รีวิว หนัง WE CAN BE HEROES รวมพลังเด็กพันธุ์แกร่ง

รีวิว หนัง WE CAN BE HEROES รวมพลังเด็กพันธุ์แกร่ง ใครเป็นแฟนหนังสายลับวัยทีน ต้องเรื่องนี้ การมีพลังเหนือมนุษย์และมีความพิเศษที่แตกต่างกัน เมื่อได้มารวมอยู่ด้วยกันแล้วใครจะต้านทานพวกเขาได้  เป็นหนังทุนสร้างที่สูงอีกเรื่อง [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว หนัง WE CAN BE HEROES รวมพลังเด็กพันธุ์แกร่ง ถ้าพูดถึงหนังแนวซูเปอร์ฮีโร่ ใครๆก็คงนึกถึงหนังในจักรวาลของ2ค่ายใหญ่อย่าง Marvel Studio และ DC ที่ครองใจผู้ชมทั่วโลกมาหลายสิบปีแล้ว ก็ไม่แปลกเพราะหนังของ2ค่ายนี้ ถือว่าทำออกมาอย่างต่อเนื่องให้ผู้คนคอยติดตามอยู่ตลอด แถมเนื้อเรื่องก็เกี่ยวข้องจนต้องรอดูต่อ ฮีโร่แต่ละคน แต่ละค่ายก็เท่ไม่แพ้กัน แต่ถ้าไม่นับหนังจาก2ค่ายนี้แล้ว เรามีหนังฮีโร่อื่นๆอีกไหม แล้วก็พบว่ามีอยู่เรื่องหนึ่งที่ชื่อเรื่องก็บอกเลยว่าเป็นหนังฮีโร่ คือเรื่อง We Can Be Heroes ตัวหนังเองดูน่าสนใจไม่น้อย

We Can Be Heroes ว่าด้วยเรื่องราวที่โลกของเรานั้นมีซุปเปอร์ฮีโร่อยู่เต็มไปหมด พวกเขาเรียกกลุ่มของตัวเอง Heroics ทำงานร่วมกันเป็นองค์กร คอยพิทักษ์ปกป้องโลกใบนี้ แต่แล้ววันหนึ่งเกิดเหตุการณ์มนุษย์ต่างดาวบุกโลก Heroics จึงรวมตัวซุปเปอร์ฮีโร่ทั้งหมดออกมาป้องกันโลกใบนี้เอาไว้ แต่เนื่องจากโลกสงบสุขมานาน เหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ก็ขาดการฝึกซ้อม แถมยังมีการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างการต่อสู้ตลอดเวลา จึงทำให้พลาดท่าเสียที ถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไป นับเป็นการพ่ายแพ้ครั้งแรกของ Heroics

ระหว่างที่เหล่าซุปเปอร์ฮีโร่กำลังสู้กับมนุษย์ต่างดาวนั้น เหล่าบรรดาลูกๆของซุปเปอร์ฮีโร่ ก็ถูกเรียกตัวมารวมกันเก็บไว้ที่ฐานใต้ดินของ Heroics เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งลูกของซุปเปอร์ฮีโร่ก็ล้วนแต่มีพลังด้วยกัน เช่นพลังตัวยึด พลังในการควบคุมน้ำ พลังในการใช้เสียง พลังในการเปลี่ยนแปลงใบหน้า ใช้พลังในการวาดรูปอนาคต เป็นต้น มีเพียง Missy Moreno ลูกสาวของผู้นำ Heroics ที่ไม่มีความสามารถพิเศษ แต่เนื่องจากเธอมีความสามารถด้านความคิด การวิเคราะห์ จึงกลายเป็นผู้นำกลุ่มเหล่าฮีโร่เด็กๆ และด้วยพลังในการวาดรูปอนาคตของเด็กคนหนึ่งนั้น ก็ทำให้เด็กๆกลุ่มนี้ต้องหลบหนีออกจากฐานใต้ดิน เพื่อไปช่วยพ่อแม่ของพวกเขา

สไตล์ของ WE CAN BE HEROES ถือเป็นการนำเสนอแบบเฉพาะตัวของผู้กำกับโรเบิร์ต รอดดิเกซ ที่เน้นการออกแบบฉากหลังให้มีลักษณะคล้ายกับตัวละครเล่นอยู่กับสวนสนุก สำหรับเด็กที่อยู่ตามในห้างสรรพสินค้า เช่น บ้านบอล รถยานอวกาศ ที่จะมีสีสันฉูดฉาดบาดตา มีลักษณะเหนือจริง ประกอบกับการที่เหล่านักแสดงต้องเล่นอยู่บนกรีนสกรีน ก็จะทำให้คนดูหนังยุคนี้มองว่ามันเป็นงาน CG ที่ดูแปลกๆ ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไปในผลงานเก่าๆ ตั้งแต่ Spy Kids ในปี 2001 ที่มีฉากหลังเป็นเช่นนี้ เราก็จะมอง We Can Be Heroes ว่ามันเป็นสไตล์เฉพาะตัวของผู้กำกับ

เรื่องงานสร้างของหนังเรื่องนี้ที่ดูเป็นหนังเด็กๆ แต่ก็สามารถสร้างโลกที่มีความเป็นสวนสนุก ยาน อาวุธ และตัวเอเลี่ยนต่างๆ มีความคล้ายของเล่น เห็นแล้วก็รู้สึกเพลินไปกับเด็กๆ และโลกในหนังพอสมควร แถมงาน CG ที่แม้จะไม่อลังการเทียบเท่าหนังจาก2ค่ายยักษ์ใหญ่ก็ตาม

ถือเป็นหนังที่ดูแล้วมีความสนุก เพลิดเพลิน เนื้อเรื่องของหนังไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใหญ่เป็นผู้นำเสมอไป เพราะเด็กๆก็เจ๋งไม่แพ้กัน ดูแล้วเหมือนเราได้ย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ที่ตอนเด็กๆ เราใฝ่ฝันอยากจะเป็นฮีโร่มีพลังวิเศษต่างๆ [ ตอนเด็กๆอยากเป็นโน้น อยากเป็นนี้ อยากนั้น พอโตได้เป็นหนี้ ]แบบนี้ ถ้าใครที่ชอบหนังแนวนี้ก็ดูได้เพลินๆ กับเหล่าเด็กพันธุ์แกร่งเหล่านี้ จะไปช่วยพ่อแม่ที่ถูกมนุษย์ต่างดาวจับไปได้หรือไม่ และจะสามารถเอาชนะกับเหล่ามนุษย์ต่างดาวที่มีจำนวนมหาศาลได้อย่างไร ติดตามรับชมได้แล้วบน Netflix

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว NETFLIX

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

Marvel Studios เคาะวันฉายหนังเฟส 4 ตลอดปี 2021-2023

Marvel Studios เคาะวันฉายหนังเฟส 4 ตลอดปี 2021-2023 เป็นที่ตั้งหน้าตั้งตารอสำหรับแฟนๆ ฮีโร่จากค่าย Marvel ล่าสุด Marvel Studio ได้ประกาศภาพยนตร์ทั้งหมดในเฟส 4 ที่จะฉายผ่านทั้งโรงภาพยนตร์และบริการสตรีมใหม่อย่าง Disney+ ออกมาอย่างเป็นทางการ

Marvel Studios เคาะวันฉายหนังเฟส 4 ตลอดปี 2021-2023 ล่าสุดMarvelได้ปล่อย ออฟฟิเชียลออกมา ถ้าใครได้ดูต้องขนลุกไปตามๆกัน และก็ต้องบอกบอกตัวเองหรือบอกกับแฟนๆMarvelว่าอย่าเพิ่งตายถ้ายังไม่ได้ดู อภิมหาภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จาก Marvel Studioกว่า 10 เรื่อง ที่ทางMarvel ประกาศวันฉายอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว เตรียมขยายจักรวาล Marvel ตลอดปี 2021-2023 

ภาพยนตร์มาร์เวล เฟส 4 อย่าง Black Widow ที่เจอพิษโควิด-19 เลื่อนแล้วเลื่อนอีกมาหลายรอบแล้ว และในที่สุดก็ได้วันฉายใหม่ เริ่มกรกฏาคมนี้ จะเป็นเรื่องแรกของปี 2021 ที่เราจะได้ดูกันในโรงภาพยนตร์ [ ภาวะนาขอให้โควิด19หายไปทีเถอะ สาธุ ]

นอกจากนี้ ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่เอเชียคนแรกของมาเวลอย่าง Shang-Chi และภาพยนตร์รวมเหล่าซูเปอร์ฮีโร่อมตะอย่าง Eternals และ Spider-Man 3: No Way Home ที่หลายคนรอคอย [ แอตก็รอคอยเหมือนกัน ] ก็จ่อคิวฉายในปี 2021 นี้แบบเดือนเว้นเดือนกันเลย มีภาพยนตร์เรื่องไหนที่เคาะวันฉายแล้ว มาดูกันเลย

 Black Widow : กรกฏาคม 2021

 SHANG-CHI And The Legend Of The Ten Rings : กันยายน 2021

Eternals : ตุลาคม 2021

Spider-Man 3 No Way Home : ธันวาคม 2021

Doctor Strange In The Multiverse Of Madness : มีนาคม 2022

Thor: Love And Thunder : พฤษภาคม 2022

Black Panther 2 : กรกฎาคม 2022

Captain Marvel 2 : พฤศจิกายน 2022

Ant-Man and The Wasp : Qtantumania: กุมภาพันธ์ 2023

Guardians of the Galaxy Vol. 3 : พฤษภาคม 2023 

โอ้โห้แต่ละเรื่อง สุดๆทั้งนั้น และคิดว่าแฟนมาเวลทุกคน รวมทั้งแอตด้วย แทบจะอดใจรอไม่ไหวแล้ว แอดก็อยากจะให้ทุกๆคนรักษาสุขภาพให้ดีๆกันละ และอยากบอกว่าห้ามตายเด็ดขาด

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง Monster Hunter มอนสเตอร์ ฮันเตอร์

รีวิว หนัง Monster Hunter มอนสเตอร์ ฮันเตอร์อสุรกายยักษ์ กับเหล่านักล่า ผีชีวะ ปะทะ จา พนม [ สปอยนิดๆ ]

รีวิว หนัง Monster Hunter มอนสเตอร์ ฮันเตอร์ กองทัพสหรัฐที่นำโดย กัปตันหญิง นาตาลี อาร์ทีมิส หัวหน้าทีมทหารชั้นยอดแห่งสหประชาชาติ ได้ลงพื้นที่ ไปสืบหาการหายตัวของหน่วยทหารอัลฟ่าที่หายไประหว่างการทำภารกิจ ณ ทะเลทรายแห่งหนึ่ง ทว่า ที่นั่น พวกเขากลับถูกประตูมิติแกนวาร์ปส่งเข้ามาอีกโลก ที่ซึ่งมีอสูรกายยักษ์ที่อาวุธระดับกองทัพยังไม่อาจทำอะไรได้ กองทหารถูกเล่นงานทีละคนๆ พวกเขาได้พบว่าในโลกนี้มีนักล่าอสูรปริศนาที่มีทักษะพิเศษเรียกว่า ฮันเตอร์อยู่ พวกเขาจึงต้องร่วมมือกับนักรบต่างโลก เพื่อต่อสู้ เอาชีวิตรอด และฟาดฟันกับอสูรกายนานาพันธุ์ เพื่อกลับสู่โลกของพวกเขาให้ได้ พร้อม ๆ กับไขปริศนาต้นตอของเหตุการณ์ทั้งหมดที่อาจพลิกชะตาทั้งสองโลกได้

ด้วยความที่ดูสนุก อสูรกายที่ออกมาจึงยิ่งใหญ่และน่าตกตะลึงมาก อย่าง เดียอาโบ ราทาลอส และอีกกว่าสิบชนิดที่แฟนเกมส์จะได้เห็นในหนังเรื่องนี้ ยังไม่รวมกับตัวละครจากในโลกเกมส์ที่ได้มามีชีวิตในหนังด้วย ไม่รวมกับตัวละครหลักอย่าง อาร์ทีมิสที่แบกทั้งเรื่อง แบกฉากแอ็คชั่น แบกฉากตลก เด่นที่สุดในเรื่อง เด่นแบบเอ้อ ถ้าเป็นคนอื่นคือไม่น่ารอด การวางท่วงท่าการต่อสู้ที่ไม่มีศิลปะแบบในเกมส์ที่มีท่วงท่าสวยงาม กลับมีเพียงกระโดด ฟาด ฟัน ยิง แบบหนังมอนสเตอร์ทั่วไป ที่พอจะอุ่นใจได้บ้างคือการที่ได้เห็นสถานที่ หรือวัตถุดิบจากเกมส์บางส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในเนื้อเรื่อง

หนังจากเกมส์ยังคงถูกสร้างกันมาอยู่เรื่อยๆ นัยว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีกลุ่มเป้าหมายขนาดใหญ่ที่ค่อนข้างแน่นอน แต่บางเกมส์ก็ไม่ได้จำเป็นมากนักที่คนมาดูจะต้องเคยเล่นเกมส์มาก่อนถึงจะรู้เรื่อง อย่างเช่น Monster Hunter [ ที่ชื่อไทยไม่ต้องตั้งใหม่ เอาทับศัพท์ไปเลย มอนสเตอร์ ฮันเตอร์ ] เรื่องราวของโลกสองใบที่นางเอกจากโลกเราได้ก้าวข้ามไปสู่โลกใหม่แล้วเจอกับเหล่าสัตว์ประหลาด

แต่กระนั้นสิ่งที่น่าจะทำให้ผู้ชมได้รับความบันเทิงได้เต็มที่จริง ๆ ก็คือการมีอยู่ของพี่จา พนมนี่แหละครับเพราะต่อให้หนังเอาพี่จาเรามาแต่งตัวประหลาดแถมให้สวดมนต์ด้วยภาษามั่วๆ จนดูตลกแต่ซีนแอ็กชันต้องยอมรับว่าแกเท่จริงๆ นั่นแหละและดูแล้วเชื่อเลยว่าหากมอนสเตอร์ดุๆ บุกโลกแค่มีพี่จาอยู่ เราก็น่าจะปลอดภัยแน่ๆ ด้วยสกิลการโดดระดับ ชอลิ้วเฮียง ผสมฟงอวิ๋น และคมดาบยักษ์ของแกซึ่งก็ถือว่าน่าภูมิใจ ที่คนไทยของเรากลายเป็นหนึ่งในข้อดีของหนังได้ขนาดนี้นะครับ

ถ้าใครอยากดูหนังมันส์ๆ เรื่องนี้เลยละ แต่ถ้าใครคาดหวังเนื้อเรื่องดีๆ สไตล์ผู้กำกับคนนี้ผมแนะนำ หนังยังจบเหมือนกับภาคแรกเป็นแค่ปฐมบทน้ำจิ้มเล็กๆ ภาคสองคือของจริง ถึงจะทำรายได้ไม่ดี แต่ตอนนี้ทางผู้กำกกับก็เขียนบทเตรียมทำภาคต่อเรียบร้อยแล้ว กับรายได้ที่เรียกว่าขาดทุนในตอนนี้ คงไม่เจ็บตัวหนักเท่าไหร่นัก แต่ถึงยังงั้น ผมก็อยากเห็นภาคต่ออยู่นะ ว่ามันจะไปสุดแค่ไหน และเราจะได้เห็นอสูรกายตัวไหน ในเกมส์ได้ปรากฏตัวบนจอเงินอีก ถือเป็นหนังที่นานาจิตตังแล้วกัน พูดเท่านี้  มันเป็นหนังจากเกมส์ที่ใส่ความเกมส์กับความมัน เข้าไปในเวลาเดียวกัน เอาเป็นว่าคอเกมส์ คอแอ็คชั่นห้ามพลาดเด็ดขาด

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนังใหม่ WONDER WOMAN 1984

ซูเปอร์ฮีโร่หญิงที่กลับมาในหนังเดี่ยวของตัวเองอีกครั้ง Wonder Woman 1984 ที่จะพาผู้ชมไปพบกับเหตุการณ์ของเธอในช่วงปี 1984 ไปสำรวจความเป็นไปของซูเปอร์ฮีโร่หญิงที่อยู่กับความเปลี่ยวเหงา และภารกิจครั้งใหม่ ครั้งนี้จะหนักหนาและเธอต้องหาทางแก้ไขอย่างไรบ้าง [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว หนัง Wonder Woman 1984 ไดอานา ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่โบราณคดีในพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน ในหนังเล่าเรื่องให้พอเข้าใจได้ว่าเธอทำงานที่นี่มาสักระยะหนึ่งแล้ว เธอได้รู้จักกับเจ้าหน้าที่โบราณคดีหน้าใหม่ ดร.บาร์บารา มิเนอร์วา ดอกเตอร์ผู้เชี่ยวชาญทางวัตถุโบราณ ทั้งคู่ช่วยกันวิเคราะห์หาที่มาของ ก้อนหินลึกลับจากชนเผ่ามายา ด้วยความบังเอิญทำให้ทั้งคู่พบว่า หินศักดิ์สิทธิ์ก้อนนี้มีพลังวิเศษสามารถขอพรอะไรก็ได้แล้วคำขอนั้นจะเป็นจริง แต่ก็มี แมกซ์เวลล์ ลอร์ด นักธุรกิจจอมฉ้อฉลที่ตามล่าหินศักดิ์สิทธิ์ก้อนนี้มาอย่างยาวนาน ได้ใช้อุบายหลอกล่อเอาหินศักดิ์สิทธิ์ก้อนนี้ไปครอบครอง เพื่อสนองตัณหาให้ตัวเอง แล้วสร้างความปั่นป่วนให้กับโลก ทำให้วันเดอร์ วูเมน ต้องออกโรงจัดการและแก้ไขสถานการณ์วายป่วงนี้

ลีลาแอคชัน ก็มีความเป็นหนังในยุค 80’s อยู่พอสมควร คราวนี้ไม่ได้เล่นใหญ่มากมายอะไรนัก มีฉากสนุกของเหตุการณ์ในวัยเด็กของไดอาน่าให้ดูเพลินๆ ตอนเริ่ม แล้วก็มีฉากแอคชันมันๆ บนถนนกลางทะเลทราย นอกจากนั้นก็ไม่ได้ถือว่าใหญ่มากมายอะไรนัก โดยรวมแล้วก็ถือว่าสัดส่วนอยู่ในปริมาณ ที่พอดี

แต่ที่ว้าวสุดคือวันเดอร์ วูแมน ในภาคนี้ ด้วยการใส่เกราะทองจากเทพีในตำนานของชนเผ่าอะเมซอนของเธอ ชุดทองมีปีกที่เราเห็นในตัวอย่างนั่นล่ะครับ สวย เท่ นะ ใส่แล้วเหาะได้ด้วยเพราะมีปีก แต่ถ้าพิจารณาดูแล้วมันช่างคุ้นๆตา กับเกราะในมังงะ อย่างเซนต์เซยาซะเหลือเกิน

โดยรวมแล้วหนังอยู่ในระดับมาตรฐานของหนังซูเปอร์ฮีโร ให้ความบันเทิงได้ดี และนี่คือหนังซูเปอร์ฮีโรที่ สนุก จะด้วยปัญหาที่มาจากความพร่อง ด้วยฤทธิ์เดชพิษสงของตัวร้าย หรือสถานการณ์คับขันที่ตัวเอกต้องประสบ บวกกับความยาวที่เกินพอดี แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้รู้สึกรื่นรมย์ได้ตลอดเรื่องก็คือความสวยระดับทะลุจอของ กัล กาด็อต นี่ล่ะ

โดยรวม ได้ว่า ภาคต่อนี้ คุ้มค่ากับการรอคอย Wonder Woman อาจไม่ใช่หนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เขียนบทได้ดีที่สุด แต่อย่างน้อยมันก็มีทั้งอารมณ์ขัน เสน่ห์ และแอ็คชั่นสุดเท่ ต้องบอกเลยว่า ห้ามพลาดเด็ดขาด

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms