ทำออกมาได้ดีจริงๆและประทับใจอย่างมาก และก็เป็นฉากนี้ฉากเดียวทีแอดดูแล้วรู้สึกสยอง และติดตามาเลยละ

[นางยิ้มได้สยองมากๆ ปรื๋อๆ] แต่อีกอย่าง ถึงแม้ว่าจะมีการพูดว่าเป็นหนังสยองขวัญ แต่จริงๆแล้ว หนังเรื่องนี้ทำออกมาไม่ได้น่ากลัวสักเท่าไหร่ [ออกไปทางระทึกขวัญมากกว่า] ดังนั้น ถ้าหากใครที่คิดว่าดูแล้วจะต้องกรี๊ดๆๆ ต้องบอกไว้เลยว่าไม่แน้นอน แต่หนังก็ทำออกมาให้เราได้ลุ้นระทึก และก็คิดตามไปด้วยว่าจะปราบปีศาจร้ายยังใง [ทั้งๆที่เราก็เดาได้ว่าตอนจบจะเป็นแบบใหน]

ด้านนักแสดงได้ อีอึล รับบท ฮาจอง นักบวชผู้พิทักษ์สุสานที่พบว่ามีวิญาณหลุดรอดออกไป จึงได้ขอให้ นัมดารึม รับบท ชุงซอก นักบวชหนุ่มออกตามหา อีซองมิน รับบท พัคจินซู ชายที่เกิดมาเพื่อหยุดยั้งวิญญาณเหล่านี้จากการทำลายล้างโลก และกำกับโดย คิมแทฮยอง

ถือว่าเป็นหนังเกาหลีอีกเรื่องที่คุ้มค่าเวลาดู เอาเป็นว่าใครที่เป็นแฟน หนังเกาหลี แนวระทึกขวัญ สยองขวัญ และที่เบื่อๆกับโควิดกับการกักตัวอยู่บ้าน [แอดนี้โคตรเบื่อมากๆ] อยากหาหนังดีๆดู แอดแนะนำเลยเรื่องนี้ แล้วคุณจะได้เห็นยิ้มสยอง ของน้องนักเรียนสาว ปรื๋อๆๆๆ ดูได้แล้วบน NETFLIX นะจ๊ะ

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว NETFLIX

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง จอมขมังเวทย์ 2020

รีวิว หนัง จอมขมังเวทย์ 2020 เข้ากับกระแสช่วงนี้เลยละ กับจอมขมังเวทย์ 2020 หนังแอ็คชั่นภาคต่อของ15ปีก่อน ที่ดูเพลิน มีประเด็นชวนขบคิด และเป็นอีกหนึ่งหนังไทยที่น่าดูมากๆ โอมเพี้ยง [ สปอยนิดๆ ]

รีวิว หนัง จอมขมังเวทย์ 2020 หลังพ่อถูกฆ่า วิน [ปริญ สุภารัตน์] หนุ่มนักมวยสุมไฟแค้นออกตามล่าตัวฆาตกร จนได้พบกับองค์กรพลังจักรวาลที่นำโดย ครูเมย์ [สินจัย เปล่งพานิช] ไลฟ์โค้ชสาวใหญ่ผู้มีเบื้องหลังเป็นผู้ค้าวัตถุไสยเวทย์ และ ก็อต [จิรายุ ตันตระกูล] มือขวาครูเมย์ที่ช่วยตามล่าสินค้า โดยทั้งคู่ได้ตกเป็นเป้าหมายสำคัญของ วิน ที่หวังออกตามล่าฆาตกรที่ฆ่าพ่อเขาเพียงเพื่อชิงเหล็กไหลวัตถุมงคลแห่งพุทธคุณ และสงครามอาคมครั้งนี้ได้นำ หมวดการ์ตูน [ชิชา อมาตยกุล] มือปราบสาวไฟแรงที่ต้องมาต่อกรกับสงครามมหาเวทครั้งนี้ เมื่อศึกเริ่มสะเด็ดน้ำ อิทธิ [ฉัตรชัย เปล่งพานิช] อดีตผู้กองและจอมขมังเวทย์ในตำนานก็ปรากฎตัว สงครามไสยเวทครังนี้จะจบลงเช่นไร

ทิ้งห่างจากภาคแรกไปถึง 15 ปี ต้อม ปิยะพันธุ์ ชูเพ็ชร์ ได้กลับมาอีกครั้งกับภาคต่อของ จอมขมังเวทย์ อีกครั้ง โดยสิ่งที่สังเกตได้เลยคือการเก็บเล็กผสมน้อยกับเหตุการณ์บ้านเมืองต่างๆ [ ในยุคปัจจุบันนี้ ] เอามาสอดแทรกไว้ในหนังเปรียบเสมือนเป็นบทบันทึกประวัติศาสตร์ด้านความเชื่อความศรัทธาหรือความงมงาย ทั้งการบูมของธุรกิจไลฟ์โค้ช ธุรกิจวัตถุมงคลที่มีตลาดระดับหลายพันล้าน หรือแม้กระทั่งการล้อเลียนเหตุการณ์ที่ พลตำรวจเอก ศรีวราห์ ไหว้ นายเปรมชัย [ คดีฆ่าเสือดำ ] ก็กลายเป็นกลไกในการสร้างให้ผู้ร้ายในหนังดูเหนือมนุษย์และกฎหมายเอื้อมมือไม่ถึง

จอมขมังเวทย์ 2020 เดินเครื่องความตื่นเต้นให้คนดูอย่างรวดเร็ว ด้วยการใส่ฉากแอ็คชั่น การต่อสู้ในสไตล์หมัดมวยมือเปล่ากันตั้งแต่ฉากแรกๆเลย และจุดพลิกผันให้ตัวละครอย่างวิน ก้าวเข้าสู่ด้านมืด ในส่วนของฆาตกรแม้ว่าผู้ชมจะไม่ได้เห็นใบหน้า แต่องค์ประกอบของหนังก็คงให้คนดูคาดเดาได้ว่าคนร้ายคือใคร [ ยังใงก็รู้อยู่แล้วละ ]

แต่ถึงจะรู้ตัวคนร้ายอยู่แล้ว หนังก็ดำเนินต่อไปได้อย่างมีอรรถรส เมื่อจอมขมังเวทย์ 2020 พาคนดูไปสำรวจความเชื่ออันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดของคนรุ่นเก่าที่เชื่อว่า ต่อให้คนเรามีความสามารถด้วยความพยายามมากแค่ไหน ไสยศาสตร์ เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่จะผลักดันให้มนุษย์มุ่งหน้าสู่ความสำเร็จได้มากขึ้นเท่านั้น สวนทางกับคนรุ่นใหม่อย่าง ที่มองว่าความสำเร็จของคนยุคปัจจุบันคือความมุมานะพยายามด้วยตัวเองเท่านั้น

ตัวละครแต่ละตัวในหนัง ล้วนพัวพันอยู่กับความเชื่อในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การเชื่อในไสยศาสตร์เพราะต้องการ [ เหนือกว่าคนอื่น ] เชื่อในความถูกต้องตามครรลองของกฎหมาย เพราะในชีวิตมนุษย์ล้วนต้องเคารพในกติกาของสังคม เชื่อในการล้างแค้นเพราะจะนำมาซึ่งความสงบในจิตใจ โดยไม่ว่าตัวละครในหนังเรื่องนี้จะมีแนวคิดแบบไหนก็ตาม พวกเขาใช้มันเป็นแรงผลักดันของชีวิตทั้งสิ้น

โดยรวมแล้ว จอมขมังเวทย์ 2020 ถือเป็นหนังไทยที่ให้ความบันเทิงได้ดีมากเลย บทหนังมีองค์ประกอบหลายอย่างที่น่าสนใจ ฉากแอ็กชั่นและพลังการแสดงอันเข้มข้น ที่อยากแนะนำคือ ควรดูภาคแรกก่อนเข้าชมจะได้ไม่งงกับคาถาอาคมในเรื่องครับ และคุณจะได้รู้ได้เห็นว่า เสก ต่อ แตน ของจริงเขาทำกันแบบใหน คริ คริ

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว ซีรี่ส์ไทย Let’s Fight Ghost คู่ไฟท์ไฝว์ผี

รีวิว ซีรี่ส์ไทย Let’s Fight Ghost คู่ไฟท์ไฝว์ผี ที่แฟนๆของ เซ้นต์ ศุภพงษ์ กับ อร BNK48 ห้ามพลาดเด็ดขาด  [ สปอยนิดๆ ]

รีวิว ซีรี่ส์ไทย Let’s Fight Ghost คู่ไฟท์ไฝว์ผี รื่องนี้ยังไงต้องปังแน่นอนเพราะว่าตอนเป็นเวอร์ชั่นเกาหลีเมื่อปี 2016 ได้ Taecyeon และ Kim So Hyun มารับบทนำก็ปังมากๆ เรียกว่าเป็นหนึ่งใน Top 3 ซีรีส์เกาหลีแนวผีโรแมนติกคอมมาดี้ในใจแอดเลยแหละ

อ๊อฟ – อิศวะ (ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา) นักศึกษาแพทย์ผู้มีความสามารถในการมองเห็นผี และสามารถแตะต้องผีได้ อ๊อฟจึงรับจ้างปราบผีเพื่อเก็บรวบรวมเงินสำหรับการผ่าตัดดวงตาให้ไม่ต้องมองเห็นผีอีก แล้ววันหนึ่งอ๊อฟก็ได้รับการว่าจ้างจากจีนส์ – จิดาภา (พัศชนันท์ เจียจิรโชติ) ผีสาวความจำเสื่อมให้ช่วยมาปราบผีอีกตัว แต่อ๊อฟเข้าใจผิดคิดว่าเป็นตัวจีนส์เอง ทำให้ทั้งสองต่อสู้กันจนเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้จีนส์จำอดีตของตัวเองได้บ้างส่วน

และจีนส์ยังได้ใช้ความสามารถในการมองเห็นอดีตและจุดอ่อนต่างๆ ของผีในการช่วยอ๊อฟปราบผี โดยมีเล้ง (เนียร์กิจ – กรวิชญ์สูงบูลย์) กับเนียร์ (หรั่ง – อภิวิชชียร์ ดอน) สองรุ่นพี่สุดขู่ผู้คลั่งไคล้ในการล่าปีศาจเข้ามาร่วมก๊วนด้วยทำให้อ๊อฟกับจีนสนิทกันมากขึ้นจนความสัมพันธ์ก็เริ่มเปลี่ยนไป แต่อ๊อฟมีนางในฝันคือน้ำหวาน (มายด์ – วรัทยาว่องชยาภรณ์) สาวสวยรุ่นพี่ที่ผู้ชายหมายปอง

ซีรีส์ Let’s Fight Ghost เป็นเรื่องที่ดัดแปลงมาจากซีรีส์เกาหลีทำให้เราอยากรู้ว่าพอเอามาทำในแบบที่เป็นของไทยแล้ว จะเป็นยังไงซึ่งจริงๆแล้วผมว่าก็เป็นความสนุกในอีกรูปแบบหนึ่งนะในเรื่อง บทอ๊อฟเป็นนักเรียนแพทย์ที่รับจ๊อบเป็นหมอผีด้วย เพราะมีความสามารถพิเศษเป็นเหมือนพลังที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดคือการมองเห็นผี

เป็นบทที่แปลกแหวกแนวเหมือนกันเรื่องของการแสดงก็ต้องใช้ความสมารถสูงกว่าที่ผ่านมาเพราะไม่ได้เล่นกับนักแสดง แต่ต้องเล่นกับสเปเชียลเอฟเฟกต์ต่างๆ ที่ทางทีมงานเขาออกแบบมาให้ อยากให้ทุกคนได้ดูกัน และนักแสดงอีกท่านหนึ่งสำหรับน้องอร BNK ผมว่าเขาเหมาะสมกับบทจีนมากๆแล้วก็คิดว่าเป็นผีที่ทุกคนน่าจะอยากเจออยากจริงๆ ให้ทุกคนได้ติดตามชม Let’s Fight Ghost คู่ไฟไฝวผี ซีรีส์ที่มีทั้งความเชื่อและความน่ารัก มีทุกอารมณ์แน่นอน

มีสอดแทรกความเป็นไทยให้เข้ากับบริบท พระนางเคมีเข้ากันน่ารักดี มีช่วงแรกๆ ที่กัดกันจนบางทีแอบกังวลใจในความกัดกันของทั้งสองคน แต่ก็เริ่มน่ารักขึ้นมาบ้างแล้ว โดยรวมแล้วน่าติดตามดูทุกตอนเลยละ สามารถรับชมได้แล้วบนNetflix อย่าลืมติดตามกันนะครับ

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่  รีวิว ซีรี่ส์ ไทย 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว ซีรี่ส์ Goedam ผีบ้าน ผีเมือง

รีวิว ซีรี่ส์ Goedam ผีบ้าน ผีเมือง ซีรี่ส์เรื่องสั้นสยองขวัญจากเกาหลี สยองสั้นกระชับหลอนจัดหมาหอนกันเลย [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว ซีรี่ส์ Goedam ผีบ้าน ผีเมือง เป็นซีรีส์แนวผีๆ ของทางเกาหลีครับ ลงฉายในสตรีมมิ่งอย่าง Netflix มาในรูปแบบของเรื่องสั้นเป็นตอนๆไป เฉลี่ยอยู่ที่ตอนละประมาณ 8-10 นาทีเท่านั้น โกดัม นี้ก็เป็นภาษาเกาหลีที่แปลว่า เรื่องเล่าเกี่ยวกับผี และเน็ตฟลิกซ์ไทยก็แปลมาว่าผีบ้าน ผีเมือง นั่นเอง และซีรีส์สั้นฉบับที่ลงในเน็ตฟลิกซ์นี้ก็มีความยาว 8 ตอน แต่ละตอนจบในตัวด้วย ก็เรียกว่าคัดมาแบบเน้น ๆ เข้าประเด็นกันไวเลยทีเดียว

ด้วยความยาวที่ว่ามาทำให้ผู้สร้างเน้นไปที่การปูเรื่องแล้วพาเข้าฉากสยองให้ไวที่สุด ความรวบรัดนั้นทำให้หนังแต่ละตอนดูวูบวาบมากด้วยจังหวะการเล่า และภาพความสยองที่รุนแรงจัด ๆ อย่างผีที่ร่างโชกเลือด ตัวบิดเบี้ยว หรือร่างกายอวัยวะขาดจากกัน คือสะใจสายโหด สายไม่เยิ่นเย้อเลย แถมนักแสดงส่วนใหญ่ก็หล่อสวยหน้าตาดีเจริญหูเจริญตาตามสไตล์เกาหลีด้วย

ในแต่ละตอนก็จะมีผีออกมาแตกต่างกันไป ซึ่งก็เหมือนกับตำนานเรื่องผีที่เล่าต่อๆ กันมาในหลายๆ ประเทศนั่นแหละครับ มีทั้งเรื่องในโรงเรียน ผีลิฟท์ ผีแท็กซี่ ผีธรณีประตู ผีคนทรง ไปจนกระทั่ง ผีโซเชียลยังมีเลย

สำหรับแต่ละตอนก็มีความน่าสนใจและคล้ายตำนานเมือง เรื่องเล่าผีที่คล้ายๆ กันในประเทศฝั่งตะวันออก อย่างตอนแรกที่ว่าด้วยเรื่องของนักเรียนหญิงที่นั่งหลังโต๊ะเพื่อนที่เสียชีวิตทำให้รู้สึกไม่สบายใจ เวลามองที่ดอกไม้ไว้อาลัยที่อยู่บนโต๊ะตัวหน้า เธอเลยขอตัวไปห้องน้ำ แล้วจากนั้นห้องข้างๆ ก็มีเสียงประหลาด หรือตอนเรื่องของเด็กผู้หญิงที่ฆ่าตัวตายโดยกระโดดให้รถทับจนตัวขาด แล้วกลายเป็นเรื่องหวาดผวาของเพื่อนร่วมชั้น ก็มีความคุ้น ๆ เรื่องเล่าที่เคยได้ยินมา แต่มีรายละเอียดและความน่ากลัวด้านภาพเสริมจนเหวอไปเลยเวลาดู

ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องหายไปเพื่อให้เรื่องรวบรัด แต่ก็ดูเป็นความจงใจของการเล่าเรื่องคือ คำอธิบาย ในแต่ละตอนนั่นเอง บางตอนคนดูพออนุมานได้ว่าทำไมตัวละครนี้จึงต้องเผชิญเรื่องนี้ หรือผีตนนี้ทำไมต้องอาฆาตรุนแรงนัก แต่หลายๆตอนก็ปล่อยว่างเป็นพื้นที่สุญญากาศที่ให้จินตนาการผู้ชมหาเหตุผลเอาเอง

ทั้งนี้ก็ทิ้งคำใบ้นิดๆ หน่อยๆ ไว้ในตอนอื่น ๆ พอให้เชื่อมได้ว่าทุกเรื่องอยู่ในจักรวาลเดียวกัน หรือบางครั้งก็อยู่ในพื้นที่เดียวกันนั่นเอง ต้องขอบอกนะว่าหนังเรื่องนี้เป็นแค่ตอนสั่นๆ เท่านั้นซึ่งถ้าหากท่านดูแบบเผลินๆ ก็อาจจะมีงงบ้างสักหน่อยกับการที่ไม่มีที่ไปที่มาของเรื่อง สำหรับแต่ละตอน

เป็นซีรีส์แนวผีๆ ของทางเกาหลี ลงฉายในสตรีมมิ่งอย่าง Netflix มาในรูปแบบของเรื่องสั้นเป็นตอนๆ  ถ้าอยู่บ้านว่างๆ อยากหาอะไรหลอนๆ ดู แอดแนะนำเลย เรื่องนี้หลอนเข้าตาแน่ๆ และอย่างที่บอกว่ามันเป็นซีรี่ส์สั้น แอดใช้เวลาดูทั้งหมด 8 ตอนรวบยอดเลยไม่ถึงชั่วโมงครึ่งเลยครับ ลองหาดูกันครับ ซีรีส์ผีเกาหลี ที่ Netflix

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว ซีรีส์ เกาหลี Blood เทพบุตรแวมไพร์

รีวิว ซีรีส์ เกาหลี Blood เทพบุตรแวมไพร์ ซีรีส์เรื่องนี้แนวแวมไพร์พระเอกหน้าหล่อนิสัยเย็นชา มีจำนวนตอน 20 ตอน และมี 1 ซีซัน เรื่องนี้อยากจะบอกว่ามันสนุกมาก ส่วนตัวชอบแนวแวมไพร์อยู่แล้ว [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว ซีรีส์ เกาหลี Blood เทพบุตรแวมไพร์ พระเอกของเรื่อง พัคจีซัง  เป็นแวมไพร์ ที่เกิดจากพ่อแม่ซึ่งเป็นแวมไพร์เช่นกัน แต่ทั้งพ่อและแม่กลับถูกฆาตกรรม ทำให้เขาต้องการสืบว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังการตายนี้ รวมถึงหาวิธีแก้ไขให้ตัวเองกลับเป็นมนุษย์ปกติ โดยใช้ชีวิตแผงตัวปะปนอยู่กับมนุษย์ด้วยการเป็นศัลยแพทย์ผู้เก่งกาจ และได้เข้าทำงานที่ รพ.แทมิน และได้พบกับหมอ ยูริต้า ที่ยิ่งทำงานด้วยกันนานวันก็เหมือนจะยิ่งได้รู้ถึงความลับของตัวเขา รวมถึงเกิดความสัมพันธ์ระหว่างกันขึ้น รวมถึง ผอ.อีแจอุค ที่เป็นบุคคลน่าสงสัย และดูเหมือนจะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อแม่เขา

เรื่องนี้เกริ่นเรื่องราวของพระเอกนานไปนิด ใช้เวลาเกือบ 2 ตอน กว่าจะเข้าใจว่าพระเอกเป็นมายังไง เกือบจะหมดสนุกกันทีเดียว แต่ความน่าติดตามมันทำให้ยังดูต่อไง แล้วก็ไม่ผิดหวังเลย ดารานักแสดงทุกคนเล่นดีมาก โดยเฉพาะป๋าจีจินฮี ที่พลิกคาแร็กเตอร์มารับบทร้ายเป็นครั้งแรก ดูทรงพลัง ดูน่ากลัว และภายใต้รอยยิ้มนั้นมันเหมือนแอปเปิลอาบยาพิษชัดๆ

ส่วนคู่พระนางเราจะได้เห็นตั้งแต่เกลียดขี้หน้ากัน จนมาเกิดเป็นความรักซะอย่างนั้น ช่างน่ารักไรแบบนี้ แวมไพร์ที่แสนเย็นชาก็ดูจะอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ เวลาจีบกันนี่แบบฟินไป นางมีความยิ้มอ่อน ค่อยๆหว่านสเน่ห์แบบตั้งตัวกันไม่ทันเลยทีเดียว

เนื้อเรื่อง ดูแบบลุ้น ว่าจะหาทางแก้ไขไวรัสได้มั้ย พระเอกจะหลุดโหมดแวมไพร์อยากกินเลือดเมื่อไหร่ รวมถึงมีพลิกล็อกเนื้อเรื่องเบาๆ คือหลอกคนดูมาครึ่งค่อนเรื่อง คือเรื่องสนุกมาก แต่ตอนจบค้างๆไปหน่อย เหมือนให้เราไปมโนต่อกันเองว่ายังไง แต่ด้วยความที่ชีวิตจริงรักกันนอกจอนี้รู้สึกเหมือน Happy Ending จะให้อภัยกับตอนจบก็แล้วกัน ก็ชอบทั้งคู่เลยนี่นา [ ถูกใจเจ้ข้างบ้านเขาละ ]

เรื่องนี้นอกจากจะแนวแวมไพร์ รักโรแมนติกแล้วยังมีดราม่าด้วยคือส่วนที่โรแมนติกก็ฟินจิกหมอนขาด ส่วนที่ดราม่าก็ดราม่าหนักมาก ร้องไห้อย่างกับเขื่อนแตกกันเลยทีเดียว พระเอกหล่อมาก หมอที่เป็นแวมไพร์ หื้อพ่อคุณ[ หล่อเกินหน้าเกินตาแอด ] ได้ไงง ทีแรกก็งง เอ้าได้หรอ พอเปิดดูตอนแรกครั้งแรก อ่ะให้อภัยเพราะนางเอกสวยมากอะนะ เนื้อหาแบบดีงามมากอ่ะ แค่ตอนแรกก็น้ำตาตกแล้ว ลุ้นมาก บีบหัวใจที่สุด แบบชอบอ่ะใครชอบแนวเลือดจริงผ่าตัดให้เห็นจริงๆยิ่งแนะนำให้ดูเลย ซีซัน1จำนวนตอน 20 ตอน netflix

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ซีรี่ส์ เกาหลี

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง Howling Village อุโมงค์ ผีดุ

รีวิว หนัง Howling Village อุโมงค์ ผีดุ ผลงานกำกับของ ผู้กำกับหนังสยองขวัญอย่าง Ju-On และ Howling Village อุโมงค์ผีดุ ซึ่งอ้างอิงจาก อุโมงอินุนาคิ และสร้างความสะพรึงต่อชาวญี่ปุ่นจนคว้าอันดับ 1 BOX OFFICE ประเทศญี่ปุ่น [ สปอยนิดๆ ]

รีวิว หนัง Howling Village อุโมงค์ ผีดุ หนังว่าด้วยเรื่องราวเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นรอบตัวนักจิตวิทยาสาวโมริตะ คานาเดะ มี ตั้งแต่ผู้หญิงร้องเพลงเด็กพี่น้องสูญหายและปริศนาการตายต่อเนื่องที่ไม่ทราบสาเหตุเธอฉุกคิดได้ว่าทุกคนในนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุโมงค์ อินุนากิ ที่ถูกสาป คานาเดะ มุ่งไปยังอุโมงค์เพื่อตามหาความจริง

“ยูมะ” และ “อากินะ” แฟนสาวของเขา ได้เผลอรับโทรศัพท์ปริศนาที่ตู้สาธารณะ แล้วลองเข้าไปยังอุโมงค์ อินุนากิ เพื่อเล่นกิจกรรม “ทดสอบความกล้า” ซึ่งพวกเขาเกือบจะถูกฆ่าตายและดูเหมือนว่า อากินะ จะเสียสติไปแล้ว ยูมะ ได้ปรึกษากับน้องสาว “คานาเดะ โมริตะ”  จิตแพทย์ที่มีสัมผัสที่หก เพื่อหาสาเหตุของอาการของ อากินะ หลังจากนั้นไม่นาน อากินะ ก็ฆ่าตัวตาย ทำให้ยูมะได้พาพรรคพวกกลับไปที่นั่นอีกครั้ง เพื่อหาความจริง แต่เพื่อนของเขาก็เสียชีวิตอย่างลึกลับ ในตู้โทรศัพท์ใกล้หมู่บ้าน ซึ่งตั้งอยู่นอกอุโมงค์

เมื่อยิ่งสืบ ก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวของหมู่บ้านนี้ชัดเจนขึ้น มันมีเหตุบางอย่างที่ทำให้หมู่บ้านนี้ และอุโมงค์ปริศนายังคงอยู่ คานาเดะ ก็เริ่มที่จะตระหนักดีว่าบรรพบุรุษของเธอ ก็อาจเป็นสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวก็เป็นได้

อุโมงค์อินุนากิ ตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุโอกะ ที่นี่ถูกสร้างในช่วงปี 1886 และสร้างเสร็จในปี 1949 แต่ด้วยความที่อุโมงค์นี้ตั้งในป่าลึก และวังเวง ทำให้รัฐบาลได้สร้าง “อุโมงค์ใหม่ อินุนาคิ” เพื่อทดแทน ส่วนอุมฌงค์เก่านั้นถูกปิดตาย และกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมของเหล่ากุ๊ย นักซิ่งแว้น และยากูซ่า ที่มักจะเอาศพคู่อริมาทิ้งหมกไว้ที่นี่ และยังเป็นหนึ่งในที่ๆยอดฮิตในการฆ่าตัวตาย คดีฆาตกรรม

สรุปโดยภาพรวมแล้ว Howling Village อุโมงค์ผีดุ จึงเป็นภาพยนตร์ที่ทำออกมาได้ เกือบดี ภาพรวมนั้นเล่าเรื่องได้น่าสนใจ มีการผูกเงื่อนงำให้ชวนน่าติดตาม มีจังหวะจะโคนความหลอนและตกใจที่ดีงามชวนขนลุก แต่มีปัญหาในตอนจบที่รู้สึกว่าเล่นใหญ่ไปหน่อย และมีช่องโหว่อยู่บางจุด โปรดัคชั่นโดยภาพรวมนั้นทำได้โอเค ไม่ได้เน้นความล้ำมากมาย แต่ก็นำเสนอภาพด้วยเทคนิค

พิเศษสเปเชียลเอฟเฟ็คพื้นฐานได้อย่างดี สมจริง เพลงประกอบก็หลอนใช้ได้ ใครเป็นคอหนังผีญี่ปุ่น ชอบงานของผู้กำกับหนังผีจูออน ชอบฟีลหนังผีญี่ปุ่นหมู่บ้านหลอนๆ ไม่ผิดหวังแน้นอน แอดขอบอก

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง Pee Nak พี่นาค

รีวิว หนัง Pee Nak พี่นาค หนังไทยที่ปัจจุบัน 100 ล้านไปแล้ว ทำไม เพราะอะไร ทำหนังแบบนี้ก็ได้ร้อยล้านแล้วใช่มั้ย [ สปอยนิดๆ ]

รีวิว หนัง Pee Nak พี่นาค โหน่ง หนุ่มหล่อวัยเบญจเพสสุดซวย ที่ถูกหักอก และตกงานในเวลาเดียวกัน เขาหอบหิ้วความเสียใจขึ้นรถโดยสาร เพื่อเดินทางกลับไปพักใจที่บ้านเกิด แต่กลับซวยซํ้าสอง เมื่อไปเจอกับเพื่อนเก่าอย่าง บอลลูน เฟิร์ส และก๊อต แก๊งกระเทยเพื่อนซี้ หอบหิ้วดีกรีแฟชั่นนิสต้า ที่หวังเคลมโหน่งอย่างออกนอกหน้าจนโหน่งเอือมระอา แต่เพื่อนซี้มีอันต้องซี้ไปจริงๆ เมื่อรถโดยสารที่พวกเขานั่งมา เกิดอุบัติเหตุจนทําให้ก๊อตเสียชีวิต ทั้งสามโศกเศร้า และยังหวาดผวาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงตกลงปลงใจจับมือพากันไปบวชล้างซวย แต่เคราะห์ซํ้ากรรมซัดขัดใจตุ๊ด เมื่อวัดที่ทั้งสามคนตั้งใจไปขอบวชนั้น มีเรื่องเล่าขานว่าวัดนี้มีผีพี่นาคที่เฮี้ยนแรงขั้นสุด เกิดเป็นอาถรรพ์อันน่าสะพรึงรอคอยอยู่ งานบวชก็ต้องมี เรื่องผีก็โผล่มา กลายเป็นความผวาเลเวลอัพ ทั้งสามจึงรวมพลังตั้งสติวีนวัดแตก เพื่อให้ได้บวชอย่างที่ตั้งใจ แต่การบวชครั้งนี้จะลุล่วงสมปรารถนา หรือพวกเขาจะกลายเป็นผีนาคเฝ้าวัดสานต่อตํานานสยองพี่นาคคนต่อไป

หนังขึ้นชื่อว่าเป็นหนังผีตลกอีกเรื่องหนึ่ง แบบว่าทำมายังไงก็ไม่ขาดทุน ในส่วนของความเป็นผีนั้นต้องชื่นชม ผกก. ที่มาจากสายงานกำกับศิลป์ หนังไทยมาหลายต่อหลายเรื่อง ลองมาหมดแล้วแทบทุกแนว จึงแม่นในการสร้างบรรยากาศความหลอนได้สะพรึงมาก ทั้งวัดป่ากลางหุบเขาไร้ผู้คน ศาลเพียงตาที่ตั้งให้นาคที่ตายไปก่อนได้บวช จนมีตำนานว่าใครมาบวชวัดนี้ก็มักจะต้องตายไปก่อน ฉากการแห่นาคผีที่ทั้งขบวนเป็นคนไร้หัว และลานรูปปั้นพระอรหันต์เป็นสิบเป็นร้อย ที่วัดใหญ่ชอบปั้นรายล้อมพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ทั้งที่น่าจะอุ่นใจศักดิ์สิทธิ์ ก็เอามาขยี้ได้น่ากลัวด้วยเช่นกัน

จะเห็นได้ชัดเจนว่าในช่วงแรก หนังได้เอาความสยองขวัญกับความตลก มาใส่ไว้ด้วยกันซึ่งก็ทำออกมาได้ดี มุกแต่ละมุกก็ฮาใช้ได้ แต่ก็ไม่ถึงกับขำก๊าก ส่วนในเรื่องของความน่ากลัว ก็อย่างที่บอกว่ามันหลอนจริงๆ ยิ่งได้ดนตรีประกอบของไทย มาใส่ก็ยิ่งทำให้นึกถึงหนังผีสมัยก่อนที่ได้ยินแค่เสียงก็กลัวจนขนหัวลุกแล้ว แต่หนังยังมาตกม้า ( เกือบ ) ตายในตอนท้ายที่แม้ว่าจะพยายามขมวดปมจบแบบเคลียร์ๆ ซึ้งๆ แต่ก็ยังทิ้งบาดแผลไว้หลายจุด ซึ่งบางเรื่องมันก็ไม่ได้มีความสมเหตุสมผลมากนัก และในบางฉากก็ยังใส่เรื่องราวเกี่ยวกับการบวชนาคในพุทธประวัติ ซึ่งทำออกมาแล้วดูไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันเท่าที่ควร

อย่างไรก็ตามโดยภาพรวมของ พี่นาค ก็สามารถตอบโจทย์ความสนุกได้ดีทีเดียว ทั้งในเรื่องของความสยดสยอง จากผีที่มีแรงอาฆาตสูง และเรื่องราวความตลกจากทุกๆ ตัวละครที่ช่วยกันส่งให้หนังไม่น่าเบื่อ โดยเฉพาะตัวละคร บอลลูน รับบทโดย เอม ตามใจตุ๊ด ผู้ซึ่งมีความตลกอย่างเป็นธรรมชาติและมีส่วนอย่างมากที่ทำให้หนังออกมาสนุกได้ขนาดนี้ เรียกได้ว่าสนุกครบทุกรสเลยทีเดียว หากคาดการณ์จากตอนจบของเรื่องก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีเรื่องราวภาคต่อซึ่งถ้าทำออกมาจริงๆ ก็เชื่อว่าน่าสนใจไม่น้อย

สำหรับ พี่นาค หนังสยองขวัญคอมเมดี้จากฝีมือการกำกับของ ไมค์ ภณธฤต ที่เคยฝากผลงานความหลอนไว้ใน มอญซ่อนผี เมื่อ 4 ปีที่แล้ว คราวนี้ได้หยิบเอาเรื่องราวการบวชนาคสุดสยองมาถ่ายทอดบนจอเงิน ซึ่งงานนี้ยังได้นักแสดงฝีมือเยี่ยม ชิน ชินวุฒ มารับบทบาทสำคัญ พร้อมด้วยแก๊งหนุ่มๆ ที่จะมาบวช นำโดย ออกัส วชิรวิชญ์, เจมส์ ภูริพรรธน์, เอม ตามใจตุ๊ด ร่วมด้วยนักแสดงมากฝีมืออีกเพียบ เป็นอีกหนึ่งหนังที่บันเทิงน่าจะถูกใจคอหนังผีตลกไทยครับ ใครชอบแนวนี้ และเบื่อๆกับโควิด ก้หาดูได้แบบเพลินๆนะครับ

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์ ไทย

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง GHOSTS OF WAR โคตรผีดุแดนสงคราม

หลอกแล้ว หลอกอีก เมื่อทหารสงครามโลก ติดกับดักบ้านผีสิง [ ไม่สอยเท่าไหร่ ]

รีวิว หนัง GHOSTS OF WAR โคตรผีดุแดนสงคราม ปี 1944 ในช่วงที่การสู้รบระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตร และนาซีกำลังถึงจุดสิ้นสุด ทหารอเมริกัน 5 นาย ได้รับภารกิจปกป้องคฤหาสน์เก่าแก่แห่งหนึ่งในฝรั่งเศสจากการโจมตีของนาซีเยอรมัน แต่พวกเขาต้องเจอกับเหตุการณ์ลึกลับ ชวนขวัญผวาที่พัวพันกับเรื่องราวเหนือธรรมชาติ และการหลอกหลอนของคฤหาสน์หลังนี้ ก็เรียกได้ว่า จัดเต็มมาตั้งแต่ เสียง ร่องรอยปริศนาที่ชวนจินตนาการความโหดร้ายที่เคยบังเกิด การผลุบ ๆ โผล่ ๆ ของวิญญาณ ภาพถ่ายสุดหลอนของครอบครัวเจ้าบ้าน รวมถึงมุกการหลอกที่อาจไม่แปลกจากหนังผีที่เคยชม แต่ก็ได้ผลในการดึงความสนใจเราได้ตามสูตรสำเร็จอยู่ดี ว่าเงื่อนไขการหนีตายเอาชีวิตรอดจากคำสาปเหล่านี้ แท้จริงคืออะไรกันแน่?

GHOSTS OF WAR เป็นหนังเซอไพรส์ที่สุด ที่ดูจบแล้วอึ้งไปพักหนึ่ง ว่าเราควรจะรู้สึกยังไงกับหนังเรื่องนี้ดี เพราะมันเซอไพรส์สุดๆ และอึ้งกับตอนจบ เป็นหนังสยองขวัญที่มีจังหวะ Jump Scare หรือ ผีตุ้งแช่เยอะมากๆ ทั้งมาแบบแอบๆ หลอนๆ และมาแบบให้ตกใจเลยจริงๆก็มี แต่มันดันมีบางฉากที่รู้สึกว่า หนังมันทำให้ขำมากกว่า ซึ่งส่วนตัวแล้วแอดรู้สึกว่ามันไม่ใช่จุดพลาด แบบตั้งใจให้กลัวแต่ดันขำ คือ มันขำจริงๆ และได้อารมณ์ล้อหนังสยองขวัญด้วยหน่อยๆ แต่ในขณะเดียวกันตัวหนังเอง ก็เป็นหนังสยองขวัญด้วย ทำให้บางช่วงรู้สึกแปลกๆ ว่าจะให้กลัวหรือจะให้ขำ แอบรู้สึกมันมีความอาร์ทเบา ๆ

เป็นหนังผีที่พล็อตเรื่องโคตรล้ำ คาคเดาไม่ได้ ผีก็แบบน่ากลัวพอใช้ได้เลย ฉากตุ้งแช่ค่อยข้างเยอะพอสมควร แถมได้ผลเกือบจะทุกอย่าง ทำคนดูสะดุ้งกันเป็นแถว แล้วยิ่งบวกไปกับบรรยากาศหนังที่เล่าย้อนไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทหาร 5 นาย ต้องปกป้องคฤหาสน์ร้าง ยิ่งทำให้หนังดูขนลุกขึ้นไปอีก ฉากต่างๆของหนังก็ทำได้ดีสามารถพาคนดูย้อนไปเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ช่วงนั้นได้เลย แต่เอาจริงๆแล้วเนื้อเรื่องของหนังไม่ค่อยมีอะไรเลย ชอบในความที่หนังทำออกมาให้คาคเดาไม่ได้เนี้ยล่ะ เป็นหนังผีที่เยี่ยมเลย นอกจากนั้นยังมีมุกตลกแทรกมาในหนังด้วย เพื่อไม่ให้คนดูกลัวผีจนเกินไป

หนังเต็มไปด้วยปริศนาหลายอย่าง ที่ทำให้เราอยากรู้ และสงสัยเพิ่มมากขึ้น ก่อนจะเฉลยด้วยฉากจบที่อาร์ทที่สุดแห่งปี จนเครดิตขึ้นแล้วเรายังนั่งนิ่ง ๆ ไปอีกพักใหญ่ๆ เชื่อว่าถ้าบางคนไม่ชอบ ก็อาจจะเกลียดไปเลย แต่ส่วนตัวแอดเฉยๆนะ แอดว่ามันก็แนวดี เพราะ GHOSTS OF WAR ก็เดินเรื่องมาแบบกลางๆ ดูเพลินๆ น่ากลัวบ้าง ขำบ้าง มาตลอดทั้งเรื่อง จะจบแบบแหกขนบไปบ้างก็น่าจดจำดี ว่ามีคนกล้าทำแบบนี้ด้วย

นี่เป็นหนังสงครามแบบสยองขวัญที่มีความไม่ดาดดื่น ได้ทั้งบันเทิงแบบตลาด ๆ และข้อคิดแบบเหนือ ๆ ใครชอบความท้าทายและการหักมุมแบบเกิดคาดเดา แอดก็อยากแนะนำใครที่อยากสัมผัสหนังผีเนื้อเรื่องสุดล้ำแบบนี้ GHOSTS OF WAR โคตรผีดุแดนสงคราม ไม่ควรพลาดเลยล่ะห้ามพลาดเด็ดขาด

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว ซีรี่ส์ ARES ชมรมเขย่าขวัญ

ซีรี่ส์สุดดาร์คจากประเทศเนเธอแลนด์ เรื่องราวของหญิงสาววัยรุ่นนักเรียนแพทย์ที่ผลักดันตัวเองเข้ามาเป็นสมาชิกสมาคมลึกลับของชนชั้นสูงที่กุมความลับของประเทศนี้ไว้ [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว ARES ชมรมเขย่าขวัญ สมาคมลับผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของฮอลันดานับหลายร้อยปีถึงปัจจุบัน ทุกปีจะมีการแสวงหาสมาชิกใหม่ เพื่อมาเข้าสมาคม รายการแสวงหานั้นบุคคลที่ถูกคัดเลือกมักจะเป็นลูกผู้ลากมากดี ลูกหลานที่เคยเป็นสมาชิกมาแล้ว หรือคนที่มีความพิเศษบางอย่าง เมื่อไหร่จะรับคัดเลือกจะต้องผ่านพิธีกรรมการคัดเลือกจากทางสมาคมอีกครั้ง ด้วยพิธีกรรมแปลกประหลาด แต่เมื่อใครได้เข้ามาอยู่แล้วจะมีความสุขสบาย แต่ความสุขสบายนั้นมีบางสิ่งบางอย่างที่ซ่อนเอาไว้ บางอย่างที่ทำให้ขนพองสยองเกล้า

โรซ่า นักศึกษาแพทย์สาว ที่มีความมุ่งมั่นทะเยอทะยาน และมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ผู้ที่อยู่กับแม่ที่มีอาการซึมเศร้าขั้นรุนแรง วันหนึ่งเธอได้รับโอกาสจากพี่ชายของเธอให้รู้จักกับสมาคมลับชื่อว่า ARES เธอรู้จักกับหญิงสาวที่อยู่ในนั้นแล้วพูดกรอกหูเธอว่าคนที่จะเข้ามาอยู่นั้นจะต้องเป็นคนพิเศษ และด้วยนิสัยส่วนตัวของเธอ เธอจึงพยายามเข้าร่วมสมาคมนี้ให้ได้แม้จะต้องทิ้งบุพการีไว้เบื้องหลังก็ตาม แล้วก็แน่นอนว่าเธอเป็นบุคคลพิเศษ เป็นที่จับตาของสมาชิกของสมาคม และเธอนั่นแหละที่จะทำให้สมาคมลับที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเนเธอร์แลนด์นั้นเปลี่ยนโฉมหน้าไปตลอดกาล

จัดได้ว่าเป็นซีรี่ส์ที่มีแต่ความมึนงงตลอดทั้งเรื่อง จะเรียกว่าเป็นซีรี่ส์สุดอินดี้เลยก็ว่าได้ เอาเฉพาะตอนเปิดหัวมาตอนแรก ทำให้เห็นเด็กนักศึกษาสาวคนหนึ่งที่มีความมั่นใจในตัวเอง เข้ามหาวิทยาลัย ผ่านการรับน้องของมหาวิทยาลัย ถูกชักชวนเข้าสมาคม มีความรักกับคนที่สมาคม แล้วที่พิธีแห่งหนึ่ง อยู่ดี ๆ เธอก็เดินมาที่โต๊ะ หยิบกรรไกร แทงคอตัวเอง แล้วก็ปาดคอตัวเองตาย แค่นั้น แล้วไม่บอกอะไรเลย อินดี้สุด ๆ

เรื่องราวของสมาคม AERS จะถูเล่าผ่านตัวละครเอกของเรื่อง ซึ่งตัวละครเอกรู้เรื่องอะไรมาเราในฐานะคนดูก็จะรู้ตามเธอ ตัวเอกของเรื่องจึงเปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของคนดูที่จะเข้าไปรู้จักสมาคมนี้ โดยน้ำหนักโดยรวมแล้ว ะเล่าถึงเรื่องราวในสมาคมเป็นส่วนใหญ่ว่าภายในมีอะไรบ้าง มีพิธีกรรมอะไรบ้าง มีความซับซ้อนอย่างไรบ้าง ความเป็นมาของสมาชิกเป็นอย่างไรบ้าง การกินการอยู่อะไรบ้าง กล่าวโดยสรุปก็คือในซีซัน 1 นี้เขาทำให้เราเห็นว่า ARES คืออะไร เท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ลงลึก ลงไปถึงขั้นที่ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรคงเข้าใจว่าน่าจะนำมาให้เราเห็นในซีซันต่อ ๆ ไป

ซีรีส์ทิ้งปมปัญหาเอาไว้เยอะมาก 6 ตอนแรกแทบจะไม่มีการเฉลยอะไรเลย จะไปเฉลยทีก็คือตอนที่ 7 ตอนปลายและก็ตอนที่ 8 แต่ถ้าหากคุณสังเกตให้ดี ซีรีย์ได้เผย กุญแจสำคัญวางทิ้งไว้ตลอดเรื่อง ซีรีส์เฉลยปมสำคัญที่สุดในช่วงท้ายเรื่อง แต่หากถ้าใครไม่รู้บอกเลยว่าจะต้องงงเป็นไก่ตาแตกไม่รู้เลยว่าซีรีส์จะต้องการสื่ออะไร หากจะพูดอีกทีหนึ่งก็คือหากเป็นคนเนเธอร์แลนด์ดูซีรีย์เรื่องนี้ก็คงจะเข้าใจมากเลยทีเดียว ซีรี่ส์มีความระทึกขวัญ สยองขวัญ ลึกลับ ลี้ลับ สอดแทรกเรื่องราวสิ่งเหนือธรรมชาติ มีจิตวิทยาผสมอยู่ด้วย หากมองดูภาพรวมที่มาที่ไปรวมไปถึงบทสรุปแล้ว ก็นับว่ามีเหตุมีผลดี เฉลยตอนจบได้ดีงาม ที่ดีงามกว่าคือการทิ้งท้ายเพื่อเข้าสู่ซีซัน ต่อไป

รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ resizer-1.jpg

แม้ซีรีส์มีทั้งหมด 8 ตอน ตอนละ 30 นาทีเท่านั้น แต่รู้สึกว่า มันยาวนานเหลือเกิน ยอมสารภาพว่ามีหลายจุดน่าเบื่อมาก[ส่วนตัวคิดว่าโอเคอยู่นะ] แต่คิดว่าซีซั่น 2 เขาจะมีวิธีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจรวดเร็วกระชับให้มากกว่านี้ หลายปมปัญหาก็ค่อย ๆ เฉลยบ้างก็ได้ หรือจะเป็นคลายปมหนึ่งแล้วซะอีกมุมหนึ่งบ้างก็ได้ อย่างน้อยเวลาดูก็รู้สึกว่ามันมีอะไรก้าวหน้าขึ้นบ้าง แต่ในตอนท้ายที่มีการเฉลยก็เห็นแววดีอยู่บ้างเลยนะ อย่างไรก็จะคอยติดตามชม season 2 ครับ สำหรับ ARES ใครชอบความลี้ลับผสมประวัติศาสตร์ ดูแล้วลุ้นละทึกแบบอินดี้ ผมขอแนะนำ ฉายแล้วทาง Netflix

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix          

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms


รีวิวซีรี่ส์ October Faction ครอบครัวล่าอสูร Netflix

ซีรี่ส์พล็อตเรื่องน่าสนใจ ดัดแปลงมาจากคอมมิค กับจักรวาลโลกปีศาจ [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิวซีรี่ส์ October Faction ครอบครัวล่าอสูร เนื้อเรื่องว่าด้วยครอบครัว อัลลันที่พ่อ เฟร็ด และ แม่ เดโลริส คือนักล่าปีศาจที่กำลังพยายามเกษียณตัวเองจากงานพวกนี้ เพราะว่าเขามีลูกแฝดชายหญิง เจฟฟ์ และ วิฟฟ์ ที่อยากจะให้ลูกๆ ใช้ชีวิตอย่างปกติ แต่แล้วพวกเขาก็ได้รับแจ้งข่าวการตายของคุณปู่ ซามูเอล อัลลัน จึงต้องกลับมารวมตัวกันที่บ้านของคุณปู่ แต่แล้วพวกเขาก็ต้องไปพัวพันเกี่ยวกับหายนะครั้งใหญ่ เกี่ยวกับการตื่นขึ้นของจอมเวทคนหนึ่ง

โดยรวมแล้วคงต้องบอกว่า October Faction ทำออกมาได้ดีตามมาตรฐานของ Netflix เพราะสามารถสร้างพล๊อตที่น่าสนใจ เห็นได้จากการสร้างจักรวาลว่าโลกของเรามีเหล่าปีศาจมาแฝงตัวอยู่กับมนุษย์ และมีองค์กรเพรซิดิโอ ที่คอยกำกับ และกำจัดเหล่าปีศาจที่คอยออกมาเพ่นพ่าน ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนองค์กรชายชุดดำใน MIB หน่อยๆ

อีกทั้งยังมีการปูเรื่องว่า เฟร็ด และเดโลริส คือนักปราบปีศาจระดับมือพระกาฬ ที่วันๆทำตัวเป็นมนุษย์ลุง กับป้า ที่มีปมปัญหาครอบครัว เพราะลูกๆของเขาต้องย้ายที่เรียนไปเรื่อยๆ เพื่อให้พวกเขาได้ปราบปีศาจ ซ้ำร้ายคือลูกแฝดของพวกเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าพ่อแม่ของเขาแท้จริงแล้วทำอาชีพอะไร จะเห็นได้ว่าพล๊อตเรื่องมันน่าดู และดูน่าติดตามเอามากๆ ประกอบกับวิธีการเล่าเรื่องที่ตัดสลับ ปัจจุบัน และอดีตไปเรื่อยๆ ซึ่งคาดหวังว่าเราจะรู้ที่มาของความเก่งกาจของผัวเมียคู่นี้

การเล่าเรื่องเหมือนแยกออกเป็น2ส่วน คือส่วนของพ่อแม่ และส่วนของลูกแฝด โดยในส่วนของ เฟร็ด และเดโลริส เราจะเห็นการตามล่า และเข้าไปพัวพันกับปีศาจต่างๆ แม้ว่าไม่ค่อยมีปีศาจออกมาให้ปราบมากเท่าไรนัก แต่ก็ทำให้เราสนุกเพลินๆไปได้ ในส่วนของลูกแฝด เราจะรู้สึกว่ามันเป็นหนังแนว High School ที่เด็กทั้งสองคนพยายามปรับตัวให้เข้ากับสังคมให้ได้ และพยายามจัดการกับพลังของตัวเองที่กำลังจะตื่นขึ้น โดย วิฟฟ์ สามารถมองเห็นอนาคตได้ และ เจฟฟ์ สามารถมองเห็นวิญญาณได้

อีกจุดหนึง October Faction คือการพยายามยัด ตัวละครที่เป็นแอฟริกัน อเมริกันเข้ามา ทั้งๆที่ต้นฉบับในคอมมิคไม่มีตัวละครดังกล่าวอยู่ด้วยซ้ำ [ อาจเพิ่มความแปลกใหม่ ] และการปรับตัวละครดังกล่าวนั้นทำให้หนังดูครบรส ดูมีมิติขึ้น บางทีน่าจะมีการเล่าเรื่องของการตามล่าปีศาจ การทำสงครามระหว่างกลุ่มมนุษย์ และจอมเวทย์ที่ตื่นขึ้น น่าจะออกมาสนุกมากๆ แต่ไม่แน่หนังแนวนี้ อาจจะเป็นแนวที่คุณกำลังตามหาอยู่ก็ได้ ใครที่สนใจอยากดูติดตาม รับชมครอบครัวล่าอสูรได้ทาง Netflix 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : รีวิว Netflix          

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ Blusterfilms