รีวิว Buppesanniwat 2 บุพเพสันนิวาส 2


รีวิว Buppesanniwat 2 บุพเพสันนิวาส 2 ต้องบอกเลยว่า มาแรงไม่หยุดแบบฉุดไม่อยู่กับ บุพเพสันนิวาส 2 หนังฟอร์มยักษ์ จากละครดังระดับตำนาน ที่สร้างกระแส ออเจ้า ฟีเวอร์ด้วยประวัติศาสตร์ของยุคกรุงศรีอยุธยา สู่การปรับโฉมเป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวของกรุงรัตนโกสินทร์ [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว Buppesanniwat 2 บุพเพสันนิวาส 2 สำหรับคนไหนที่รอคอยภาคต่อ ของละครดังของไทย บุพเพสันนิวาส หยิบเอาผลงานละคร บุพเพสันนิวาส 2561 ที่เคยสร้างกระแส พี่หมื่น การะเกด ที่เคยกวาดเรตติงละครสูงทะลุถึง 18.6 ส่วน วันพุธ-พฤหัสบดี ที่ออกอากาศเพลาใด เทรนด์ทวิตเตอร์ก็ติดอันดับมิได้ขาดสาย มาสร้างในรูปแบบภาพยนตร์

ในชาตินี้ ภพ หรือ ขุนสมบัติบดี เป็นผู้เชื่อในบุพเพสันนิวาสและตามจีบ แม่หญิงเกสร เพราะรูปร่างหน้าตาเหมือนกับนางในฝันที่เขาฝันถึงทุกคืนแต่ เกสร ไม่เชื่อในบุพเพสันนิวาส เป็นผู้หญิงหัวก้าวหน้า ร่ำเรียนวิชากับบาทหลวง ปาลเลอกัวซ์ รวมถึงภาษาอังกฤษ และพอเธอได้พบกับ เมธัส เธอก็สนใจเขามากกว่าเพราะ เมธัส หน้าฝรั่งพูดภาษาอังกฤษได้ และใช้ภาษาแปลกเหมือนมาจากอนาคต

เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ไทยยุครัชกาลที่ 3 ที่ตัวละครเอกทั้งสามต้องเข้าไปพัวพันคือ การมีบทบาทของนักธุรกิจชาวต่างชาติคนดังอย่าง นายหันแตร เจ้าของห้างฯ แห่งแรกในประเทศไทย ที่เสมือนเป็นหนึ่งในตัวร้ายในหน้าตำราเรียนวิชาประวัติศาสตร์ไทย เพราะมีความขัดแย้งทางการค้ากับราชสำนัก ซึ่งในหนังหมายถึง เสด็จในกรม เกี่ยวกับเรือกลไฟ เอ็กสเปรส ที่นำมาเสนอขายแก่สยามประเทศ นอกจากนี้ หนังยังมีบุคคลสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ไทยยุคนั้นคนอื่นๆอีกเช่น สุนทรภู่ และ หมอบรัดเลย์

โดยรวมแล้ว ต้องบอกเลยว่าหนังเรื่องนี้นั้นค่อนข้าง ที่จะเรียกเสียงฮาได้ตลอดทั้งเรื่องเลย ตามสูตรหนังของค่าย GTH ที่ยังคงกลิ่นอายความเป็น ละครพีเรียดอิงประวัติศาสตร์สไตล์ ออเจ้า ได้อย่างสนุกสนาน เป็นหนังแฟนเซอร์วิสที่แฟนละครหลงรัก แต่ก็ยังมีพื้นที่กว้างให้คนที่ไม่เคยดูละครได้ตามทันแบบสนุกๆ หนังมีทั้งฉากฮาๆ ปนความโรแมนติกชวนฟิน และปิดท้ายด้วยแอ็คชั่นสุดมัน ตัวหนังเกือบ 3 ชั่วโมงที่หลายคนอาจรู้สึกว่ามันยาวเกินไป แต่ก็ถือว่าเป็นความบันเทิงที่เหมาะเอาไว้ดูแบบเพลินๆ ได้ฮาได้ฟินแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ดูได้แล้วบน NETFLIX

ผู้กำกับ : ADISORN TRESIRIKASEM
ผู้แต่ง : PATTARANAD BHIBOONSAWADE
ดารานำ : TANAWAT WATTANAPUTI, RANEE CAMPEN, PARIS INTARAKOMALYASUT

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว Fullmetal Alchemist  The Final Alchemy

รีวิว Fullmetal Alchemist  The Final Alchemy ฉบับคนแสดงภาคแรกลง Netflix ไปเมื่อ 2017 และนี้คือบทสรุปศึกสงครามแห่งการ เล่นแร่แปรธาตุ ของ Fullmetal Alchemist ทั้ง Fullmetal Alchemist: Final Chapter – The Avenger Scar และ Fullmetal Alchemist: Final Chapter – The Last Transmutation จะลงให้ได้ดูกันบน Netflix แบบ 3 ภาคเลย [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว Fullmetal Alchemist  The Final Alchemy ภาพยนตร์เรื่องนี้นับเป็นภาคที่ 3 ซึ่งต่อจาก FULLMETAL ALCHEMIST THE REVENGE OF SCAR 2021 ที่เพิ่งออกฉายทาง NETFLIX ไปเมื่อไม่นานมานี้ ภาคนี้จะเล่าต่อจากภาคที่แล้วหลังจากที่ เอ็ดเวิร์ด องค์ชายหลิน และ เอ็นวี่ ถูก กลัตโตนี กลืนกินเข้าไป เอ็ดเวิร์ด ได้หาทางหลุดพ้นออกมาจากท้องของ กลัตโตนี ได้สำเร็จซึ่งในขณะนั้น กลัตโตนี กำลังอยู่กับชายที่เปรียบเสมือนพ่อของพวก โฮมุนครุส ทำให้ เอ็ด ที่ออกมาได้เจอเข้ากับวายร้ายตัวจริงเสียทีหลังจากเจอกัน เอ็ด ก็ได้รู้ว่าพวกนี้กำลังวางแผนการใหญ่ที่อาจคร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก เอ็ด และพรรคพวกต้องหาทางที่จะหยุดยั้งแผนการในครั้งนี้ และต้องหาทางที่จะรักษา อัล ให้กลับมามีมาร่างกายเหมือนเดิมให้ได้ สุดท้ายแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะลงเอยอย่างไร พวกเขาจะต้องพบเจอกับอุปสรรคอะไรบ้างนั้น ทุกคนต้องไปรับชมทาง NETFLIX

ต้องบอกเลยว่าภาคสุดท้ายนี้สนุกมากๆ แต่ที่ดีกว่าเดิมคือน่าจะเป็นเพราะบทซึ่งอิงมาจากการ์ตูน ที่มันมีมุมมองที่น่าสนใจ คือพอดูแล้วรู้เลยว่าการ์ตูนต้นฉบับต้องดีแน่ๆ ทั้งเรื่องแก่นแท้ที่จะต้องสูญเสียสิ่งที่เราหวงแหน และยังมีอีกหลายประเด็นที่น่าหยิบยกมาเล่น แต่ก็พอเข้าใจเพราะนี่เป็นหนัง มันจึงไม่ได้มีเวลาอะไรมากมาย ซึ่งภาคนี้นับว่าทำได้ดี ไม่ได้เน้นแต่แอ็คชั่นมากมาย แถมยังมีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ การดำเนินเรื่องน่าติดตาม และดึงดูดได้ดี ดูได้แล้วบน NETFLIX

ภาพยนต์แนว : แฟนตาซี, แอ็คชั่น, ไซไฟ
นักแสดง : เรียวสุเกะ ยามาดะ, ทซึบาสะ ฮอนดะ, ดีน ฟูจิโอกะ, มิซาโกะ เร็นบุตซึ, คานาตะ ฮอนโกะ, ยูสุเกะ โอนุกิ, ชินจิ อูจิยามะ, ยูอินะ คุโรชิมะ, แม็คเคนยู, อาโตมุ มิซุอิชิ

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิวซี่รี่ย์ Echoes เสียงสะท้อน

รีวิวซี่รี่ย์ Echoes เสียงสะท้อน ซีรีส์แนว ลึกลับ ระทึกขวัญ เรื่องราวการสลับตัวของพี่น้องฝาแฝด ที่เป็นมากกว่าเรื่องเล่นๆ กับปมซับซ้อนของฝาแฝด ที่เหมือนกันราวกับแกะ ขนาดคนไกล้ตัวยังแยกไม่ออก  มาค้นหาปริศนา ความจริง กันได้พร้อมกัน [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิวซี่รี่ย์ Echoes เสียงสะท้อน เรื่องราวของฝาแฝด จีน่า และ เลนี่ ฝาแฝดที่มีความลับบางอย่างที่มีเพียงเธอ 2 คนเท่านั้นที่รู้ ความลับนั้นก็คือ เธอทั้งคู่มักชอบสลับตัวกันใช้ชีวิตมาตั้งแต่ยังเด็ก โดยทั้ง 2 คนจะสลับตัวกันไปใช้ชีวิตของอีกคนในวันเกิดของทุกปี ทั้งคู่จะไม่มีความลับต่อกัน และจะพูดคุยกันอยู่ตลอดซึ่งตัวของ เลนี่ จะอาศัยอยู่ที่บ้านเกิดกับสามีและพ่อในเมาท์ เอ็คโค่ รัฐเวอร์จิเนียส่วน จีน่า เธอย้ายไปอาศัยอยู่ที่ ลอสแอนเจลิส

ทว่าอยู่มาวันหนึ่งก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้นเมื่อจู่ๆ เลนี่ ได้หายตัวไปทำให้ จีน่า ที่อยู่ในแอลเอต้องเดินทางกลับมายังบ้านเกิดเพื่อตามหาฝาแฝดของตน แต่เมื่อมาถึง จีน่า ได้พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะมีหลายอย่างที่ เลนี่ ไม่ได้บอกกับเธอจากนั้น จีน่า จึงเริ่มสืบหาความจริงว่าแท้จริงแล้ว เลนี่ หายไปไหน และเกิดอะไรขึ้นที่นี่บ้างตอนที่เธอไม่อยู่ สุดท้ายแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร ต้องไปติดตามกัน

การดำเนินเรื่องกระชับ ปมซับซ้อน พลิกปมตลอดไม่น่าเบื่อ คลายปมเก่าและเปิดปมใหม่ทุกอีพี เน้นเล่าเรื่องผ่านมุมมองของ เลนี่ ส่วนที่เหลือค่อยๆคลายปมเพิ่มขึ้นผ่านมุมมองของ จีน่า สนุกต่อเนื่อง โดยรวมภาพสวยทั้งเรื่อง ตอนจบอาจสร้างคำถามมากมาย แต่ก็พอรับได้หากเทียบกับตอนจบของซีรีส์หลายเรื่องจาก NETFLIX [ บอกเลยว่าแอดชอบมาก เนื้อเรื้อง พล็อตเรื่อง ล้ำมากๆ ]

ซี่รี่ย์เรื่องนี้เป็นแนวสืบสวนสอบสวน จิตวิทยาระทึกขวัญ แรกๆก็ไม่เท่าไหร่พอดูไปเรื่อยๆกลับรู้สึกว้าวมาก [ ไม่น่าเชื่อว่าจะมี ซีรี่ส์แนวนี้ออกมาให้ดู ] ดูได้แบบเพลินๆจนจบ เนื้อเรื่องค่อนข้างซับซ้อน มีการซ่อนปมปริศนาต่างๆเอาไว้ และก็จะค่อยๆเล่าและเฉลยปม ออกมาทีละนิด อาจจะมีงงอยู่บ้าง เนื่องจาก 2 ฝาแฝดคู่นี้สลับตัวไปมากันตลอด เสื้อผ้าหน้าผม และรูปลักษณ์ภายนอก ไม่สามารถแยกออกว่าใครเป็นใคร ดูได้แล้วบน NETFLIX

ประเภท : ระทึกขวัญ, สืบสวนสอบสวน, หักมุม
ผู้กำกับ : วาเนสซ่า เกซี่
นักแสดงนำ : มิเชลล์ โมนาแฮน, แมตต์ โบเมอร์, แคเรน โรบินสัน, โจนาธาน ทักเกอร์, ดาเนียล ซันจาตา, อาลี สโตรกเกอร์, เกเบิล สวันลันด์, โรซานนี่ ซายาส, ไมเคิล โอนีลล์

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว Raya and the Last Dragon  รายากับมังกรตัวสุดท้าย

รีวิว Raya and the Last Dragon  รายากับมังกรตัวสุดท้าย อนิเมชั่นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ แต่อะไรคือแรงดึงดูดที่พาให้ดิสนีย์อยากผลิตหนังที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก ประเทศเล็ก ๆ ที่ประชากรในแต่ละประเทศอยู่เพียงหลักสิบหลักร้อยล้านคน ต่างกับที่เคยพยายามบุกตลาดจีนที่มีประชากรอยู่หลักพันล้านด้วยมู่หลาน [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว Raya and the Last Dragon  รายากับมังกรตัวสุดท้าย เรื่องราวของดินแดน คูมันตรา ที่มีเผ่าต่างๆรวมกัน 5 เผ่าตามอวัยวะสำคัญของมังกร ที่ปกป้องดูแลดินแดนแห่งนี้คือ เผ่าหัวใจ เผ่าเขี้ยว เผ่ากรงเล็บ เผ่าสันหลัง และ เผ่าหาง มีสายน้ำที่เชื่อมต่อความสัมพันธ์ของแต่ละเผ่า และรวมกันเป็น คูมันตรา

คูมันตรา นั้นเคยเป็นปึกแผ่นอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งการรุกรานของดรุน อสูรร้าย ที่เข้ามาทำลายทุกอย่างทำลายทุกชีวิตให้กลายเป็นหิน พร้อมการแตกแยกดินแดน คูมันตรา ออกเป็นเสี่ยงไม่สามารถรวมกันได้ มังกร ที่คอยปกป้องก็สู้จนตัวตาย เหลือไว้แค่หินมณี มังกร ซึ่งเป็นหินที่รวมเอาพลังของมังกรพี่น้องทั้งสี่ตัวไว้ แล้วฝากไว้กับมังกรน้องนุชตัวสุดท้องที่ชื่อว่า ซิซู ที่ยังมีชีวิตอยู่แต่ได้หายสาบสูญไปกว่า 500 ปี

ก่อนที่หิมมณีมังกรจะตกอยู่ในความดูแลของเผ่าหัวใจที่มี เบญจา เป็นราชันของเผ่ามี รายา เป็นลูกสาว เบญจา มีความต้องการที่จะรวมทั้งห้าเผ่าขึ้น เป็นภูมันตราอีกครั้ง ก่อนที่จะถูก นัมมาอารี เจ้าหญิงเผ่าเขี้ยว หักหลังโดยอาศัยความไว้ใจ แย่งชิงหินมณีมังกรจนแตกเป็น 5 เสี่ยง พร้อมทั้งปลุกดรุนขึ้นมาทำลายชีวิตทุกคนให้กลายเป็นหินอีกครั้ง

เวลาผ่านไปเจ้าหญิง รายา จึงได้ออกเดินทางพร้อม ตุ๊ก ตุ๊ก สัตว์เลี้ยวตัวสนิทไปยังเผ่าต่างๆเพื่อตามหา ซิซู มังกรตัวสุดท้าย และรวมหินมณีมังกรให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อคืนชีวิตให้กับทุกชีวิต และคืนความเป็นปึกแผ่นให้กับดินแดนคูมันตราอีกครั้ง

จุดเด่นคืองานด้านโปรดักชั่น ดีไซน์ ที่ผสมผสานเอาวัฒนธรรมอาเซียนทั้ง ไทย ชวา บาหลี และอื่นๆเช่นในเรื่องของอาหาร เราจะเห็น ต้มยำกุ้ง ห่อหมก สะเต๊ะ หรือการดีไซน์คอสตูม ดีไซน์ฉากที่มีทั้งวัดแบบไทยๆ ปราสาทที่คล้ายแบบขอม หรือบาหลี สีสันแบบชวา มีตลาดน้ำแบบบ้านเรา ผสมรวมกันเป็นคูมันตรา ดินแดนที่มีเสน่ห์สุดๆ  นี่คืองานที่คนดูอย่างเราที่ภูมิใจ และดีใจมากที่เห็นมิติความเป็นไทย ความเป็นอาเซียนในหนังเรื่องนี้

ประเภท : อนิเมชั่น, แอคชั่น, ผจญภัย
ผู้กำกับ : ดอน ฮอลล์ และคาร์ลอส โลเปซ เอสตราด้า
พากย์เสียงโดย : เคลลี่ มารี ทราน, อควาฟิน่า, เจ็มม่า ชาน, แดเนียล เด คิม, แซนดร้า โอ, เบเนดิกท์ หว่อง, ไอแซค หวัง, ธาเลีย ทราน, อลัน ทูไดก์, ลูซีล ซุง, แพตตี้ แฮริสัน

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว อนิเมชั่น

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว LOU แกะรอยในความมืด

รีวิว LOU แกะรอยในความมืด หนังฟอร์มเล็กเปลี่ยนมาขึ้นอันดับ 1 บน NETFLIX กันได้เรื่อยๆ ยิ่งเรื่องนี้ก็มาแบบเงียบๆ ไม่ต้องโปรโมตอะไรเลย ทั้งนักแสดงนำและผู้กำกับ หน้าหนังที่มี 1 ป้า 1 สาวสะพายปืน สวมชุดกันฝน ท่ามกลางสายฝน และฉากแอ็กชั่นดุเดือดให้ได้ลุ้นกัน แบบมันจริงๆ

รีวิว LOU แกะรอยในความมืด เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในสถานที่ที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง แม่ม่ายลูกติด HANNAH เธออาศัยอยู่กับลูกสาวของเธอ VEE แม่ลูกคู่นี้ได้เช่าบ้านของยายแก่คนหนึ่งนามว่า LOU อยู่มาวันหนึ่งในกลางดึกเกิดพายุฝนโหมกระหน่ำ VEE ลูกสาวของ HANNAH ได้ถูกลักพาตัวจากบ้านไปอย่างปริศนา HANNAH จึงได้ไปขอความช่วยเหลือจาก LOU ทว่ารถทุกคันได้ถูกเจาะยางจนหมด

ทั้งคู่จึงไม่สามารถออกไปแจ้งคนนอกหรือแจ้งตำรวจได้ ด้วยเหตุนี้ LOU จึงอาสาที่จะช่วยเธอตามหาลูกสาวกลับมา ซึ่งแท้จริงแล้วในเหตุการณ์ครั้งนี้มีความลับบางอย่างที่ถูกปิดบังเอาไว้ สุดท้ายแล้วทั้งคู่จะสามารถช่วยชีวิต VEE กลับมาได้หรือไม่ และทั้งคู่ต้องพบเจอกับอุปสรรคอะไรบ้างนั้น ทุกคนต้องไปรับชม รับชมได้แล้วทาง NETFLIX

LOU เหมือนจะเป็นหญิงชราธรรมดา แต่ก็มีความสามารถไม่ต่างไปกับผู้ชายวัยฉกรรณ์ เพราะเขาปูทางให้ว่าเธอนั้นเป็นถึงอดีต CIA ภาคสนาม 26 ปี แต่ด้วยความที่เธอชราแล้ว ก็เป็นเรื่องยากที่จะต่อสู้กับผู้ชาย แต่หนังเขาก็ทำให้เราเห็นว่าเธอสู้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี บทที่จะต่อสู้แบบดิบๆ ก็จริงจังดูแล้วก็รู้สึกว่าเจ็บจริง โดยเฉพาะฉากต่อสู้ในกระท่อมระหว่างเธอกับผู้ชาย 2 คน เหมือนเราดูหนังเรื่อง เจสัน บอร์น ก็ไม่ปาน

ดูจบแล้วต้องบอกเลยว่า เรื่องนี้มันดีจริงๆ ไม่คิดว่าหนังจะเล่นแบบนี้ ไม่ว่าจะด้วยภาพที่สวยงาม มีลูกเล่นด้านภาพแล้ว ตัวที่สำคัญเลยคือบท ที่ต้องบอกเลยว่าทีมงานได้ของดีอยู่กับมือเลย เรื่องราวของเรื่องนี้ดูเผินๆ เป็นหนังทริลเลอร์ตามล่าทั่วไป แต่เรื่องราวที่อยู่ในนั้นกลับซับซ้อน แต่ก็ย่อยได้ง่าย และน่าสนใจ เน้นเรื่องราวความเป็นครอบครัว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ทิ้งความลุ้นระทึกที่เราสามารถรู้สึก และกดดันไปกับตัวละครได้เลย [ แอดชอบมากหนังแนวนี้ ]

ในส่วนหนักแสดงคัวละคร LOU นี่บอกเลยว่าดีมาก เล่นไม่ต้องเยอะไม่ต้องเก่งเวอร์วัง แต่มีลูกฮึดลูกชน ดูแล้วมันสุกจริงๆ ดูแล้วมันใช่เลยเชื่อในตัวละคร LOU ได้เลยว่าเธอดูแบกหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ตนจนจบได้ดี แทบจะไม่กังขาเลย โดยรวมทั้งหมดแล้วเรื่องนี้สนุกและดีมากๆ ดูแล้วไม่เสียดายเวลา น้อยครั้งจะเจอหนังในสตรีมมิ่งดีๆ ดูได้แล้วบน NETFLIX

ภาพยนต์แนว : แอ็คชั่น,ระทึกขวัญ
กำกับโดย : แอนนา โฟเออร์สเตอร์
นักแสดงนำ : LOGAN MARSHALL-GREEN, MATT CRAVEN และ RIDLEY ASHA BATEMAN

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว OM CRUSH ON ME อโยธยา มหาละลวย

รีวิว OM CRUSH ON ME อโยธยา มหาละลวย ภาพยนตร์ไทยแนว แอ็คชั่น โรแมนติก หนังไทยที่มีพื้นหลังเป็นเรื่อง มนต์คาถา สมัยอโยธยา ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ ที่มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างชาติมากเป็นพิเศษ ทำให้อโยธยาช่วงนั้นมีความหลากหลายด้านเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว OM CRUSH ON ME อโยธยา มหาละลวย เรื่องราวของ เรียวสึ ชายหนุ่มที่มีความเป็นมาคลุมเครือ เขาได้รับการเลี้ยงดูโดยหลวงตา ซึ่งสอนให้เขาได้เรียนรู้วิชาการต่อสู้ และเวทมนตร์คาถา เพื่อใช้ป้องกันตัวในวันข้างหน้า ในวันที่เขาต้องการตามหาแม่ และตามหานางในดวงใจ ออสร้อย หลวงตาได้มอบหมายให้ ทอง เดินทางไปพร้อมกันเพื่อคอยดูแลกันและกัน ระหว่างการเดินทางพวกเขา ตกกระไดพลอยโจนต้องช่วย 2 คู่หู

อาซิม และ จีนล้ง ที่ก่อเรื่องไว้ที่โรงชำเราชายที่นี่เองทำให้ เรียวสึ ได้พบกับ ออสร้อย อีกครั้งแต่ทว่า ด้วยความงามของ ออสร้อย เป็นที่ต้องตาของ ขวัญ ซึ่งเป็นบุตรชายของออกญา คชบาล ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดใน อโยธยา ทำให้ เรียวสึ พยายามทำทุกทางเพื่อชิงตัว ออสร้อย คืนมาวิทยายุทธที่ เรียวสึ สั่งสมมาอาจไม่เพียงพอ บางครั้งอาจต้องพึ่งพามนตร์คาถาที่ เรียวสึ เรียนรู้ทั้งชีวิต เพื่อจะช่วงชิงตัวและหัวใจ ออสร้อย กลับมาเป็นของเขาได้อีกครั้ง

หนังเล่าเรื่องในช่วงรัชสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช [ ปลายราชวงศ์ปราสาททอง ] ที่เต็มไปด้วยชาวต่างชาติมากมายที่เข้ามาอาศัย และทำงานถวายบนแผ่นดิน อโยธยา ออกญาคชบาล [ ศรุต วิจิตรานนท์ ] ได้กระทำตามสัจจะที่ให้ไว้แก่ สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง [ ต้นราชวงศ์ปราสาททอง ] ว่าจะออกกวาดล้างตระกูลชาวญี่ปุ่น ยามาดะ ที่ถวายความจงรักภักดีมาตั้งแต่สมัย สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม [ ราชวงศ์สุโขทัย ] เพื่อหวังไม่ให้ก่อการกบฏ

จุดเด่นสำคัญ คือเรื่องของการหยิบเอาเกร็ดประวัติศาสตร์เล็กๆ น้อยๆ ที่มีบันทึกอยู่จริงมาต่อยอดได้อย่างน่าสนใจ อย่างเช่นเรื่องของชาวต่างชาติ ที่ติดต่ออาศัยมาตั้งแต่สมัย พระเจ้าทรงธรรม จนกลายเป็นชุมชนใหญ่ในแผ่นดิน พระนารายณ์ รวมทั้งตัวละครที่สร้างขึ้นจากบุคคลจริง เช่น ออกญาคชบาล ที่จะครองราชย์เป็น สมเด็จพระเพทราชา [ ต้นราชวงศ์บ้านพลูหลวง ] ส่วน ขวัญ บุตรชาย ก็หยิบเอาคาแรกเตอร์มาจาก เดื่อ ที่จะขึ้นครองราชย์เป็น สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 หรือ พระเจ้าเสือ ที่ครองราชย์ต่อจากผู้เป็นพ่อนั่นเอง

โดยรวมแล้ว สำหรับแฟนๆของ เจมส์ จิรายุ และ โบว์ เมลดา ก็น่าจะชื่นชอบการแสดงของทั้งคู่ เพราะโดยรวมๆ ก็ถือว่าเป็นหนังที่ดูเอาเพลิน ถือว่าหนังทำได้ตามมาตรฐานดีมาก อยากให้คนไทยสนับสนุนหนังไทยเยอะ ทีมผู้สร้างจะได้มีกำลังใจสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆออกมาให้ได้ชมกันอีก

ภาพยนต์แนว : แอ็คชั่น, คอมเมดี้, ดราม่า
ผู้กำกับ : ภวัต พนังคศิริ
นักแสดงนำ : เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข, โบว์เมลดา สุศรี, บิ๊ก ศรุต วิจิตรานนท์, ภีม ธนบดี

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว หนัง แอ็คชั่น

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว Emergency Declaration ไฟลต์คลั่งฝ่านรกชีวะ

รีวิว Emergency Declaration ไฟลต์คลั่งฝ่านรกชีวะ เที่ยวบินพาณิชย์กลางน่านฟ้า ที่ถูกคนร้ายจู่โจมด้วยชีวภาพโดยไม่คาดคิด กำลังจะคร่าชีวิตคนทั้งลำ การดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ท่ามกลางสถานการณ์ที่เหมือนไร้ทางออก ไร้แม้สนามบินให้ลงจอด ไม่มีทางหนี  ไม่มีทางออก งานนี้จะจบยังไง ระทึกจนทำให้ผู้ชมลุ้นจนนั่งไม่ติดเลยละ [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว Emergency Declaration ไฟลต์คลั่งฝ่านรกชีวะ เรื่องราวหายนะครั้งใหญ่บนเที่ยวบินนรกจาก กรุงโซล สู่ ฮาวาย เมื่อหนึ่งในผู้โดยสารเกิดเสียชีวิตอย่างปริศนา ทำให้เกิดความโกลาหลไปทั่วทั้งลำ กัปตันจึงต้องประกาศเหตุฉุกเฉินและขอลงจอดกะทันหัน แต่การขอลงจอดครั้งนี้ยากกว่าที่คิด ด้วยความสูงและความเร็วที่ไม่สามารถควบคุมได้ จึงต้องเดิมพันด้วยความเป็น และความตายของลูกเรือ และผู้โดยสารทั้งลำ โดยไม่มีใครคาดคิดเลยว่า หายนะจากเที่ยวบินนี้จะทำให้โลกทั้งใบกลายเป็นนรก

การก่อการร้ายด้วยเชื้อโรค [ อาวุทชีวภาพแต่ไม่มีซอมบี้นะ ] ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกว่า เหมือนเรื่องจริงในช่วงโควิดนี้ได้เลย ดูไปก็คอยจับแมสที่ใส่ตลอดอินไปกับเรื่องมาก และจุดตรงนี้แหละที่ทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่องมันจึงดูสมเหตุสมผลไปหมด และเราสามารถจินตนาการได้โดยง่ายว่าเมื่อเกิดขึ้นเราจะรู้สึกยังไง มันยิ่งทำให้ลุ้นตามเข้าไปอีก บอกได้เลยว่าหลังจากดูจบแล้ว ทำให้คิดว่าโควิดจะกลับมาาอีกยังไงยังงั้น [ บอกเลยว่าอุตสาหกรรมหนังของเกาหลี ไปไกลมากๆ หันมองกลับมาที่ไทย วนลูปอยู่ที่ ตลก ผี รัก นักเรียน ]

ถือว่าเป็นหนังหายนะที่ดูแล้วโคตรสนุกลุ้นระทึก ไปกับตัวหนังตลอดทั้งเรื่อง หนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังที่ดูเพลินสุดๆ ที่มีครบทุกอารมณ์เลย แล้วมีสิ่งที่น่าสนใจเยอะมากไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องของหนัง ที่โคตรเข้มข้นที่แบบแม่นยำทุกจังหวะ ที่ทำให้เราได้เห็นถึงสัญชาตญาณดิบของมนุษย์ ที่อยู่ภายใต้จิตใจที่โคตรจะน่ากลัวแถม สะเทือนอารมณ์แบบสุดๆ หนังมีประเด็นการเมือง ภาวะความเป็นผู้นำ สอดเข้ามาตลอดทั้งเรื่อง ทำให้หนังดูสมจริงมากยิ่งขึ้นไป แถมยังมีเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ ที่เราก็สามารถเทียบเคียงกับเหตุการณ์จริงได้ ไม่ใช่หนังที่คนเกาหลีเท่านั้นจะเข้าใจ แต่เป็นหนังที่เราในฐานะคนนอกก็อินไปด้วยได้เลย

หลังจากดูหนังจบ ก็อดคิดถึงหนังไทยไม่ได้ เกาหลีเขาเดินทางมาไกลมากแล้วจากอดีต ซึ่งเขาก็เดินมาตลอด พัฒนาวงการหนังของเขาตลอด ถ้าถามว่าประเทศเราจะสามารถเป็นอย่างเขาได้ไหม บอกได้เลยว่าได้ แต่เราต้องเริ่มจากบทที่ดีก่อน แม้ประเทศเราจะมีแต่หนังตลก หรือ หนังผี แต่ถ้าเราเริ่มจากบทที่ดี วันนึงหนังตลกของเราก็จะกลายเป็นหนังที่ดีในสายตาชาวโลกได้เหมือนกัน [ หนังไทยส่วยใหญ่ที่กล้าฉีกแนว แต่บทมันหลวม คนเลยไม่ค่อยชอบ อย่ากเห็นหนังไทย ไปไกลเหมือน เกาหลี จีน ญี่ปุ่น ฝากคนไทย สนับสนุนหนังไทยด้วยกันนะครับ ]

ผู้กำกับ : ฮัน แจ-ริม
นำแสดงโดย : SONG KANG-HO, LEE BYUNG-HUN, JEON DO-YEON

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิวซีรี่ส์ Stranger Things Season 4

รีวิวซีรี่ส์ Stranger Things Season 4 กลับมาอีกครั้งของซีซั่น 4 ซีรี่ย์แนวสยองขวัญ ไซไฟ สำหรับซีซั่นนี้ มาพร้อมกับนักแสดงนำทีมเดิมครบชุด และตัวละครใหม่ ทางผู้สร้างยังได้เปิดเผยว่า จะมีซีซั่น 5 ตามกันมาอีกด้วย พร้อมให้แฟนๆได้สนุกกับความมันส์ กันอย่างต่อเนื่องด้วยแน่นอน [ งานนี้แอดรอเลย ]

รีวิวซีรี่ส์ Stranger Things Season 4 บอกเล่าเรื่องราวในปี ค.ศ. 1986 หกเดือนให้หลังจากเหตุการณ์ห้างสตาร์คอร์ท แอล ที่ไม่มีพลังแล้วย้ายไปอยู่แคลิฟอร์เนียพร้อมกับ จอยซ์ วิล และ โจนาธาน เธอเฝ้ารอการมาเยือนของไมค์ในช่วงวันหยุดฤดูใบไม้ผลิ แม็กซ์ ยังปวดใจเรื่อง บิลลี่ และตัดสินใจเลิกคบกับ ลูคัส ที่ตอนนี้เป็นตัวสำรองในทีมบาสของโรงเรียน คืนหนึ่งเกิดเหตุไม่คาดฝัน เชียร์ลีดเดอร์ในฮอว์กินส์ถูกฆาตกรรมด้วยวิธีแสนประหลาด

เอ็ดดี้ หัวหน้าชมรม เฮลไฟร์ ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร ดัสตินสืบจนพบว่าสาเหตุทั้งหมดเกิดมาจากเมืองฮอว์กินส์ ต้องคำสาปของปีศาจ เว็คนาร์ แม็กซ์ ถูก เว็คนาร์ เลือกให้เป็นเหยื่อคนต่อไป ดัสติน สตีฟ แนนซี่ โรบิน และ ลูคัส พยายามหาทางช่วยชีวิต แม็กซ์ ขณะเดียวกัน แอล เลือกกลับไปสถาบันวิจัยพลังงานเพื่อเรียกพลังคืน เตรียมสู้กับ เว็คนาร์ การกลับไปที่แล็บของ แอล ต้องปิดเป็นความลับเพื่อไม่ให้รัฐบาลรู้

เมื่อพลัดพรากจาก แอล ไมค์ วิล และ โจนาธาน พร้อมเพื่อนใหม่ อาร์ไกด์ ออกตามหา แอล จอยซ์ ได้รับจดหมายปริศนาและพบว่า ฮ็อปเปอร์ ยังไม่ตายเธอร่วมมือกับ เมอร์เรย์ ออกตามหาและช่วยชีวิต ฮ็อปเปอร์ จอยซ์ จะสามารถช่วย ฮ็อปเปอร์ ได้ไหม แอล จะได้พลังกลับคืนมาหรือไม่ ไมค์ และ วิล จะตามหา แอล เจอไหม ดัสติน และพวกจะช่วยชีวิต แม็กซ์ ได้หรือเปล่า ต้องไปติดตามกันได้ทาง NETFLIX

STRANGER THINGS 4 การกลับมาครั้งนี้ยิ่งใหญ่และอลังการณ์สุดยิ่งใหญ่จริงๆ และต้องบอกเลยว่าเป็นซีรีส์ที่ดีทีสุดก็ว่าได้ จากทาง NETFLIX หลังปล่อยแฟนๆรอมานานกว่า 3 ปี กลับมาครั้งนี้โตขึ้นกว่าเดิม สนุกขึ้นกว่าเดิม เดือดเลือดสาดกว่าเดิม แล้วก็ดูดีอลังการงานสร้างมากๆจนต้องตรบมือให้เลยละ ถือว่าภาคที่ 4 นี้ทำออกมาไม่ผิดหวังเลยจริงๆ การปูเชื่อมต่อเรื่องราวในภาคนี้กลับไปยังต้นกำเนิดได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ และนักแสดงทุกคนแสดงได้ดีทุกคน บททุกบท BALANCE ได้ลงตัวทุกคนจริงๆดูได้แล้วบน NETFLIX

ประเภท : สยองขวัญ วิทยาศาสตร์
วันที่เข้าฉาย :27 พฤษภาคม พ.ศ. 2565
นักแสดงนำ : วิโนน่า ไรเดอร์. เดวิด ฮาร์เบอร์, ฟินน์ โวล์ฟฮาร์ด, มิลลี่ บ็อบบี้ บราวน์, เกเท่น มาตาราซโซ ,CALEB MCLAUGHLIN, NOAH SCHNAPP ,ซาดี ซิงก์ ,นาตาเลีย ไดเยอร์

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว EXTRAORDINARY ATTORNEY WOO อูยองอู ทนายอัจฉริยะ

รีวิว EXTRAORDINARY ATTORNEY WOO อูยองอู ทนายอัจฉริยะ ดังแบบฉุดไม่อยู่จริงๆ กับซีรี่ส์ ทนายอัจฉริยะ จนติดอันดับยอดนิยมของ NETFLIX ซีรี่ส์เรื่องนี้ กลายเป็นซีรี่ส์ที่ดัง ในช่วงเวลานี้จริงๆ เพราะทำให้เรารู้เรื่องกฎหมาย และเส้นทางของการเป็นทนาย นอกเหนือจากกฎหมายแล้ว ภายในซีรีส์ก็มีความโรแมนติก และคอมเมดี้แฝงมาด้วย [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว EXTRAORDINARY ATTORNEY WOO อูยองอู ทนายอัจฉริยะ

อูยองอู หญิงสาวที่มีอาการ ออทิสติก ตั้งแต่เด็ก อูยองอู จึงแตกต่างจากเด็กคนอื่นเธอไม่รู้วิธีสื่อสารการเข้าสังคม แต่เธอมีการจดจำในเรื่องต่างๆอย่างแม่นยำ เมื่อเขาได้มาเป็นทนายความให้กับ อินเทิร์นของบริษัทกฎหมายชื่อดังแต่ อูยองอู เกิดปัญหาในการใช้สังคมร่วมกับผู้อื่น จนทำให้เธอต้องอึดอัดแต่อย่างไรก็ตาม เธอจะแก้ปัญหานี้ให้ได้ เมื่อความฝืนที่อยู่ร่วมในสังคม ต่อมมา อีจุนโฮ ชายหนุ่มผู้ที่มีเสนห์ใครเห็นแล้วก็ต้องตกหลุมรักเขา

ด้วยการพูดจาดี และยังเป็นที่ปรึกษาที่ดีอีกด้วยเมื่อ อูยองอู และ อีจุนโฮ พวกเขาทั้งคู่จึงทำงานร่วมกัน เกี่ยวกับการฟ้องร้องและเก็บหลักฐานประกอบจุดที่เกิดเหตุเมื่อ อีจุนโฮ ได้สงสัยในตัวของ อูยองอู เพราะเธอได้ทำตัวแปลกประหลาดกับการเข้าสังคม เข้าจึงให้คำปรึกษาแด่เธอ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อนั้นต้องไปติดตากันได้ที่ NETFLIX [ ต้องบอกเลยว่าแอดชอบมากๆเรื่องนี นางเอกแสดงออกมาได้ดีจริง ]

อูยองอู เป็นตัวตลกเพียงเพราะเธอไม่เหมือนคนอื่น ที่ว่าได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง เพราะถึงแม้ภาวะโรคนี้ที่ อูยองอู ต้องเผชิญตั้งแต่แรกเกิด ทว่ามันก็ยังมอบสิ่งที่พิเศษให้ อูยองอู มีแต่คนอื่นไม่มี นั่นคือการได้เป็นอัจฉริยะ เหนือกว่าคนทั่วไปซึ่งมีไอคิวสูงถึง 164 ทำให้ความจำและกระบวนการคิดของเธอนั้นรวดเร็ว และหลักแหลมจนกลายเป็นบัณฑิตเกียรตินิยมอันดับหนึ่งในคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซลไม่เพียงเท่านั้น อูยองอู ได้สอบแข่งขันเนติบัณฑิต และได้ก้าวมาเป็นทนายความของ ฮันบาดา สำนักงานกฎหมายระดับประเทศได้สำเร็จ และนี่จึงเป็นก้าวแรกของ อูยองอู ในฐานะทนายความ ออทิสติก คนแรกของเกาหลีใต้

เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบ ให้กับนักแสดงหญิงมากความสามารถอย่าง พัคอึนบิน ที่ถ่ายทอดคาแร็กเตอร์ของ อูยองอู ได้อย่างถึงแก่นแท้ของตัวละครที่สุด หญิงสาวผู้เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติทางสมองในภาวะ ออทิสติก สเปกตรัม ส่งผลให้การแสดงออกทางร่างกายทั้งการพูด ท่าทาง พฤติกรรมต่างๆ แน่นอนว่ามันส่งผลกระทบต่อการเข้าสังคมของเธอ ที่ใครต่างก็มองว่า [ แสดงออกมาได้สมจริงมากๆ ]

ซีรี่ส์แนว : กฎหมาย, ดราม่า
กำกับโดย : ยูอินชิก
นักแสดงนำ : PARK EUN BIN, KANG TAE OH, KANG KI YOUNG, JEON BAE SOO และ BAEK JI WON

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิวซีรี่ส์ The Umbrella Academy 3

รีวิวซีรี่ส์ The Umbrella Academy 3 เรจินัล ฮากรีฟ มหาเศรษฐีที่ได้รวบรวมเด็กทีเกิดในท้องผู้หญิงและคลอดภายในวันนั้น นำมาฝึกฝน 7 คน ฝึกพลังพิเศษให้กลายเป็นกลุ่มซุปเปอร์ฮีโร่ สู้กับเหล่าร้าย แต่ด้วยเหตุการณ์หลายๆอย่าง ทำให้เด็กพวกนี้เติบโตมาเป็นกลุ่มคนเหลวแหลกกลุ่มหนึ่ง ทำให้เนื้อหาเลยมีความเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร

รีวิวซีรี่ส์ The Umbrella Academy 3 หลังจากผ่านพ้นวันแห่งหายนะในดัลลัสมาได้ เหล่าพี่น้อง อัมเบรลลา ก็กลับไปที่ อคาเดมี่ ซึ่งตอนนี้อยู่ภายใต้การปกครองของพวก สแปร์โรว์ ที่ทรงพลังและชั่วร้าย ขณะที่หมายเลขหนึ่งหายตัวไป พวก สแปร์โรว์ ก็จับคนมาเป็นตัวประกัน อัลลิสัน ค้นพบบางสิ่งที่เจ็บปวด ส่วนเคลาส์พาห้าออกเดินทางแบบโร้ดทริป เพื่อตามหาความจริงบางอย่าง ผู้คนเริ่มทยอยหายตัวไป ห้า และ ไลล่า จำใจต้องร่วมมือกันเพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับการท่องเวลา หลังจากนั้น เคลาส์ ได้เห็นอีกด้านของพ่อ

ลูเธอร์ และ สโลน วางแผนยุติสงครามระหว่างครอบครัว วิคเตอร์ พบกับคนจากอดีต ส่วนห้าพบคนที่คาดไม่ถึงความสัมพันธ์ระหว่าง เคลาส์ กับความตายซับซ้อนเกินไปในที่สุด วิคเตอร์ ก็ได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ของเหล่าสมาชิกอัมเบรลลา อคาเดมี่ ห้า ออกตามล่าตัว โพโก ส่วน วิคเตอร์ และ ฮาร์ลัน พยายามถ่ายโอนพลังขณะที่ ดิเอโก และ ไลล่า เดินทางไปยังนอกกำแพงของไวท์บัฟฟาโลสวีทในปี 1989 ไลล่าขุดค้นความลับบางอย่างของแม่ขึ้นมาได้ ครอบครัวร่วมมือกันเพื่อต่อสู้คูเกิ้ลบลิตซ์ หลังจากนั้น เรจินัลด์ สอนให้ เคลาส์ รู้จักวิธีใช้ประโยชน์จากพลัง

ความสำเร็จของซีรีส์เรื่องนี้ทำให้ได้ไปต่อมาจนถึงซีซั่น 3 เนื้อหาดูจะมีพัฒนาการกว่า 2 ซีซั่นแบบชัดเจน กล้าที่จะนำเสนอเรื่องราวแง่มุมใหม่ๆ ไม่ย้ำอยู่กับที่ ด้วยไอเดียเดิมๆไอเดียเก่าๆ ซีรีส์เลยมีความหลากหลายมีความแปลกใหม่ เนื้อหาไม่ยัดเยียดเกินไป มันเลยทำให้ตัวละครมีพัฒนาการที่เติบโตขึ้น ลดทอนความน้ำเน่าไร้สาระ มีน้ำมีเนื้อ อาจจะพูดได้เต็มปากว่าดีกว่า 2 ซีซั่นแรกมากๆ ดูจบแล้วอยากดูซีซั่น 4 ต่อเลยละดูได้แล้วทาง NETFLIX

ซีรี่ส์แนว : แอ็คชั่น ซูเปอร์ฮีโร่ คอมเมดี้
วันที่เข้าฉาย :22 มิถุนายน 2022
นักแสดงนำ :เลียต เพจ,ทอม ฮอปเปอร์,ดาวิด กัสตันเยดา

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms