รีวิว หนัง The 8th Night คืนที่ 8

รีวิว หนัง The 8th Night คืนที่ 8 เมื่อปีศาจร้าย ต้องการจะเชื่อมนรกเข้ากับโลกมนุษย์ ความสยองจังบังเกิด [ ไม่สปอยนะครับ ]

รีวิว หนัง The 8th Night คืนที่ 8 หนังแนวระทึกขวัญจากประเทศเกาหลีใต้ โดยเป็นเรื่องราวของนักบวชรูปหนึ่งกับการไล่ล่าวิญญาณอายุนับพันปีที่เข้าสิงมนุษย์ ด้วยลูกประคำและขวานศักดิ์สิทธิ์ เพื่อหยุดยั้งการฟื้นคืนชีพของเหล่าวิญญาณร้ายที่ถูกปลดปล่อยออกจากตราผนึกนานนับ 2,500 ปี กับสัญลักษณ์เลข 8 ที่สื่อถึงการกลับชาติมาเกิดและความเป็นนิรันดร์

หนังทำออกมาได้ดีมาก[ดีกว่าหนังหลายๆเรื่องแถวนี้] ทั้งภาพ มุมกล้อง เทคนิคการถ่ายทำและการแสดงที่ดี อย่างที่เคยเห็นในหนังเรื่องอื่นๆ โดยเฉพาะในฉากที่เด็กนักเรียนสาวที่ถูกปีศาจสิง ที่ทำออกมาได้ดีจริงๆและประทับใจอย่างมาก และก็เป็นฉากนี้ฉากเดียวทีแอดดูแล้วรู้สึกสยอง และติดตามาเลยละ

[นางยิ้มได้สยองมากๆ ปรื๋อๆ] แต่อีกอย่าง ถึงแม้ว่าจะมีการพูดว่าเป็นหนังสยองขวัญ แต่จริงๆแล้ว หนังเรื่องนี้ทำออกมาไม่ได้น่ากลัวสักเท่าไหร่ [ออกไปทางระทึกขวัญมากกว่า] ดังนั้น ถ้าหากใครที่คิดว่าดูแล้วจะต้องกรี๊ดๆๆ ต้องบอกไว้เลยว่าไม่แน้นอน แต่หนังก็ทำออกมาให้เราได้ลุ้นระทึก และก็คิดตามไปด้วยว่าจะปราบปีศาจร้ายยังใง [ทั้งๆที่เราก็เดาได้ว่าตอนจบจะเป็นแบบใหน]

ด้านนักแสดงได้ อีอึล รับบท ฮาจอง นักบวชผู้พิทักษ์สุสานที่พบว่ามีวิญาณหลุดรอดออกไป จึงได้ขอให้ นัมดารึม รับบท ชุงซอก นักบวชหนุ่มออกตามหา อีซองมิน รับบท พัคจินซู ชายที่เกิดมาเพื่อหยุดยั้งวิญญาณเหล่านี้จากการทำลายล้างโลก และกำกับโดย คิมแทฮยอง

ถือว่าเป็นหนังเกาหลีอีกเรื่องที่คุ้มค่าเวลาดู เอาเป็นว่าใครที่เป็นแฟน หนังเกาหลี แนวระทึกขวัญ สยองขวัญ และที่เบื่อๆกับโควิดกับการกักตัวอยู่บ้าน [แอดนี้โคตรเบื่อมากๆ] อยากหาหนังดีๆดู แอดแนะนำเลยเรื่องนี้ แล้วคุณจะได้เห็นยิ้มสยอง ของน้องนักเรียนสาว ปรื๋อๆๆๆ ดูได้แล้วบน NETFLIX นะจ๊ะ

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว NETFLIX

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง Super me ยอดมนุษย์สุดโต่ง

รีวิว หนัง Super me ยอดมนุษย์สุดโต่ง ใครที่เบื่อๆกับการกักตัว อยู่บ้านช่วงโควิดแอดแนะนำ หนังไต้หวันแนว โรแมนติก แอ็คชั่น แฟนตาซี เรื่องนี้ของNetflix [ สปอยนิดๆ ]

รีวิว หนัง Super me ยอดมนุษย์สุดโต่ง ซางหยู นักเขียนบทภาพยนตร์ที่มีชีวิตตกต่ำ อันเนื่องมาจากที่เขาต้องเผชิญความผิดปกติไม่สามารถนอนหลับได้ ทุกครั้งที่หลับ จะฝันร้าย ว่ามีปีศาจความฝันไล่ฆ่าทุกครั้ง มันเหมือนจริง และมันก็ยังเจ็บจริง แล้วมันก็หนักหน่วงถึงขั้นที่ว่า แม้ว่าในเวลายามตื่น ก็ไม่สามารถแยกความจริงกับจินตนาการได้แล้ว ไม่ว่าจะไปพบจิตแพทย์คนไหนก็ตามก็ไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้ ซางหยูเขียนบทไม่ได้ ถูกไล่ออกจากห้องเช่า ไม่มีเงินกินข้าว และจนตรอก

จนสุดท้ายก็คิดจะฆ่าตัวตาย แต่ชายแก่ขายอาหารก็มาช่วยเขาไว้ แล้วพูดให้เขาเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับความฝันร้าย เพราะต่อให้คนเราฝันว่าตายสักกี่ครั้งสุดท้ายก็ตื่นขึ้นมาอยู่ดี [ประมาณว่าตูฝันไปนี้หว่า]เมื่อซางหยูปรับเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับความฝันร้ายของตัวเองได้ เขาก็สามารถหยิบบางสิ่งบางอย่างจากความฝัน ออกมาในโลกของความเป็นจริงได้ ซางหยูนำไปขายได้เงินมหาศาล เป็นมหาเศรษฐีที่ไม่อาจคำนาณทรัพทย์สินได้ ซึ่งเรื่องราวของซางหยูจะเป็นยังไงต่อไปต้องไปติดตามชมกันได้ที่ Netflix

ฉากแอ็กชั่นทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ดูแล้วลุ้นตามเลยละแต่ลุ้นได้ไม่นานเพราะมันค่อนข้างสั้น [เพราะมันอยู่ในฝันและพระเอกมักจะตื่นพอดี] ส่วนเคมีกับฮวาเอ๋อร์ [นำแสดงโดย เจียซ่ง] ถือว่าใช้ได้และสร้างสีสันให้กับหนังได้ ไม่ได้หวานอะไรมาก พอดูแล้วนารักดี CG ดูดีและสมจริงอยู่ [ตามสไตล์พี่จีน] ฉากทำออกมาได้สวย และมีความเป็นแฟนตาซีอยู่ด้วย เอฟเฟกต์ถือว่าผ่านครับ ส่วนตัวปีศาจก็ทำออกมาได้ดูน่ากลัว และสมบัติดูล้ำค้าเหมือนจริง ทำให้คุณภาพของหนังออกมาดีจริงๆ และก็ทำให้หนังได้เปิดตัวฉายในปี 2019 ในงาน PARIS INTERNATIONAL FANTASTIC FILM FESTIVAL ครั้งที่ 9 อีกด้วย

ยอดมนุษย์สุดโต่ง Super Me นำแสดงโดยนักแสดสุดหล่อสุดฮอตของไต้หวัน หวังต้าลู่ พระเอกจากซีรีส์จีนยอดนิยม [หมาป่าจอมราชันย์ เรื่องนี้แอคชอบมากตอนนี้ก็ติดตามทุกตอน] ที่ออกฉายเมื่อปลายปีที่แล้ว ถือว่าเป็นหนังรัก แอ็คชั่น แฟนตาซี ที่ลงตัวอีกเรื่อง กับสไตล์จีน คนดูน่าจะเพลิดเพลินไปกับเรื่องนี้สบาย แนะนำเลยครับกับช่วงที่ต้องอยู่บ้าน กักตัวและเบื่อกับโควิด หนังครบรสดูสนุก รับชมได้แล้วทาง Netflix

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว NETFLIX

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง WE CAN BE HEROES รวมพลังเด็กพันธุ์แกร่ง

รีวิว หนัง WE CAN BE HEROES รวมพลังเด็กพันธุ์แกร่ง ใครเป็นแฟนหนังสายลับวัยทีน ต้องเรื่องนี้ การมีพลังเหนือมนุษย์และมีความพิเศษที่แตกต่างกัน เมื่อได้มารวมอยู่ด้วยกันแล้วใครจะต้านทานพวกเขาได้  เป็นหนังทุนสร้างที่สูงอีกเรื่อง [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว หนัง WE CAN BE HEROES รวมพลังเด็กพันธุ์แกร่ง ถ้าพูดถึงหนังแนวซูเปอร์ฮีโร่ ใครๆก็คงนึกถึงหนังในจักรวาลของ2ค่ายใหญ่อย่าง Marvel Studio และ DC ที่ครองใจผู้ชมทั่วโลกมาหลายสิบปีแล้ว ก็ไม่แปลกเพราะหนังของ2ค่ายนี้ ถือว่าทำออกมาอย่างต่อเนื่องให้ผู้คนคอยติดตามอยู่ตลอด แถมเนื้อเรื่องก็เกี่ยวข้องจนต้องรอดูต่อ ฮีโร่แต่ละคน แต่ละค่ายก็เท่ไม่แพ้กัน แต่ถ้าไม่นับหนังจาก2ค่ายนี้แล้ว เรามีหนังฮีโร่อื่นๆอีกไหม แล้วก็พบว่ามีอยู่เรื่องหนึ่งที่ชื่อเรื่องก็บอกเลยว่าเป็นหนังฮีโร่ คือเรื่อง We Can Be Heroes ตัวหนังเองดูน่าสนใจไม่น้อย

We Can Be Heroes ว่าด้วยเรื่องราวที่โลกของเรานั้นมีซุปเปอร์ฮีโร่อยู่เต็มไปหมด พวกเขาเรียกกลุ่มของตัวเอง Heroics ทำงานร่วมกันเป็นองค์กร คอยพิทักษ์ปกป้องโลกใบนี้ แต่แล้ววันหนึ่งเกิดเหตุการณ์มนุษย์ต่างดาวบุกโลก Heroics จึงรวมตัวซุปเปอร์ฮีโร่ทั้งหมดออกมาป้องกันโลกใบนี้เอาไว้ แต่เนื่องจากโลกสงบสุขมานาน เหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ก็ขาดการฝึกซ้อม แถมยังมีการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างการต่อสู้ตลอดเวลา จึงทำให้พลาดท่าเสียที ถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไป นับเป็นการพ่ายแพ้ครั้งแรกของ Heroics

ระหว่างที่เหล่าซุปเปอร์ฮีโร่กำลังสู้กับมนุษย์ต่างดาวนั้น เหล่าบรรดาลูกๆของซุปเปอร์ฮีโร่ ก็ถูกเรียกตัวมารวมกันเก็บไว้ที่ฐานใต้ดินของ Heroics เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งลูกของซุปเปอร์ฮีโร่ก็ล้วนแต่มีพลังด้วยกัน เช่นพลังตัวยึด พลังในการควบคุมน้ำ พลังในการใช้เสียง พลังในการเปลี่ยนแปลงใบหน้า ใช้พลังในการวาดรูปอนาคต เป็นต้น มีเพียง Missy Moreno ลูกสาวของผู้นำ Heroics ที่ไม่มีความสามารถพิเศษ แต่เนื่องจากเธอมีความสามารถด้านความคิด การวิเคราะห์ จึงกลายเป็นผู้นำกลุ่มเหล่าฮีโร่เด็กๆ และด้วยพลังในการวาดรูปอนาคตของเด็กคนหนึ่งนั้น ก็ทำให้เด็กๆกลุ่มนี้ต้องหลบหนีออกจากฐานใต้ดิน เพื่อไปช่วยพ่อแม่ของพวกเขา

สไตล์ของ WE CAN BE HEROES ถือเป็นการนำเสนอแบบเฉพาะตัวของผู้กำกับโรเบิร์ต รอดดิเกซ ที่เน้นการออกแบบฉากหลังให้มีลักษณะคล้ายกับตัวละครเล่นอยู่กับสวนสนุก สำหรับเด็กที่อยู่ตามในห้างสรรพสินค้า เช่น บ้านบอล รถยานอวกาศ ที่จะมีสีสันฉูดฉาดบาดตา มีลักษณะเหนือจริง ประกอบกับการที่เหล่านักแสดงต้องเล่นอยู่บนกรีนสกรีน ก็จะทำให้คนดูหนังยุคนี้มองว่ามันเป็นงาน CG ที่ดูแปลกๆ ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไปในผลงานเก่าๆ ตั้งแต่ Spy Kids ในปี 2001 ที่มีฉากหลังเป็นเช่นนี้ เราก็จะมอง We Can Be Heroes ว่ามันเป็นสไตล์เฉพาะตัวของผู้กำกับ

เรื่องงานสร้างของหนังเรื่องนี้ที่ดูเป็นหนังเด็กๆ แต่ก็สามารถสร้างโลกที่มีความเป็นสวนสนุก ยาน อาวุธ และตัวเอเลี่ยนต่างๆ มีความคล้ายของเล่น เห็นแล้วก็รู้สึกเพลินไปกับเด็กๆ และโลกในหนังพอสมควร แถมงาน CG ที่แม้จะไม่อลังการเทียบเท่าหนังจาก2ค่ายยักษ์ใหญ่ก็ตาม

ถือเป็นหนังที่ดูแล้วมีความสนุก เพลิดเพลิน เนื้อเรื่องของหนังไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใหญ่เป็นผู้นำเสมอไป เพราะเด็กๆก็เจ๋งไม่แพ้กัน ดูแล้วเหมือนเราได้ย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ที่ตอนเด็กๆ เราใฝ่ฝันอยากจะเป็นฮีโร่มีพลังวิเศษต่างๆ [ ตอนเด็กๆอยากเป็นโน้น อยากเป็นนี้ อยากนั้น พอโตได้เป็นหนี้ ]แบบนี้ ถ้าใครที่ชอบหนังแนวนี้ก็ดูได้เพลินๆ กับเหล่าเด็กพันธุ์แกร่งเหล่านี้ จะไปช่วยพ่อแม่ที่ถูกมนุษย์ต่างดาวจับไปได้หรือไม่ และจะสามารถเอาชนะกับเหล่ามนุษย์ต่างดาวที่มีจำนวนมหาศาลได้อย่างไร ติดตามรับชมได้แล้วบน Netflix

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว NETFLIX

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว ซีรี่ส์ The Protector ผู้พิทักษ์คนสุดท้าย

รีวิว ซีรี่ส์ The Protector ผู้พิทักษ์คนสุดท้าย ซีรี่ส์เเอ็คชั่น​ดรามา​เเฟนตาซี จากตุรกีของชายธรรมดา ที่ค้นพบโชคชะตาของตัวเองและกลายเป็นวีรบุรุษในแบบที่ฟ้าประทาน [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว ซีรี่ส์ The Protector ผู้พิทักษ์คนสุดท้าย ฮาคาน พยายามเปิดธุรกิจของตัวเอง เพื่อที่จะรวยล้นฟ้าและไม่ต้องการดูแลร้านขายของเก่าโบราณต่อจากพ่อ แต่ฮาคาน กลับพบว่าตัวเองเป็นผู้พิทักษ์ที่ถูกเลือก และมีชะตากรรมให้ปกป้องเมืองอิสตันบูลจากสิ่งชั่วร้าย ฮาคาน เป็นเพียงชายธรรมดาๆ ที่ห่างไกลจากคำว่าฮีโร่ เขาอาศัยอยู่ในเมืองที่มีประชากร 15 ล้านคน เป็นจุดบรรจบของวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตก แต่ในที่สุดเขาก็ได้รู้ว่าบ้านเกิดแห่งนี้กำลังตกอยู่ในอันตรายจากสิ่งชั่วร้าย และเขาได้รับหน้าที่ให้ปกป้องเมืองนี้ ที่มาแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งเขาเองก็ไม่อยากรับหน้าที่นี้ซักเท่าไหร่ แล้วฮาคานจะทำตามโชคชะตาในฐานะผู้พิทักษ์คนสุดท้ายได้หรือไม่

เรื่องนี้เป็นซีรีส์ของตุรกี แนวพระเอกมีพลังวิเศษที่ต้องกู้โลก ถึงแม้ว่าพลังวิเศษของพระเอกไม่ได้เหนือมนุษย์อะไรขนาดนั้น แต่สิ่งที่ทำให้สนุกก็คือ เรื่องราวของตัวละครแต่ละตัว ที่มาที่ไปตั้งแต่อดีต ซึ่งพอมาบรรจบกันแล้วสนุกลงตัวดี อาจจะเน้นดราม่ามากกว่าบู๊หน่อย

และสิ่งที่น่าชื่นชมคือนักเเสดงที่เลือกมาดีนะ พระเอกก็หล่อมาก นางเอกก็น่ารักมาก เเล้วก็เรื่องการเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับปูมหลังของตัวละครที่ทำได้น่าสนใจมาก เเละงานภาพวิวทิวทัศน์ของเมืองอิสตันบูลที่ชวนให้เราอยากไปที่นู่นมาก รวมเเล้วเเม้ว่าจะมีจุดที่ขัดใจอยู่ไม่น้อย แค่นิดหน่อย

ในส่วนของโทนหนัง ที่เปลี่ยนเเนวไปเรื่อยๆเลยทำให้ดูสนุก เข้มข้นเเละน่าติดตามไปจนจบ ส่วนดรามาทำออกมาได้ค่อนข้างดีและถึงอารมณ์ ดนตรีประกอบเพราะดี เเสดงความเป็นตุรกีได้ดี งานสร้างเเละการถ่ายทำก็ถ่ายได้สวยเเล้วก็ทำให้ซีรีส์นี้ทวีคูณความน่าสนใจ นักเเสดงเล่นดี [นางเอกน่ารักมากอีกแล้ว] ฉากเเอ็คชั่นมันส์ดี ชีรี่ส์มีทิ้งปมไว้รอซีซั่นต่อไป [ ซีซั่นที่2 ที่มีการยืนยันเเล้วว่ามาเเน่ ]

ซีรีส์จากNetflix ที่คล้ายหนังขุนพันธ์ของไทย แต่นี้คือฉบับตุรกี ความยาว: 40 นาทีต่อตอน [10 ตอน] ซีรีส์เเอ็คชั่นดรามาเเฟนตาซีเรื่องใหม่จากตุรกี ที่ในตอนนี้ิมีการยืนยันเรียบร้อยเเล้วว่าจะมี2 ซีซั่นครับ รับชมได้แล้ว บน Netflix พร้อมกันทั่วโลก

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว NETFLIX

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง ROURONI KENSHIN THE FINAL

รีวิว หนัง ROURONI KENSHIN THE FINAL การกลับมาของ ซามูไรพเนจร ฮิมุระ เคนชิน กับ Rouroni Kenshin The Final ซามูไรพเนจร ปัจฉิมบท [ สปอยนิดๆ ]

รีวิว หนัง ROURONI KENSHIN THE FINAL ภาค4นี้เป็นภาคสรุปของหนังทุกภาค หลังจากไตรภาคชุดแรก ซึ่งที่ใช้ชื่อภาคว่า ปัจฉิมบท FINAL CHAPTER PART I และ THE BEGINNING เพราะหนังจะมีภาคย้อนอดีตสมัยที่เคนชินยังเป็นมือพิฆาตบัตโตไซ ฉายอีกภาค เป็น PART II ก็รู้สึกแปลกใจเล็กๆว่าทำไมทำภาคบทสรุปก่อน แล้วค่อยทำภาคย้อนอดีตเป็นพาร์ทที่สอง แต่อาจคิดว่าต้องการทำตามต้นฉบับในมังงะก็เป็นได้

นอกจากนี้ ROURONI KENSHIN ยังได้รับความนิยมอย่างมาก จนถึงขั้นเป็นแฟรนไชส์หนังญี่ปุ่นแบบ LIVE ACTION เรื่องแรก ที่ได้เข้าฉายในเทศกาลหนังเซี่ยงไฮ้ที่ประเทศจีนด้วยและตอนนี้ฉายพร้อมกันทั่วโลกทาง NETFLIX แสดงนำโดย ซาโต้ ทาเครุ และ เอมิ ทาเคอิ ซึ่งหนังเข้าฉายครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อเดือนเมษายน โกยรายได้ไปมากถึง 31 ล้านเหรียญเลยทีเดียวตัวหนังกับต้นฉบับมังงะ จะอยู่ประมาณเล่มที่ 18-28 จบนี้ละครับ

สำหรับ ซามูไรพเนจรภาคที่4นี้ บทของ เอนิชิ ซึ่งเป็นบทที่มีความดราม่าที่สุดและเป็นการเฉลยปมทที่มาของรอยแผลเป็นรูปกากบาทที่แก้มของเคนชิน และบทสรุปก็เป็นการปลดล็อคความผิดบาปที่ค้างคาใจของตัวละครด้วย ฮิมุระ เคนชิน หรือ มือพิฆาตบัตโตไซ ที่เคยเป็นมือสังหารที่ร้ายกาจที่สุดในยุคปฏิรูป ได้กลายมาเป็นคนพเนจร แล้วใช้ชีวิตอยู่ที่สำนักดาบคามิยะ ร่วมกับ คามิยะ คาโอรุ หลังจากศึกในสามภาคที่ผ่านมา

เมื่อเคนชินจัดการกับชิชิโอ มาโคโตะได้แล้ว ญี่ปุ่นก็ได้กลับสู่ความสงบอีกครั้ง แต่ก็เป็นแบบนั้นได้ไม่นาน เมื่อ เอนิชิ ยูกิชิโระ น้องชายของ โทโมเอะ ยูกิชิโระ อดีตภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้วของเคนชินในสมัยที่ยังเป็นบัตโตไซ ได้วางแผนทัณฑ์มนุษย์ เพื่อแก้แค้นเคนชินที่เป็นคนทำให้พี่สาวของเขาตายไป เอนิชิยังมาพร้อมกับองค์กรมาเฟียเซี่ยงไฮ้ที่จัดเต็มทั้งกำลังคนและอาวุธปืนเพื่อถล่มเมืองและผู้คนที่เคนชินได้ปกป้องไว้

ฉากแอ็กชั่นในภาคจัดหนักจัดเต็มเลยทีเดียว เพราะตัวละครเอนิชิที่ใช้วิชาวาโตเข้ามาเป็นตัวร้ายหลักของภาค ก็ทำให้ฉากต่อสู้ดูแล้วลื่นใหลและหลากหลายยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยรวมแล้วฉากแอ็กชั่นทำออกมาได้ดีจริงๆ ใส่เข้ามาแบบไม่ต้องมีกั๊ก ทั้งฟันดาบ ยิงปืนกล ระเบิด และอื่นๆอีกเพียบ และมีเซอร์ไพรส์ด้วย [ เป็นอะไรต้องไปดูกัน ]

โดยรวมแล้วถือว่า ROURONI KENSHIN THE FINAL นี่คือบทสรุปของ ซามูไรพเนจร ที่เป็นมากกว่า LIVE ACTION แต่เป็นหนังแอ็กชั่นซามูไรแบบไฮสปีดความเร็วสูงที่ผู้ชมไม่ควรพลาดจริงๆ ต่อให้ไม่ใช่เป็นแฟนคลับของซามูไรพเนจรก็ตาม และก็ถือได้ว่าเป็นหนัง LIVE ACTION ที่ดีที่สุดตลอดกาลเลยก็ว่าได้สำหรับแฟนไชส์หนังชุดนี้รวมกันทุกภาค ซึ่งหนังภาคบทสรุปนี้สามารถรับชมได้เลยใน NETFLIX

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว อนิเมะ WISH DRAGON มังกรอธิษฐาน

รีวิว อนิเมะ WISH DRAGON มังกรอธิษฐาน อนิเมชั่นของจีน ที่จะพาคุณไปสัมผัสความยิ่งใหญ่ของกับคู่หูต่างวัย ของมังกรหลงจู พร้อมกับพรสามประการ ถ้าขอพรได้สามข้อ คุณจะขออะไร [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว อนิเมะ WISH DRAGON มังกรอธิษฐาน เรื่องราวของ ดิ่น นักศึกษาหนุ่มวิทยาลัยวัย 19 ปี ที่อาศัยอยู่ในย่านเซี่ยงไฮ้ในยุคปัจจุบัน ผู้มีความฝันอันยิ่งใหญ่ ชีวิตของ ดิ่น เปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืนเมื่อเขาพบกาน้ำชาเก่าที่มีมังกรแห่งความปรารถนา มังกรตัวสีชมพู ซึ่งเป็นมังกรวิเศษที่สามารถบันดาลคำอธิษฐานให้เป็นจริงได้ และเขาได้มีโอกาสกลับไปเจอที่เขาแอบชอบในวัยเด็กอีกครั้ง

อนิเมะ ได้รับแรงบันดาลใจมากจากเรื่อง ALADDIN และก็ได้เปลี่ยนตัวละครจากยักษ์จินนี่ เป็น มังกร เปลี่ยนอลาดินเป็น ดิ่น หนุ่มตี๋ และเปลี่ยนพล็อตเรื่องให้มาอยู่ในเซี่ยงไฮ้ยุคปัจจุบันนั้นเอง

อนิเมะเรื่องนี้ได้มีการสะท้อนสังคมปัจจุบันได้หลากหลายมุม อย่างเช่นครอบครัวไม่มีเวลา ปัญหารถติด เพื่อนข้างบ้านชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน[รู้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องตัวเอง] ความเข้มงวดกับลูกและยัดเยียดในสิ่งที่เขาไม่อยากเป็น หรือการยุ่งกับงานมากเกินไปจนไม่มีเวลาให้ครอบครัว แต่ต้องขอบอกว่าเลยว่าเรื่องนี้ไม่ได้ทำออกมาดราม่าเลย เพราะความสนุกของอนิเมะทำออกมาครบรสมากทั้ง สนุก ตลก มิตรภาพ ความรัก ดราม่านิดๆ ครอบครัว ต่อสู้ เวทมนตร์และอื่นๆ อีกมากมายถือว่าครบรสจริงๆ

WISH DRAGON มังกรอธิษฐาน เป็นผลงานภาพยนตร์อนิเมชั่นจากโซนี่ กำกับและเขียนบทโดย คริส แอปเพลฮันส์ ผู้กำกับหน้าใหม่ที่นั่งแท่นกำกับอนิเมชั่นเรื่องยาวเป็นครั้งแรก หลังจากทำงานในส่วนสาขาของอนิเมชั่นดังหลายเรื่อง โดยมี แจ็คกี้ ชาน หรือที่คนไทยรู้จักในนาม เฉินหลง นั่งแท่นเป็นโปรดิวเซอร์ และสตูดิโอจากประเทศไทยร่วมสร้างด้วย [ โอ้โห้ ]

ก็ถือว่าเป็นอนิเมะที่ดูได้เพลินๆกับช่วงนี้ การนำเสนอแบบเข้าใจง่าย ตัวอนิเมะก็มีตัวละครที่เคมีเข้ากัน เพลงประกอบก็ลงตัว ทำให้เห็นถึงวัฒนธรรมของจีนได้อย่างดี งานภาพก็สุดน่ารักสีสันสดใสเสียงพากย์ไทยยอดเยี่ยมจริงๆ ติดตามรับชมได้แล้วบน NETFLIX

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว อนิเมะ

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง News Of The World

รีวิว หนัง News Of The World ทอม แฮงค์ กับบทตะลุยตะวันตก นักเล่าเรื่องที่พาเด็กกลับบ้าน [ สปอยนิดๆ ]

รีวิว หนัง News Of The World ทอม แฮงค์ส ในบทผู้กองเจฟเฟอร์สัน คายล์ คิดด์ เรื่องราวของอดีตนายทหารผ่านศึกของสหรัฐในยุคหลังสงครามเหนือใต้ ต้องกลายมาเป็น นักเล่าเรื่อง ได้มาช่วยพา โจฮานนา เด็กหญิงชาวเยอรมันคนหนึ่ง ที่พ่อแม่เสียชีวิตจากการถูกอินเดียนแดงชนพื้นเมือง เข้าโจมตีและเธอก็ถูกอินเดียนแดงเก็บไปเลี้ยงดู แล้วเติบโตอยู่ในเผ่าไคโอวาของพวกอินเดียนแดง เขาจึงพาเธอร่วมเดินทางไปด้วย เพื่อพาไปหาญาติที่อาจจะยังมีชีวิตเหลืออยู่

NEWS OF THE WORLD ถือว่าเป็นผลงานระดับกลางๆของ ทอม แฮงค์ส แต่ถ้าหากตัดมาตรฐานของแฮงค์สออกไป นี่คือหนังคุณภาพอีกเรื่องหนึ่งเลยนะ พล็อตเรื่องเป็นแนว ROAD TRIP ในแดนตะวันตก ผสมผสานบรรยากาศของหนังคาวบอยยุคเก่า บวกกับการสำรวจและค้นหาตัวตนของตัวละครในสไตล์หนังดราม่ายุคใหม่

ที่สำคัญ คือมันไม่ใช่หนังคาวบอยธรรมดา แต่มีการสอดแทรกประวัติศาสตร์ การวิพากษ์สังคมสหรัฐ ไปจนถึงการนำเสนอมุมมองของผู้คนที่ดูเหมือนถูกหลงลืมไป และไม่ค่อยได้ถูกนำมาบอกเล่าเท่าไรนักในหนังคาวบอยตะวันตก โดยเฉพาะการเลือกช่วงหลังสงครามเหนือใต้จบลงไม่นาน แล้วมาเน้นเล่าเรื่องของชีวิตและสังคมของคนฝ่ายใต้ ซึ่งเป็นผู้แพ้สงคราม เป็นการเล่าในมุมที่ค่อนข้างสดใหม่พอสมควร สำหรับหนังคาวบอยยุคนี้

จุดเด่นของหนังคือ เคมีการแสดงระหว่าง ทอม แฮงค์ส และ เฮเลน่า เซนเกล ที่มารับบทเป็นเด็กหญิง โจฮานนา ถือว่าเป็นจุดแข็งมากที่สุดของหนัง เราต้องชมแฮงค์ส ที่แกเล่นเข้าบทกับใครก็ดูเหมือนจะสามารถช่วยดันการแสดงของอีกฝ่ายให้ดูเด่นขึ้นมาได้ ซึ่งสาวน้อยเซนเกล มีการแสดงที่ดูสะดุดสายตามากขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากนี้หนังยังมีความแปลกใหม่ในแง่ของอาชีพของตัวเอกอย่างคิดส์ ที่ทำงานเป็นนักเล่าเรื่อง ก็ประมาณวณิพกพเนจรนี้ละ ที่หารายได้ด้วยการเล่าเรื่อง เล่านิทาน และอ่านหนังสือให้ผู้คนได้ฟัง [ เป็นอาชีพหนึ่งที่มีอยู่จริงในยุคสมัยนั้น ] ที่คนอ่านออกเขียนได้ยังไม่ค่อยมีในยุคนั้น เพื่อความบันเทิงที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจให้ผู้คนในยุคสมัยที่ยากลำบาก นี้ซึ่งการฟังเรื่องราวชวนหัว เรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจ ก็เป็นความบันเทิงแบบหนึ่ง ซึ่งตัวหนังเน้นจุดนี้ได้ดีมาก และก็จบเรื่องราวในจุดนี้ได้ดีด้วย

โดยรวมตัวหนังทำออกมาได้น่าประทับใจในหลายๆเรื่องทั้ง นักแสดงดี งานภาพสวย และ จังหวะของหนังดี ทำให้ภาพรวมนั้นออกมาน่าติดตามอย่างไม่น่าเบื่อ อีกทั้งยังเดินเรื่องแบบง่ายๆแต่ก็มีหลายๆส่วนที่ทำให้ลุ้นไปกับตัวหนังได้ดี หรือแม้จะเป็นการเห็นตัวละครที่พัฒนาขึ้น เป็นหนังที่ใช้นักแสดงหลักน้อยมาก แต่สื่อสารออกมาได้ดีและไม่ผิดหวัง แนะนำให้ดูกันครับ ดูได้แล้ว บน NETFLIX

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว NETFLIX

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง Thunder Force ขบวนการฮีโร่ฟาดฟ้า

รีวิว หนัง Thunder Force ขบวนการฮีโร่ฟาดฟ้า หนังตลกแอ็กชั่นซุปเปอร์ฮีโร่ เบาสมองแนวหญิงแกร่ง แรงเต็ม100 กับมุกตลก โปกฮา โอ้ลั่นล้า [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว หนัง Thunder Force ขบวนการฮีโร่ฟาดฟ้า ในโลกที่เกิดบรรดาผู้มีพลังพิเศษที่เรียกว่า เครียมส์ ซึ่งมาจากผู้มีแนวโน้มในการก่อเหตุร้าย ทำให้โลกกลายเป็นสังคมที่เกิดเหล่าวายร้ายที่มีพลังพิเศษ มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งคือ เอมิลี่ ที่สูญเสียพ่อและแม่ที่เป็นนักวิจัยไปเพราะพวกเครียมส์ เธอจึงมุ่งมั่นตั้งใจเรียนเพื่อจะโตมาเป็นนักวิจัยแล้วค้นหาวิธีทำให้มนุษย์ธรรมดามีพลังพิเศษแล้วต่อสู้กับวายร้ายได้ ซึ่งในวัยเด็กเธอได้พบกับ ลิเดีย เด็กหญิงสุดห้าวที่กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน

ถึงแม้เอมิลี่จะสนิทกับลิเดียแค่ไหน แต่วันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งสองต้องบาดหมางใจกัน และไม่ได้ติดต่อกันเกือบยี่สิบปี จนกระทั่งเมื่อทั้งสองเข้าสู่ช่วงชีวิตวัยกลางคน ลิเดียพยายามหาทางติดต่อเอมิลี่เพื่อให้กลับมาร่วมงานเลี้ยงรุ่น และเธอก็ได้พบความจริงว่าเอมิลี่นั้นกลายเป็นนักวิจัยที่มีบริษัทใหญ่โตและร่ำรวยราวกับโทนี่ สตาร์คโอ้วๆ ซึ่งเธอกำลังค้นคว้าวิธีการทดลองเปลี่ยนแปลงระบบพันธุกรรม แต่ด้วยความซุ่มซ่ามของลิเดียทำให้เธอถูกฉีดสารเคมีและทำให้ตัวเองมีพลังพิเศษขึ้นมาแบบไม่ได้ตั้งใจ [ นั้นใง ]

ระหว่างที่ลิเดียกำลังรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายนั้น และเธอก็พบว่าตัวเองหลงใหลกับการกิน ไก่ดิบๆ [ เหมือนยายยิบเลย ]พร้อมๆกับพละกำลังที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ส่วนเอมิลี่เอง ก็ปรับสมดุลร่างกายของตนเองจนพบว่ามีพลังวิเศษในการล่องหน [ โอ้วงานนี้มันแน้ๆ ] ทั้งสองจึงร่วมมือกันเพื่อออกปราบเครียมส์และฟื้นฟูความสัมพันธ์อันก่อเกิดเป็นมิตรภาพอีกครั้ง

เรื่องนี้เป็นหนังตลกแนวแอ็กชั่นแนวเบาสมอง ย่อยง่ายตามสูตรสำเร็จ เพราะเรื่องนี้เป็นผลงานของผู้กำกับ Ben Falcone และภรรยาของเขาคือ Melissa McCarthy ซึ่งเป็นนักแสดงตลกหญิงร่างอวบ มารับบทแสดงนำในเรื่องนี้ด้วย ส่วนตัวหนังก็จะมาในแนวมุกตลกสัปดน เพียงแต่อยู่ในขอบเขต [ แต่เกือบจะ18+ละ แต่ก็ยังไปไม่ถึง ] มาบวกกับมุกตลกเฉพาะตัวที่มาในสไตล์ดาราตลกหญิงที่ความสามารถเฉพาะตัวมาก คือถ้าคนเส้นตื้นก็จะฮาหลายฉาก แต่ถ้าไม่ก็จะแป้กกันสุดๆ ไปเลยเหมือนกันครับ

แต่เผอิญว่านี่เป็นหนังตลกแอ็กชั่น แม้ว่าพาร์ทดราม่ามิตรภาพจะทำได้ดีในระดับหนึ่ง แต่เนื้อหาหลักของเรื่องก็อยู่ที่เรื่องราวแบบซุปเปอร์ฮีโร่ และฉากแอ็กชั่นคอเมดี้ ซึ่งแม้ว่าจะทำออกมาได้ดีอยู่บ้างในบางในหลายๆฉาก แต่ในภาพรวมของหนังก็เต็มไปด้วยความสนุกอะนะ การเดินเรื่องแบบตามสูตร ช่วงที่หนังเข้าสู่ช่วงการต่อสู้ ทีนี้ละมันเลย

อีกอย่างการที่ตัวหนังใช้ดาราหญิงตลกร่างอวบ มารับบทนำ และใช้ดาราหญิงผิวสีร่างอวบอีกคนมารับบทตัวรอง ก็อาจจะทำให้คนดูผู้ชายหลายคนไม่ค่อยอยากจะดูมากนัก [ ย้ำนะแค่บางคน ] แต่นะถ้าเป็นผู้ชมที่เป็นผู้หญิง อาจจะรู้สึกอินกับเรื่องราวมิตรภาพของสองตัวละครในช่วงแรกจนสามารถตามดูต่อไปได้ครับ

ส่วนบอสใหญ่ของเรื่อง The King ที่ใช้พลังแบบเดียวกับนางเอก แต่ที่เซอร์ไพร์สคือ นี่เป็นบอสที่ดันมาปล่อยมุกตลกร่วมกับ Jason Bateman ซึ่งถือว่าเป็นผู้ใช้พลังพิเศษที่สุดพิสดารคือมือก้ามปู แล้วไอ้การรับส่งมุก [ ตะลึ้งตึ่งโปะ ]ของทั้งสองคนนี้กลับทำได้ดีซะยิ่งกว่าการเป็นบอสที่โชว์พลังอะไรมากมายอีกด้วย เรียกว่ามุกตลกฝั่งตัวร้ายคือจุดข่ยเลยละ เพราะทำได้กว่าที่คิดอีก ซึ่งเป็นตลกเฉพาะตัวแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นใครทำเท่าไหร่ [ เหมือนดู หม่ำ เท่ง โหน่ง เลย ] และในขณะที่ฉากแอ็กชั่น ก็ถือว่าCGทำออกมาได้ดีในระดับหนึ่ง ไม่ได้เด่นแต่ก็ไม่ได้แย่ และฉากบู๊ในช่วงท้ายก็ทำได้ดีมากๆ ช่วงนี้ใครที่เบื่อๆกับโควิดละก็ดูได้นะครับ รับชมได้แล้ว บน Netflix 

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว ซีรีส์ Haunted: Latin America

รีวิว ซีรีส์ Haunted: Latin America เรื่องผีจากทางบ้านที่หลอนแบบเฟคๆ ซีรีส์เรียลลิติ้ที่ชวนคุณมาร่วมสัมผัสเรื่องราวสุดสยองเหนือธรรมชาติ ที่อธิบายไม่ได้จากประสบการณ์ของผู้คนมากหน้าหลายตา ผ่านการจำลองเหตุการณ์ที่หน้าขนลุก [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว ซีรีส์ Haunted: Latin America หลอน ลาตินอเมริกา ซีรีส์ที่ยืมชื่อหนังผีแนวทางของอเมริกามาใช้ แต่เป็นเรื่องที่เกิดในเม็กซิโกกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา ที่มีสไตล์เรื่องผีบางอย่างแตกต่างจากพวกบ้านผีหลอกของอเมริกาอยู่บ้าง

โครงเรื่องนี้เป็นหนังแนวจำลองเรื่องจริงจากคำบอกเล่าของผู้คนที่ผ่านประสบการณ์ถูกผีหลอกหลากหลายแบบ ซึ่งต้องเข้าใจก่อนว่าเรื่องจริงที่ซีรีส์ชุดนี้เอ่ยถึงไว้ในทุกตอน มันคือเรื่องเล่าแบบพวกรายการผี เดอะช็อคของไทยทำนองนั้น คือจริงไม่จริงไม่รู้ แต่คนมาเล่าว่าตัวเองเจอมาจริงๆ แล้วตัวเรื่องทำแบบคล้ายๆ รายการเกมโชว์ด้วยการตั้งวงพูดคุยประสบการณ์เรื่องผีในบ้าน มีกล้องถ่ายสีหน้าท่าทางตอนเล่าให้ดูจริงจัง พร้อมกับตัดสลับไปใช้นักแสดงจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามคนเล่าเป็นช่วงๆ จบในตอน มีทั้งหมด 5 ตอน ความยาวไม่เท่ากัน ตอนแรกจะยาวสุด 47 นาที ตอนอื่นๆ จะราวๆ ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งก็คล้ายๆ เรานั่งฟังเรื่องผีไปเรื่อยๆ นี่แหละครับ

ผีในเรื่องตอนแรกที่ยาวสุดก็เป็นเรื่องปรากฎการณ์ผีหลอกในบ้าน แล้วก็ตามมาสิงสู่แม้ย้ายไปที่อื่น ตอนสองก็เป็นเรื่องตุ๊กตาผีที่ตามรังควานคนในบ้าน ซึ่งรวมๆ แล้วก็คล้ายๆ หนังผีฝรั่งตระกูลคอนเจอริ่งนั่นเลยครับ พอมาตอน 3 4 5 ถึงเป็นเรื่องราวสไตล์ผีแปลกๆ แตกต่างหน่อย อย่างผีเคาะประตู ผีคุ้มครองคน ตอนสุดท้ายเป็นผีหมาจากนรก ซึ่งรวมๆ แล้วก็พอดูได้ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ เพราะสไตล์ผีหลอกในเรื่องใช้ดนตรีบิ้วเอาตลอด ผีก็โผล่แบบชัดเกินจริงมากไป แบบเป็นควันรวมตัวเดินมาทำร้ายคนอะไรแบบนี้

ซึ่งพอเรื่องอ้างอิงว่าเรื่องจริง แต่ผีในเรื่องนี่แทบจะเป็นร่างเนื้อมาเลย มันเลยดูเป็นเฟคไม่สมจริงเกินไป แทนที่จะคลุมเครือลึกลับ แต่ไม่เลยทุกเรื่องคือเปิดมาผีก็อยู่ๆ พุ่งมาทำร้ายคนทันที แถมยังไม่ค่อยมีเหตุผลอะไรในเรื่องให้เข้าใจได้มากด้วย ส่วนใหญ่ก็มักตัดจบแบบห้วนๆ ไม่มีไล่ผีไปได้หรือแฮปปี้เอนดิ้งอะไรทั้งนั้น แต่ถ้าคนขวัญอ่อนหน่อยมาดูก็คงตกใจใช้ได้อยู่ เพราะจริงๆแล้วเรื่องมันก็ออกแนวเฟคแต่งมาให้คนกลัวโดยตรง เหมือนพวกรายการเรื่องผีจากทางบ้านนั่นแหละครับ

แต่สิ่งที่เฟคกว่าแบบชัดๆ คือส่วนของคนที่มาเล่าเรื่องจริง ดูยังไงก็เป็นการจัดฉากชัดๆ แถมตัวละครที่มาร่วมวงกันเล่าในแต่ละตอนก็มีความสัมพันธ์กัน แบบคู่รัก แม่กับลูกๆ แล้วก็มาเล่าเรื่องในอดีตเพื่อทำความเข้าใจกัน แต่สีหน้าท่าทาง และหลายๆอย่าง มันดูไม่เหมือนคนในครอบครัวเดียวกันเลย แถมยังพยายามแสดงอารมณ์เกินจริงแบบมีเหงื่อตก มีความกลัวตอนได้ฟังเรื่องเล่าจากอีกคน ซึ่งมันดูเป็นการแสดงแบบเฟคชัดๆ จนดูขัดใจ เรียกว่าจริงๆ ทำเฉพาะส่วนของหนังไปเลยแล้วใช้เสียงเล่าแทรกล้วนๆ อาจจะดีกว่าเยอะ

พวกเอฟเฟ็กต์ผีในเรื่องใช้การแต่งหน้าแต่งตัวเป็นผีมากกว่า หลายอย่างดูแล้วรู้เลยว่าทุนต่ำ มีการใช้มุมกล้องหรือเทคนิคหนังผีบ้านๆ แบบเชือกดึงของให้หล่น หรือสลิงยกตัวให้ลอย ซึ่งก็เข้าใจได้เพราะตัวเรื่องจริงๆ แค่เหมือนรายการเรื่องผี แต่ใส่หนังประกอบเรื่องเล่ามาผสมไว้เท่านั้น

สรุปเลยคือถ้าเป็นพวกชอบเรื่องผี ชอบแนวรายการเรื่องผีจากทางบ้าน ก็ดูได้ มีความสยองชวนขนลุกได้พอสมควร บทพยายามใส่ฉากสยองขวัญมาตลอดเวลา แต่ถ้าคนชอบแนวสมจริงในหลายๆ อย่างแบบหนังผีดีๆ คงต้องผ่านเรื่องนี้ไป เพราะหลายๆ อย่างทั้งนักแสดงและบทชวนให้รู้สึกว่ากำลังนั่งดูเรื่องเฟคอยู่ตลอดเวลา จนรู้สึกตลกหรือหงุดหงิดกับเรื่องนี้มากกว่าจะสนุกหรือสยองขวัญอย่างที่ควรจะเป็นครับ ดูได้แล้วครับบน  Netflix

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว ซีรี่ส์ไทย Let’s Fight Ghost คู่ไฟท์ไฝว์ผี

รีวิว ซีรี่ส์ไทย Let’s Fight Ghost คู่ไฟท์ไฝว์ผี ที่แฟนๆของ เซ้นต์ ศุภพงษ์ กับ อร BNK48 ห้ามพลาดเด็ดขาด  [ สปอยนิดๆ ]

รีวิว ซีรี่ส์ไทย Let’s Fight Ghost คู่ไฟท์ไฝว์ผี รื่องนี้ยังไงต้องปังแน่นอนเพราะว่าตอนเป็นเวอร์ชั่นเกาหลีเมื่อปี 2016 ได้ Taecyeon และ Kim So Hyun มารับบทนำก็ปังมากๆ เรียกว่าเป็นหนึ่งใน Top 3 ซีรีส์เกาหลีแนวผีโรแมนติกคอมมาดี้ในใจแอดเลยแหละ

อ๊อฟ – อิศวะ (ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา) นักศึกษาแพทย์ผู้มีความสามารถในการมองเห็นผี และสามารถแตะต้องผีได้ อ๊อฟจึงรับจ้างปราบผีเพื่อเก็บรวบรวมเงินสำหรับการผ่าตัดดวงตาให้ไม่ต้องมองเห็นผีอีก แล้ววันหนึ่งอ๊อฟก็ได้รับการว่าจ้างจากจีนส์ – จิดาภา (พัศชนันท์ เจียจิรโชติ) ผีสาวความจำเสื่อมให้ช่วยมาปราบผีอีกตัว แต่อ๊อฟเข้าใจผิดคิดว่าเป็นตัวจีนส์เอง ทำให้ทั้งสองต่อสู้กันจนเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้จีนส์จำอดีตของตัวเองได้บ้างส่วน

และจีนส์ยังได้ใช้ความสามารถในการมองเห็นอดีตและจุดอ่อนต่างๆ ของผีในการช่วยอ๊อฟปราบผี โดยมีเล้ง (เนียร์กิจ – กรวิชญ์สูงบูลย์) กับเนียร์ (หรั่ง – อภิวิชชียร์ ดอน) สองรุ่นพี่สุดขู่ผู้คลั่งไคล้ในการล่าปีศาจเข้ามาร่วมก๊วนด้วยทำให้อ๊อฟกับจีนสนิทกันมากขึ้นจนความสัมพันธ์ก็เริ่มเปลี่ยนไป แต่อ๊อฟมีนางในฝันคือน้ำหวาน (มายด์ – วรัทยาว่องชยาภรณ์) สาวสวยรุ่นพี่ที่ผู้ชายหมายปอง

ซีรีส์ Let’s Fight Ghost เป็นเรื่องที่ดัดแปลงมาจากซีรีส์เกาหลีทำให้เราอยากรู้ว่าพอเอามาทำในแบบที่เป็นของไทยแล้ว จะเป็นยังไงซึ่งจริงๆแล้วผมว่าก็เป็นความสนุกในอีกรูปแบบหนึ่งนะในเรื่อง บทอ๊อฟเป็นนักเรียนแพทย์ที่รับจ๊อบเป็นหมอผีด้วย เพราะมีความสามารถพิเศษเป็นเหมือนพลังที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดคือการมองเห็นผี

เป็นบทที่แปลกแหวกแนวเหมือนกันเรื่องของการแสดงก็ต้องใช้ความสมารถสูงกว่าที่ผ่านมาเพราะไม่ได้เล่นกับนักแสดง แต่ต้องเล่นกับสเปเชียลเอฟเฟกต์ต่างๆ ที่ทางทีมงานเขาออกแบบมาให้ อยากให้ทุกคนได้ดูกัน และนักแสดงอีกท่านหนึ่งสำหรับน้องอร BNK ผมว่าเขาเหมาะสมกับบทจีนมากๆแล้วก็คิดว่าเป็นผีที่ทุกคนน่าจะอยากเจออยากจริงๆ ให้ทุกคนได้ติดตามชม Let’s Fight Ghost คู่ไฟไฝวผี ซีรีส์ที่มีทั้งความเชื่อและความน่ารัก มีทุกอารมณ์แน่นอน

มีสอดแทรกความเป็นไทยให้เข้ากับบริบท พระนางเคมีเข้ากันน่ารักดี มีช่วงแรกๆ ที่กัดกันจนบางทีแอบกังวลใจในความกัดกันของทั้งสองคน แต่ก็เริ่มน่ารักขึ้นมาบ้างแล้ว โดยรวมแล้วน่าติดตามดูทุกตอนเลยละ สามารถรับชมได้แล้วบนNetflix อย่าลืมติดตามกันนะครับ

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่  รีวิว ซีรี่ส์ ไทย 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms