รีวิว อนิเมะ B: The Beginning ปริศนาฆาตกรรม

รีวิว อนิเมะ B: The Beginning ปริศนาฆาตกรรม ในโลกที่เทคโนโลยีล้ำหน้า คดีฆาตกรรมปริศนาที่ฆาตกรทิ้งข้อความว่า B ไว้เสมอ คีท อดีต RIS ที่ออกจากวงการไปร่วมสิบปี ได้กลับมาสืบคดี เพื่อล่าตัวฆาตกร คิลเลอร์บี [ สปอยนิดๆ ]

รีวิว อนิเมะ B: The Beginning ปริศนาฆาตกรรม กรมตำรวจได้ทำการสืบสวนตามล่าตัวฆาตกรต่อเนื่องที่มีชื่อว่า คิลเลอร์บี ที่ทุกครั้งที่ฆ่าก็จะมีสัญลักษ์ B ทิ้งเอาไว้อยู่ด้วยเสมอ ซึ่งผู้นำทีมการสืบสวนคือ คีท ฟลิก เจ้าหน้าที่สืบสวนอัจฉริยะผู้มีอดีตอันเลวร้าย แต่ยิ่งสืบไปเท่าไหร่เขายิ่งค้นพบความจริง ที่เชื่อมโยงไปถึงการทดลองของ นักวิทยาศาสตร์ที่ต้องการสร้าง อมนุษย์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าพระเจ้าขึ้นมา

นี้เป็นการ์ตูนออริจินัลของทางNetFlix เป็นการ์ตูนแนวสืบสวนสอบสวนฆาตกรรม ที่มีเรื่องราวแบบแอคชั่น แฟนตาซีเข้ามาร่วมด้วย คือมันให้อารมณ์ของสองโลก ที่แตกต่างกันออกไป แต่มันก็ผสมเข้ามาอยู่ด้วยกันได้อย่างลงตัว ซึ่งเรื่องนี้มีทั้งภาพและเนื้อหา ค่อนข้างมีความรุนแรงอยู่พอสมควรครับ โครงเรื่องและปริศนาต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดีไม่น้อย เรียกได้ว่าถูกใจคอแนวสืบสวนสอบสวนฆาตกรรมแน่นอนครับ การดำเนินเรื่องก็จะค่อยๆ หยอดปมปริศนาต่างๆเข้ามา โดยที่แก้เสร็จแล้วก็จะมีปมปริศนาขึ้นมาใหม่ให้แก้ต่อไปเรื่อยๆ ตลอดทั้งเรื่อง มองผิวเผินอาจจะดูมันเป็นประเด็นที่แตกต่างกันออกไป แต่พอนำมาจับมารวมกันจะรู้เลยว่าที่ปมปริศนาต่างๆ มันเชื่อมโยงกันอย่างไม่น่าเชื่อ

โดยสิ่งที่ทำให้ชอบเรื่องนี้ ก็คือการแก้ไขคดีและปริศนาต่างๆ ของตัวพระเอกโดยการเขียนทฤษฏีและถอดรหัสแปลกๆออกมา ทั้งการเคาเดาความเป็นไปได้ ทุกอย่างที่ต้องใช้ในการแก้ไขคดี มันเหมือนกับว่าเอาตัวเองจำลองเข้าไปอยู่ในคดีหรือเหตุการณ์นั้นๆ ยิ่งดนตรีประกอบตอนไขคดีนี้ชวนบิ้วอารมณ์มากๆ ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้สนุกเกินคาดมากครับ ในช่วงแรกของเรื่องจะเน้นการสืบสวนคดีฆาตกรรมของ คิลเลอร์บี และเหตุการณ์อาชญากรรมวุ่นวายที่เกิดขึ้นโดยผู้ก่อการร้ายกลุ่มหนึ่ง โดยจะมีทฤษฎีสมคบคิดและแผนการต่างๆ ที่เป็นแบบแผนซ้อนแผน ทำให้ยิ่งซับซ้อนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ มันชวนให้สนุกตื่นเต้นและน่าติดตามตลอดเวลา โดยช่วงนี้ก็จะมีการแก้ไขคดีและฉากแอคชั่นมาเป็นพักๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเน้นไปที่การไขคดีซะมากกว่า

ช่วงหลังเนื้อเรื่องมันเข้มข้นและหนักขึ้นเรื่อยๆ ตัวเรื่องค่อยๆเข้าที่เข้าทางมากขึ้น แต่ก็พอเดาเนื้อเรื่องออกได้แล้วว่าใครเป็นใคร รู้สึกว่ารีบเฉลยปมต่างๆเร็วไปหน่อย ทั้งปมเรื่องราวในอดีตที่ทำให้รู้ว่าตัวละครมีความสัมพันธ์กันมากกว่าที่คิดมาก ปมแรงจูงใจของตัวละคร รวมไปถึงปมเบื้องหลังการทดลองในการสร้างอมนุษย์ขึ้นมา แต่ความสนุกมันอยู่ตรงที่วิธีการของตัวละครมากกว่า สร้างแผนการที่ดูตบตาให้เชื่อไปอย่างนั้น แล้วก็หักมุมทีหลังได้โหดมากจริงๆ

การดำเนินเรื่องก็จะมีหลายมุมมองมากครับ เพราะใช้หลายตัวละครแต่ตัวละครเด่นๆ ก็จะเป็น คีท ลิลลี่ และทีมตำรวจที่เป็นส่วนของการไขคดีและปริศนาต่างๆแล้วก็ คีลเลอร์บี และกลุ่มองค์กรปริศนาที่เป็นอมนุษย์ ที่จะเน้นไปทางฉากต่อสู้แอคชั่นแฟนตาซีมันส์ๆไปเลย ตัวละครทุกคนล้วนสำคัญกับตัวเรื่องมาก ฉากต่อสู้เรียกได้ว่าจัดเต็มแบบสะใจมาก รู้สึกดุเดือดสมกับเป็นการต่อสู้ของผู้ที่เหนือมนุษย์จริงๆ มันรวดเร็วแต่ก็พริ้วไหว ด้วยที่งาพภาพที่สวยงาม เก็บรายละเอียดเล็กน้อยต่างๆได้ดีมาก แทบไม่มีงานเผาเลย แต่น่าเสียดายที่มีฉากแอคชั่นน้อยไปหน่อยเท่านั้นเองครับ

ต้องขอคาราวะคนเขียนบทครับ สุดยอดมากไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาตั้งแต่ดู The Dark Knight ตัวอนิเมะเลือกที่จะค่อยๆ หยอดปริศนาทีละนิดๆให้เรา พอแก้ปริศนาได้ก็มีปริศนาต่อไปโยนเข้ามาอีก กล้าพูดเลยว่าตลอด12ตอนนั้น ไม่มีช่วงไหนน่าเบื่อเลย งานภาพผมพยามยามจับผิดตลอดทั้งเรื่อง แต่เชื่อมั้ยแทบไม่เจอเลยภาพสวยมาก ชอบแบ็คกราวเรื่องนี้มาก โมเดล3D ในเรื่องก็ไม่น่าเกลียด ฉากดิบเถื่อนเลือดสาดทำได้ดีเลย

ฉากต่อสู้ทำได้ดีมาก พริ้วไหวไม่ค่อยเจองานเผาด้วย ทั้งประกายไฟละอองน้ำค่อนข้างเก็บรายละเอียดได้ดีเลยครับ ตัวละครมีหลายมิติ มีเอกลักษณ์มีแรงจูงใจในการกระทำต่างๆ เพลงประกอบ ตอนไขปริศนาก็บิ้วได้ดี ตอนต่อสู้ก็จังหวะ เข้ากันครับ ผมชอบเพลงจบมากเลย ปล.มีเอนเครดิตในฉากจบชวนหวือมากครับ และคาดว่ามีซีซั่นต่อไปแน่นอน รับชมได้แล้วบน NetFlix

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว อนิเมะ 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง Howling Village อุโมงค์ ผีดุ

รีวิว หนัง Howling Village อุโมงค์ ผีดุ ผลงานกำกับของ ผู้กำกับหนังสยองขวัญอย่าง Ju-On และ Howling Village อุโมงค์ผีดุ ซึ่งอ้างอิงจาก อุโมงอินุนาคิ และสร้างความสะพรึงต่อชาวญี่ปุ่นจนคว้าอันดับ 1 BOX OFFICE ประเทศญี่ปุ่น [ สปอยนิดๆ ]

รีวิว หนัง Howling Village อุโมงค์ ผีดุ หนังว่าด้วยเรื่องราวเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นรอบตัวนักจิตวิทยาสาวโมริตะ คานาเดะ มี ตั้งแต่ผู้หญิงร้องเพลงเด็กพี่น้องสูญหายและปริศนาการตายต่อเนื่องที่ไม่ทราบสาเหตุเธอฉุกคิดได้ว่าทุกคนในนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุโมงค์ อินุนากิ ที่ถูกสาป คานาเดะ มุ่งไปยังอุโมงค์เพื่อตามหาความจริง

“ยูมะ” และ “อากินะ” แฟนสาวของเขา ได้เผลอรับโทรศัพท์ปริศนาที่ตู้สาธารณะ แล้วลองเข้าไปยังอุโมงค์ อินุนากิ เพื่อเล่นกิจกรรม “ทดสอบความกล้า” ซึ่งพวกเขาเกือบจะถูกฆ่าตายและดูเหมือนว่า อากินะ จะเสียสติไปแล้ว ยูมะ ได้ปรึกษากับน้องสาว “คานาเดะ โมริตะ”  จิตแพทย์ที่มีสัมผัสที่หก เพื่อหาสาเหตุของอาการของ อากินะ หลังจากนั้นไม่นาน อากินะ ก็ฆ่าตัวตาย ทำให้ยูมะได้พาพรรคพวกกลับไปที่นั่นอีกครั้ง เพื่อหาความจริง แต่เพื่อนของเขาก็เสียชีวิตอย่างลึกลับ ในตู้โทรศัพท์ใกล้หมู่บ้าน ซึ่งตั้งอยู่นอกอุโมงค์

เมื่อยิ่งสืบ ก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวของหมู่บ้านนี้ชัดเจนขึ้น มันมีเหตุบางอย่างที่ทำให้หมู่บ้านนี้ และอุโมงค์ปริศนายังคงอยู่ คานาเดะ ก็เริ่มที่จะตระหนักดีว่าบรรพบุรุษของเธอ ก็อาจเป็นสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวก็เป็นได้

อุโมงค์อินุนากิ ตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุโอกะ ที่นี่ถูกสร้างในช่วงปี 1886 และสร้างเสร็จในปี 1949 แต่ด้วยความที่อุโมงค์นี้ตั้งในป่าลึก และวังเวง ทำให้รัฐบาลได้สร้าง “อุโมงค์ใหม่ อินุนาคิ” เพื่อทดแทน ส่วนอุมฌงค์เก่านั้นถูกปิดตาย และกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมของเหล่ากุ๊ย นักซิ่งแว้น และยากูซ่า ที่มักจะเอาศพคู่อริมาทิ้งหมกไว้ที่นี่ และยังเป็นหนึ่งในที่ๆยอดฮิตในการฆ่าตัวตาย คดีฆาตกรรม

สรุปโดยภาพรวมแล้ว Howling Village อุโมงค์ผีดุ จึงเป็นภาพยนตร์ที่ทำออกมาได้ เกือบดี ภาพรวมนั้นเล่าเรื่องได้น่าสนใจ มีการผูกเงื่อนงำให้ชวนน่าติดตาม มีจังหวะจะโคนความหลอนและตกใจที่ดีงามชวนขนลุก แต่มีปัญหาในตอนจบที่รู้สึกว่าเล่นใหญ่ไปหน่อย และมีช่องโหว่อยู่บางจุด โปรดัคชั่นโดยภาพรวมนั้นทำได้โอเค ไม่ได้เน้นความล้ำมากมาย แต่ก็นำเสนอภาพด้วยเทคนิค

พิเศษสเปเชียลเอฟเฟ็คพื้นฐานได้อย่างดี สมจริง เพลงประกอบก็หลอนใช้ได้ ใครเป็นคอหนังผีญี่ปุ่น ชอบงานของผู้กำกับหนังผีจูออน ชอบฟีลหนังผีญี่ปุ่นหมู่บ้านหลอนๆ ไม่ผิดหวังแน้นอน แอดขอบอก

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง Saving Private Ryan เซฟวิ่ง ไพรเวท ไรอัน ฝ่าสมรภูมินรก

รีวิว หนัง Saving Private Ryan เซฟวิ่ง ไพรเวท ไรอัน ฝ่าสมรภูมินรก หนังสงครามอาจเป็นหนังที่หลายคนไม่ชอบ เพราะส่วนใหญ่ก็จะรู้กันอยู่แล้วว่ามันมักจบแบบใหน คือถ้าไม่อยากดราม่า น้ำตาแตกก็คงไม่ดูกัน แต่สำหรับเรื่องนี้เป็นหนังสงคราม ที่ถึงแม้คนไม่ชอบหนังแนวนี้ก็ยังต้องดู แถมยังติดอันดับหนังดี ในใจของใครหลายคนด้วย [ สปอยนิดๆ ]

รีวิว หนัง Saving Private Ryan เซฟวิ่ง ไพรเวท ไรอัน ฝ่าสมรภูมินรก นี่เป็นหนังที่มีแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง เป็นเรื่องราวของทหารกลุ่มหนึ่งในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากที่บุกขึ้นหาดได้เสร็จในวันดีเดย์ หลังจากนั้น 3 วัน ร้อยเอกจอห์น มิลเลอร์ได้ถูกมอบหมายภารกิจพิเศษโดยให้ไปตามหาและพาตัวพลทหารเจมส์ ไรอันกลับมาบ้านแบบมีชีวิต เนื่องจากพี่น้องของเขาทั้ง3คน ที่เป็นทหารเหมือนกัน ได้เสียชีวิตในสนามรบไปหมดแล้วในเวลาไล่เลี่ยกัน ( ในเรื่องจริง มีพี่น้องคนหนึ่งไม่ได้เสียชีวิต แต่ถูกทางกองทัพญี่ปุ่นจับตัวไป แต่มารู้ข่าวในภายหลัง ) นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของตระกูล

ทางกองทัพจึงอยากจะตอบแทน แม่ของไรอันโดยการตามตัวไรอัน ซึ่งเป็นลูกชายคนสุดท้องกลับคืนสู่ครอบครัวแบบเป็นๆ หลังจากที่โดดร่มแล้วหายตัวไปในสนามรบ ปฏิบัติการณ์นี้มีร้อยเอกจอห์นเป็นหัวหน้าทีม นี่เป็นภารกิจที่เสี่ยงอันตรายมาก มันจึงมาพร้อมกับคำถามอยู่ตลอดเวลาว่าคุ้มค่าแล้วหรือ ที่จะส่งกำลังทหารหลายนายเข้าไปเสี่ยงชีวิต เพื่อช่วยคนเพียงคนเดียว เพราะทหารคนอื่นก็มีครอบครัวที่ต้องกลับไปหาเช่นเดียวกัน จึงทำให้ปฏิบัติการณ์ครั้งนี้เหล่าทหารต้องสู้ทั้งศัตรูและสู้ทั้งความสับสนที่กัดกินจิตใจด้วย

หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่หลายคนยกขึ้นหิ้งว่าเป็นที่สุดของหนังสงคราม เพราะมีครบทุกรสชาติทั้งสนุก มันส์ เศร้า ซึ้งและดราม่า หนังสื่อสารกับผู้ชมถึงความโหดร้ายและความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากสงครามได้เป็นอย่างดี ฉากเปิดเรื่องประมาณ 15 นาทีแรกกับฉากตอนจบเป็นอะไรที่ประทับใจผู้ชมมานานหลายปี ฉากในเรื่องบอกเลยว่าฆ่าเป็นฆ่า เลือดเป็นเลือด ใครไม่ค่อยชอบเลือดอาจไม่เหมาะกับเรื่องนี้ แต่มันเป็นหนังดีที่ควรค่าแก่การชมจริงๆ สุดท้ายแล้วทหารมากมายได้สละชีวิตไปในปฏิบัติการณ์นี้ ไรอันได้กลับบ้านอย่างปลอดภัยพร้อมกับความรู้สึกขอบคุณและคำถามที่เกิดขึ้นในใจไปตลอดชีวิตเช่นเดียวกัน

Saving Private Ryan เป็นภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่และได้รับการจับตาเป็นอย่างมากในปี ค.ศ. 1998 อีกทั้งเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดประจำปีนั้นด้วย โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับความสูญเสียของกำลังทหารและชีวิตผู้คนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของสงคราม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในฉากเปิดเรื่องที่ยาวกว่า 10 นาที ที่เป็นการบุกหาดโอมาฮ่า ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสมรภูมิที่สูญเสียที่สุดของกองทัพสหรัฐอเมริกา ได้รับคำวิจารณ์ว่าทำได้เสมือนจริงอย่างมาก และหลายคนได้นำไปเปรียบเทียบกับภาพยนตร์แนวเดียวกันในอดีต อย่าง The Longest Day ในปี ค.ศ. 1962

เมื่อเข้าฉายแล้ว ได้รับการจับตาอย่างยิ่งว่าจะคว้ารางวัลได้หลายรางวัล ทั้ง รางวัลออสการ์หรือรางวัลลูกโลกทองคำ รวมทั้ง รางวัลอื่น ๆ ด้วย ซึ่งภาพยนตร์ก็คว้าได้หลายรางวัลด้วยกัน โดยเฉพาะการแสดงที่โดดเด่นอย่างมากของ ทอม แฮงค์ และเจเรมี เดวีส์ ที่รับบทเป็นพลทหารอับฮัม ที่ตื่นตระหนกตลอดเวลา เป็นเหมือนลูกไล่และจุดอ่อนของกองกำลัง

ซึ่งในระหว่างที่เข้าฉายนั้น ก็มีภาพยนตร์ในแนวเดียวกัน คือ The Thin Red Line ของทเวนตี้ เซนจูรี ฟอกซ์ เข้าฉายในเวลาเดียวกัน เสมือนเป็นคู่แข่งและคู่เปรียบเทียบ ในรางวัลออสการ์มีชื่อเข้าชิงมากถึง 11 รางวัล ประกอบไปด้วย รางวัลใหญ่ ๆ ด้วยกัน เช่น ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, บันทึกภาพยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม, บันทึกเสียงยอดเยี่ยม เป็นต้น คอหนังสงครามห้ามพราดเด็ดขาด มีให้ชมแล้วบน netflix

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง Monster Hunter มอนสเตอร์ ฮันเตอร์

รีวิว หนัง Monster Hunter มอนสเตอร์ ฮันเตอร์อสุรกายยักษ์ กับเหล่านักล่า ผีชีวะ ปะทะ จา พนม [ สปอยนิดๆ ]

รีวิว หนัง Monster Hunter มอนสเตอร์ ฮันเตอร์ กองทัพสหรัฐที่นำโดย กัปตันหญิง นาตาลี อาร์ทีมิส หัวหน้าทีมทหารชั้นยอดแห่งสหประชาชาติ ได้ลงพื้นที่ ไปสืบหาการหายตัวของหน่วยทหารอัลฟ่าที่หายไประหว่างการทำภารกิจ ณ ทะเลทรายแห่งหนึ่ง ทว่า ที่นั่น พวกเขากลับถูกประตูมิติแกนวาร์ปส่งเข้ามาอีกโลก ที่ซึ่งมีอสูรกายยักษ์ที่อาวุธระดับกองทัพยังไม่อาจทำอะไรได้ กองทหารถูกเล่นงานทีละคนๆ พวกเขาได้พบว่าในโลกนี้มีนักล่าอสูรปริศนาที่มีทักษะพิเศษเรียกว่า ฮันเตอร์อยู่ พวกเขาจึงต้องร่วมมือกับนักรบต่างโลก เพื่อต่อสู้ เอาชีวิตรอด และฟาดฟันกับอสูรกายนานาพันธุ์ เพื่อกลับสู่โลกของพวกเขาให้ได้ พร้อม ๆ กับไขปริศนาต้นตอของเหตุการณ์ทั้งหมดที่อาจพลิกชะตาทั้งสองโลกได้

ด้วยความที่ดูสนุก อสูรกายที่ออกมาจึงยิ่งใหญ่และน่าตกตะลึงมาก อย่าง เดียอาโบ ราทาลอส และอีกกว่าสิบชนิดที่แฟนเกมส์จะได้เห็นในหนังเรื่องนี้ ยังไม่รวมกับตัวละครจากในโลกเกมส์ที่ได้มามีชีวิตในหนังด้วย ไม่รวมกับตัวละครหลักอย่าง อาร์ทีมิสที่แบกทั้งเรื่อง แบกฉากแอ็คชั่น แบกฉากตลก เด่นที่สุดในเรื่อง เด่นแบบเอ้อ ถ้าเป็นคนอื่นคือไม่น่ารอด การวางท่วงท่าการต่อสู้ที่ไม่มีศิลปะแบบในเกมส์ที่มีท่วงท่าสวยงาม กลับมีเพียงกระโดด ฟาด ฟัน ยิง แบบหนังมอนสเตอร์ทั่วไป ที่พอจะอุ่นใจได้บ้างคือการที่ได้เห็นสถานที่ หรือวัตถุดิบจากเกมส์บางส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในเนื้อเรื่อง

หนังจากเกมส์ยังคงถูกสร้างกันมาอยู่เรื่อยๆ นัยว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีกลุ่มเป้าหมายขนาดใหญ่ที่ค่อนข้างแน่นอน แต่บางเกมส์ก็ไม่ได้จำเป็นมากนักที่คนมาดูจะต้องเคยเล่นเกมส์มาก่อนถึงจะรู้เรื่อง อย่างเช่น Monster Hunter [ ที่ชื่อไทยไม่ต้องตั้งใหม่ เอาทับศัพท์ไปเลย มอนสเตอร์ ฮันเตอร์ ] เรื่องราวของโลกสองใบที่นางเอกจากโลกเราได้ก้าวข้ามไปสู่โลกใหม่แล้วเจอกับเหล่าสัตว์ประหลาด

แต่กระนั้นสิ่งที่น่าจะทำให้ผู้ชมได้รับความบันเทิงได้เต็มที่จริง ๆ ก็คือการมีอยู่ของพี่จา พนมนี่แหละครับเพราะต่อให้หนังเอาพี่จาเรามาแต่งตัวประหลาดแถมให้สวดมนต์ด้วยภาษามั่วๆ จนดูตลกแต่ซีนแอ็กชันต้องยอมรับว่าแกเท่จริงๆ นั่นแหละและดูแล้วเชื่อเลยว่าหากมอนสเตอร์ดุๆ บุกโลกแค่มีพี่จาอยู่ เราก็น่าจะปลอดภัยแน่ๆ ด้วยสกิลการโดดระดับ ชอลิ้วเฮียง ผสมฟงอวิ๋น และคมดาบยักษ์ของแกซึ่งก็ถือว่าน่าภูมิใจ ที่คนไทยของเรากลายเป็นหนึ่งในข้อดีของหนังได้ขนาดนี้นะครับ

ถ้าใครอยากดูหนังมันส์ๆ เรื่องนี้เลยละ แต่ถ้าใครคาดหวังเนื้อเรื่องดีๆ สไตล์ผู้กำกับคนนี้ผมแนะนำ หนังยังจบเหมือนกับภาคแรกเป็นแค่ปฐมบทน้ำจิ้มเล็กๆ ภาคสองคือของจริง ถึงจะทำรายได้ไม่ดี แต่ตอนนี้ทางผู้กำกกับก็เขียนบทเตรียมทำภาคต่อเรียบร้อยแล้ว กับรายได้ที่เรียกว่าขาดทุนในตอนนี้ คงไม่เจ็บตัวหนักเท่าไหร่นัก แต่ถึงยังงั้น ผมก็อยากเห็นภาคต่ออยู่นะ ว่ามันจะไปสุดแค่ไหน และเราจะได้เห็นอสูรกายตัวไหน ในเกมส์ได้ปรากฏตัวบนจอเงินอีก ถือเป็นหนังที่นานาจิตตังแล้วกัน พูดเท่านี้  มันเป็นหนังจากเกมส์ที่ใส่ความเกมส์กับความมัน เข้าไปในเวลาเดียวกัน เอาเป็นว่าคอเกมส์ คอแอ็คชั่นห้ามพลาดเด็ดขาด

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง Pee Nak พี่นาค

รีวิว หนัง Pee Nak พี่นาค หนังไทยที่ปัจจุบัน 100 ล้านไปแล้ว ทำไม เพราะอะไร ทำหนังแบบนี้ก็ได้ร้อยล้านแล้วใช่มั้ย [ สปอยนิดๆ ]

รีวิว หนัง Pee Nak พี่นาค โหน่ง หนุ่มหล่อวัยเบญจเพสสุดซวย ที่ถูกหักอก และตกงานในเวลาเดียวกัน เขาหอบหิ้วความเสียใจขึ้นรถโดยสาร เพื่อเดินทางกลับไปพักใจที่บ้านเกิด แต่กลับซวยซํ้าสอง เมื่อไปเจอกับเพื่อนเก่าอย่าง บอลลูน เฟิร์ส และก๊อต แก๊งกระเทยเพื่อนซี้ หอบหิ้วดีกรีแฟชั่นนิสต้า ที่หวังเคลมโหน่งอย่างออกนอกหน้าจนโหน่งเอือมระอา แต่เพื่อนซี้มีอันต้องซี้ไปจริงๆ เมื่อรถโดยสารที่พวกเขานั่งมา เกิดอุบัติเหตุจนทําให้ก๊อตเสียชีวิต ทั้งสามโศกเศร้า และยังหวาดผวาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงตกลงปลงใจจับมือพากันไปบวชล้างซวย แต่เคราะห์ซํ้ากรรมซัดขัดใจตุ๊ด เมื่อวัดที่ทั้งสามคนตั้งใจไปขอบวชนั้น มีเรื่องเล่าขานว่าวัดนี้มีผีพี่นาคที่เฮี้ยนแรงขั้นสุด เกิดเป็นอาถรรพ์อันน่าสะพรึงรอคอยอยู่ งานบวชก็ต้องมี เรื่องผีก็โผล่มา กลายเป็นความผวาเลเวลอัพ ทั้งสามจึงรวมพลังตั้งสติวีนวัดแตก เพื่อให้ได้บวชอย่างที่ตั้งใจ แต่การบวชครั้งนี้จะลุล่วงสมปรารถนา หรือพวกเขาจะกลายเป็นผีนาคเฝ้าวัดสานต่อตํานานสยองพี่นาคคนต่อไป

หนังขึ้นชื่อว่าเป็นหนังผีตลกอีกเรื่องหนึ่ง แบบว่าทำมายังไงก็ไม่ขาดทุน ในส่วนของความเป็นผีนั้นต้องชื่นชม ผกก. ที่มาจากสายงานกำกับศิลป์ หนังไทยมาหลายต่อหลายเรื่อง ลองมาหมดแล้วแทบทุกแนว จึงแม่นในการสร้างบรรยากาศความหลอนได้สะพรึงมาก ทั้งวัดป่ากลางหุบเขาไร้ผู้คน ศาลเพียงตาที่ตั้งให้นาคที่ตายไปก่อนได้บวช จนมีตำนานว่าใครมาบวชวัดนี้ก็มักจะต้องตายไปก่อน ฉากการแห่นาคผีที่ทั้งขบวนเป็นคนไร้หัว และลานรูปปั้นพระอรหันต์เป็นสิบเป็นร้อย ที่วัดใหญ่ชอบปั้นรายล้อมพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ทั้งที่น่าจะอุ่นใจศักดิ์สิทธิ์ ก็เอามาขยี้ได้น่ากลัวด้วยเช่นกัน

จะเห็นได้ชัดเจนว่าในช่วงแรก หนังได้เอาความสยองขวัญกับความตลก มาใส่ไว้ด้วยกันซึ่งก็ทำออกมาได้ดี มุกแต่ละมุกก็ฮาใช้ได้ แต่ก็ไม่ถึงกับขำก๊าก ส่วนในเรื่องของความน่ากลัว ก็อย่างที่บอกว่ามันหลอนจริงๆ ยิ่งได้ดนตรีประกอบของไทย มาใส่ก็ยิ่งทำให้นึกถึงหนังผีสมัยก่อนที่ได้ยินแค่เสียงก็กลัวจนขนหัวลุกแล้ว แต่หนังยังมาตกม้า ( เกือบ ) ตายในตอนท้ายที่แม้ว่าจะพยายามขมวดปมจบแบบเคลียร์ๆ ซึ้งๆ แต่ก็ยังทิ้งบาดแผลไว้หลายจุด ซึ่งบางเรื่องมันก็ไม่ได้มีความสมเหตุสมผลมากนัก และในบางฉากก็ยังใส่เรื่องราวเกี่ยวกับการบวชนาคในพุทธประวัติ ซึ่งทำออกมาแล้วดูไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันเท่าที่ควร

อย่างไรก็ตามโดยภาพรวมของ พี่นาค ก็สามารถตอบโจทย์ความสนุกได้ดีทีเดียว ทั้งในเรื่องของความสยดสยอง จากผีที่มีแรงอาฆาตสูง และเรื่องราวความตลกจากทุกๆ ตัวละครที่ช่วยกันส่งให้หนังไม่น่าเบื่อ โดยเฉพาะตัวละคร บอลลูน รับบทโดย เอม ตามใจตุ๊ด ผู้ซึ่งมีความตลกอย่างเป็นธรรมชาติและมีส่วนอย่างมากที่ทำให้หนังออกมาสนุกได้ขนาดนี้ เรียกได้ว่าสนุกครบทุกรสเลยทีเดียว หากคาดการณ์จากตอนจบของเรื่องก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีเรื่องราวภาคต่อซึ่งถ้าทำออกมาจริงๆ ก็เชื่อว่าน่าสนใจไม่น้อย

สำหรับ พี่นาค หนังสยองขวัญคอมเมดี้จากฝีมือการกำกับของ ไมค์ ภณธฤต ที่เคยฝากผลงานความหลอนไว้ใน มอญซ่อนผี เมื่อ 4 ปีที่แล้ว คราวนี้ได้หยิบเอาเรื่องราวการบวชนาคสุดสยองมาถ่ายทอดบนจอเงิน ซึ่งงานนี้ยังได้นักแสดงฝีมือเยี่ยม ชิน ชินวุฒ มารับบทบาทสำคัญ พร้อมด้วยแก๊งหนุ่มๆ ที่จะมาบวช นำโดย ออกัส วชิรวิชญ์, เจมส์ ภูริพรรธน์, เอม ตามใจตุ๊ด ร่วมด้วยนักแสดงมากฝีมืออีกเพียบ เป็นอีกหนึ่งหนังที่บันเทิงน่าจะถูกใจคอหนังผีตลกไทยครับ ใครชอบแนวนี้ และเบื่อๆกับโควิด ก้หาดูได้แบบเพลินๆนะครับ

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์ ไทย

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง detective-chinatown แก็งค์ม่วนป่วนเยาวราช

รีวิว หนัง detective-chinatown แก็งค์ม่วนป่วนเยาวราช กับภาพยนต์ แอ็คชั่น คอมเมดี้ แนวสืบสวน สอบสวน มีกลิ่นอาย โคนันนิดๆ [ สปอยนิดๆ ]

รีวิว หนัง detective-chinatown แก็งค์ม่วนป่วนเยาวราช กับเรื่องราวของ ฉินเฟิง หนุ่มหล่อผู้มีความสามารถพิเศษแต่กลับไม่ผ่านการสอบสัมภาษณ์เข้าโรงเรียนตำรวจที่จีน ยายของเขาจึงให้เขามาผ่อนคลายที่เมืองไทยและให้มาอาศัยอยู่กับ ถังเหริน ญาติของเขาซึ่งมีศักดิ์เป็นลุง ทุกคนเข้าใจว่า ถัง เป็นสุดยอดนักสืบในเยาวราชแต่จริงจริงแล้ว ถัง เป็นคนหื่นตัวพ่อ และหลังจากคืนที่เขาไปเมาเละเทะกับสาวสาวมา จู่ ๆ เขากลายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมสุดแสนลึกลับ ทำให้หลานชายกับลุงสุดแสบต้องหนีสุดแผ่นดิน

Detective Chinatown แก็งค์ม่วนป่วนเยาวราช ภาพยนตร์เรื่องนี้แม้จะเต็มไปด้วยเหตุการณ์วุ่นวาย ซับซ้อน บ้าระห่ำ แต่ก็แฝงด้วยความสนุกสนาน นักแสดงทุกคนล้วนแสดงในบทที่ตัวเองไม่เคยได้รับมาก่อน เชื่อเหลือเกินว่าผู้ชมทุกคนจะประทับใจ และคุณจะรู้สึกคุ้มค่ากับเวลา 2 ชั่วโมงที่ดูหนังเรื่องนี้ โดยมีการวางพล็อตหนังในสไตล์นักสืบโคนันเวอร์ชั่นจอมเปิ่น ผสมกับความเป็นแอ็คชั่นบวกเกรียนฮา จึงให้ผลลัพธ์ที่ดูแล้วสนุกเกินคาด

แก๊งม่วนป่วนเยาวราช จากทีมสร้าง แก๊งม่วนป่วนไทยแลนด์ หนังที่ไม่รู้จะดูอะไร แต่ก็เอาวะหนังต่างชาติที่มีเมืองไทยเป็นฉากหลังก็ต้องดูละนะ ด้วยความที่ไม่ได้หวังอะไรเลย นอกจากความตลก เพราะดีกรีว่า3,500ล้านใน15วัน มันต้องมีอะไรดีบ้างละวะ พอได้ดูก็หัวโล่งเลยไม่คิดอะไรมาก พอดูไปก็อุทานว่า”เฮ้ย อะไรวะ สนุกกว่าทีคิดไว้อีก แบบเกินค่าด และน่าติดตาม “

ทุกตัวละครมีบทบาทหมด ไม่ใช่แค่โผล่มาฮาเฉยๆ เพราะเรื่องราวเกี่ยวกับการฆาตกรรม มีเหยื่อคนนึงตายไป และตัวเอกของเราโดนใส่ความว่า ( เอ็งน่ะเป็นฆาตกร ) เลยทำให้หลานชายที่บ้านักสืบโคนันต้องช่วยเหลือ เรื่องราวเต็มไปด้วยความป่วน ป่วนเยาวราชจริงๆ แต่ก็ไม่ทำให้เมืองไทยดูเสียหาย จะมีก็ทำตำรวจไทยออกมาขำๆ เรื่องการสืบคดีในเรื่องให้มาแนว hot fuzz zootopia เลยทีเดียว ยากเลยล่ะที่จะเดาตัวฆาตกรได้

เอาว่าหนังเรื่องนี้มันสนุกมาก และหนังได้ออกฉายในประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา และสหราชอาณาจักรฯ เป็นที่ฮือฮาในฝั่งอเมริกาอย่างมาก ซึ่งในหนัง Detective Chinatown (ดีเทคทีฟ ไชน่าทาวน์) ภาคนี้ฮือฮากว่าเดิมจนทำให้กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทยได้อย่างมากมาย ถ้าไม่มีโควิดนะ

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์ จีน    

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง Doraemon : Nobita’s New Dinosaurไดโนเสาร์ตัวใหม่ของโนบิตะ

ภาพยนตร์ ที่สุดแสนประทับใจ ของโนบิตะ ที่แฟนหนังต้องเสียน้ำตา [ ไม่สปอยนะ ]

รีวิว หนัง Doraemon : Nobita’s New Dinosaurไดโนเสาร์ตัวใหม่ของโนบิตะ โนบิตะได้ค้นพบไข่ไดโนเสาร์จากนิทรรศการไดโนเสาร์ ก่อนที่จะฟักเป็นตัวออกมา เป็นไดโนเสาร์พันธุ์ขนสีเขียว และ สีชมพู ที่โนบิตะตั้งชื่อว่า คิว และ มิว ทั้งสามเริ่มผูกพันต่อกัน ทว่าโลกใบนี้ไม่ใช่โลกที่เหมาะสมกับไดโนเสาร์อย่าง คิวและมิว โดราเอมอนและผองเพื่อนจึงขอให้โนบิตะพาคิวและมิว กลับไปหาพวกที่อยู่ในยุคครีเตเชียส แต่กลับต้องเผชิญกับดาวหางทำลายล้าง ที่กำลังจะโคจรเข้ามาใกล้โลกขึ้นทุกที โนบิตะจะสามารถตามหาผองเพื่อน และปกป้องคิวและมิวจากมหันตภัยร้ายครั้งนี้ได้หรือไม่ หรือสุดท้าย ประวัติศาสตร์จะเป็นสิ่งที่ไม่อาจหวนกลับไปแก้ไขซ้ำได้อีกแล้ว

เรียกได้ว่าเป็นวาระที่น่ายินดีของแฟนๆ โดราเอมอน ทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก เพราะว่าการ์ตูนขวัญใจหนูๆ น้องๆ ( และผู้ใหญ่หัวใจอ่อนโยน ) เรื่องนี้ มีอายุครบรอบ 50 ปีพอดิบพอดี เรียกได้ว่าเป็นการ์ตูนในตำนาน ที่อยู่ร่วมสมัยมาอย่างยาวนานหลายรุ่น และการผจญภัยของโดเรมอน โนบิตะ และเหล่าผองเพื่อนก็ยังคงโลดแล่นต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่าผู้ให้ต้นกำเนิดโดราเอมอนอย่างอาจารย์ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ จะจากเราไปนานแสนนานแล้ว

ถ้าพูดถึงไดโนเสาร์ของโนบิตะในปี 2006 นั้นมี พีสุเกะ เป็นเหมือนเพื่อนคู่ใจของโนบิตะแต่แล้วก็ต้องแยกจากกัน จนกลายเป็นความประทับใจของแฟนๆ โดราเอมอนมาแล้วทั่วโลก และการกลับมาของโนบิตะในภาคนี้ ก็ถือว่าเป็นการสานต่อความสำเร็จนั้น ด้วยการหยิบแก่นเรื่องของการผจญภัยในโลกยุคไดโนเสาร์กลับมาอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เหตุการณ์ก็ค่อนข้างจะคล้ายกับภาคเก่าอยู่พอสมควรเหมือนกัน คราวนี้โนบิตะดันไปพบกับไข่ฟอสซิลโดยบังเอิญในขณะที่ไปเที่ยวนิทรรศการไดโนเสาร์ โนบิตะก็เลยเอากลับมา แล้วใช้ผ้าคลุมกาลเวลาของโดราเอมอน จนกระทั่งไข่ฟักออกมาเป็นไดโนเสาร์ฝาแฝดน่ารัก 2 ตัว คือคิว กับ บิว ทั้งสองนั้นเป็นเหมือนแฝดกัน รับรองโดราเอมอนภาคนี้ประทับใจไม่แพ้ภาคก่อนหน้าอย่างแน่นอน

โดยเฉพาะในทุกๆปี นอกจากที่เราจะยังคงได้ชมความสนุกผ่านทางจอทีวีแล้ว โดราเอมอนก็ยังออกมาโลดแล่นผ่านจอภาพยนตร์ ในรูปแบบของภาพยนตร์เรื่องยาวที่มีมาต่อเนื่องในทุก ๆ ปี และมาถึงปีนี้ ด้วยวาระเวลาที่มาบรรจบกับการฉลองครบรอบ 50 ปีพอดี พี่ม่อนของเราก็ไม่พลาดที่จะพาไปผจญภัยกับ “ โดราเอมอน เดอะ มูฟวี่ ” ซึ่งภาคนี้เป็นโดราเอมอนในรูปแบบภาพยนตร์ลำดับที่ 40 พอดิบพอดี

เนื้อหาของภาคนี้กับภาคที่แล้ว ถือว่ามีอะไรที่คล้ายคลึงกันอยู่มากทีเดียว โดยเฉพาะเมนพล็อต ต้น-กลาง-จบ ที่เหมือนซะอย่างกับแกะกันมาเลย แต่ถึงแม้ว่าเนื้อหาในภาคนี้จะจั่วหัวไว้ว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ภาคแรก ( เจอกับพีสุเกะ ) ไม่กี่อาทิตย์ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ในภาคนี้ถือว่าเป็นภาคที่มีความแตกต่าง ในแง่ของซับพล็อตที่ทำได้สนุกและแตกต่างจากภาคที่แล้วมากๆ ใครที่เป็นแฟน โดราเอมอน ตั้งแต่ยุคแรก ห้ามพราดเด็ดขาด

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว อนิเมะ 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง Space Sweepers ชนชั้นขยะ ปฏิวัติจักรวาล

หนัง ไซไฟ อวกาศของแก๊งกวาดขยะนอกโลกจากแดนกิมจิ ก่อนจะพบเจอหนูน้อยที่เขาว่าเป็นแอนดรอย์ทำลายล้าง [ แอบสปอยนิดๆ ]

รีวิว หนัง Space Sweepers ชนชั้นขยะ ปฏิวัติจักรวาล 3 มนุษย์ กับอีก1หุ่นยนต์ ที่รวมตัวกันเป็นสลัดอวกาศล่าขยะมีค่าที่ลอยเคว้งอยู่นอกโลกในปี 2092 แต่ความซวยก็ดันมาเยือน เมื่อพวกเขาดันไปเก็บอาวุธระเบิดมหาประลัย ในรูปของเด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มเข้าเสียได้ แต่ดูเหมือนส้มจะหล่น เพราะมีองค์กรก่อการร้าย พร้อมจะจ่ายให้ไม่อั้นเพื่อแลกตัวเด็กน้อยคืน สุดท้ายกลายเป็นสงครามสาดแสงเลเซอร์ กลางอวกาศเพื่อแย่งตัวแบบมะรุมมะตุ้ม ทั้งฝ่ายคนดีและคนชั่ว โดยมีเหล่านักเก็บกวาดขยะอยู่ตรงกลาง รอเลือกข้างว่าจะเอา เงิน หรือ คุณธรรม

ดูเหมือนว่านับวัน ยิ่งได้เห็นหนังเกาหลีใต้ มีความหลากหลายและก้าวออกไปไกล ห่างบ้านเรามากขึ้นทุกที ตอนนี้พวกเขามีหนังแอคชั่นไซไฟอวกาศ ออกฉายในระบบสตรีมมิงของ Netflix เรื่องราวของกลุ่มนักเก็บขยะนอกโลก กับหนังเรื่องใหม่ Space Sweepers หรือชื่อไทย ชนชั้นขยะปฏิวัติจักรวาล ไซไฟอวกาศแบบเต็มขั้น อีกหนึ่งที่พัฒนาการด้านภาพยนตร์จากเกาหลีใต้ ที่จะพาทุกคนไปตะลุยจักรวาล กับภารกิจสุดว้าวซ่า ของเหล่าแก๊งคนเก็บขยะอวกาศ ผ่านพล็อตที่ว่าด้วยเรื่องราวของภารกิจที่เกี่ยวข้องกับเด็กน้อยคนหนึ่ง

หนังมีส่วนที่ทำให้รู้สึกว้าวอยู่พอสมควร คือพล็อตเรื่องที่ชวนให้นึกถึงภาพยนตร์เรื่อง Guardian Of The Galaxy อยู่บ้างนะ ด้วยเป็นหนังไซไฟอวกาศ ที่ไม่ได้หนีห่างจากเรื่องราวการกอบกู้โลกมากนัก แต่หากใครที่ไม่เคยดูมาก่อนก็คงไม่มีปัญหา เพราะถึงอย่างไรตลอดทั้งเรื่องก็ไม่ได้มีจุดไหนชวนง่วงหรือขอตัวไปทำอย่างอื่นก่อน แล้วค่อยกลับมาดู ยิ่งช่วงกลางเรื่องไปจนจบยิ่งสนุก จนไม่อยากลุกไปไหน แอบคิดในใจว่าหากฉายในโรงภาพยนตร์ ได้ดูบนจอใหญ่ๆ เสียงดังกระหึ่มคงสนุกฉิบหาย

อาจยังไม่ใช่หนังที่ชื่นชมได้แบบอวยสุดลิ่ม แต่เราก็ได้เห็นความสามารถ และศักยภาพของหนังเกาหลี ว่าไปฟัดกับโลกได้จริงๆ ไม่ว่าจะตระกูลหนังล่ารางวัล หรือตอนนี้หนังบันเทิง CG แบบเต็มสูบ ขนาดว่าทรงดีมากๆ ถ้าอุตสาหกรรมหนังเกาหลี ต่อยอดได้จริงจัง เราจะเห็นหนังไซไฟ หนังอวกาศที่ดราม่าเข้มๆ สไตล์เกาหลี เต็มทั้งตา ตรึงทั้งใจ แน่นอนเมื่อนั้นล่ะหนังเกาหลีจะเบียดขึ้นแนวหน้า ของหนังตระกูลไซไฟ ที่มหาอำนาจภาพยนตร์ฝั่งตะวันตกครองที่นั่งมายาวนานก็เป็นได้ สำหรับเรื่องนี้ หนังสนุกดี ชมได้เพลินมากๆ แอดขอบอก

โดยรวมแล้ว ต้องยอมรับจริงๆว่านี่คืองานเอาไปโม้ เอาไปกระทบไหล่ หนังบล็อกบัสเตอร์ได้เลยทีเดียว ขนาดว่าดูผ่านจอทีวียังรู้สึกได้ ไม่ต้องคิดว่าถ้าได้ฉายในโรงจะเพิ่มอรรถรสภาพกับเสียงไปได้อีกเท่าไร น่าเสียดายว่าพิษโควิด-19 ทำให้อดชมในโรง [ แต่ในเรื่องที่ร้ายก็มีเรื่องที่ดีเหมือนกัน ]หนังได้ลงเน็ตฟลิกซ์ ดูพร้อมกันทั่วโลกแทน ติดตามความสนุกของหนังไซไฟอวกาศเรื่องแรกจากเกาหลีใต้ใน Space Sweepers ชนชั้นขยะปฏิวัติจักรวาล ทั้งพากษ์ไทยและบรรยายไทยได้แล้วทาง Netflix นับเป็นหนังดีอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดจริงๆ

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว Netflix 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว หนัง GHOSTS OF WAR โคตรผีดุแดนสงคราม

หลอกแล้ว หลอกอีก เมื่อทหารสงครามโลก ติดกับดักบ้านผีสิง [ ไม่สอยเท่าไหร่ ]

รีวิว หนัง GHOSTS OF WAR โคตรผีดุแดนสงคราม ปี 1944 ในช่วงที่การสู้รบระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตร และนาซีกำลังถึงจุดสิ้นสุด ทหารอเมริกัน 5 นาย ได้รับภารกิจปกป้องคฤหาสน์เก่าแก่แห่งหนึ่งในฝรั่งเศสจากการโจมตีของนาซีเยอรมัน แต่พวกเขาต้องเจอกับเหตุการณ์ลึกลับ ชวนขวัญผวาที่พัวพันกับเรื่องราวเหนือธรรมชาติ และการหลอกหลอนของคฤหาสน์หลังนี้ ก็เรียกได้ว่า จัดเต็มมาตั้งแต่ เสียง ร่องรอยปริศนาที่ชวนจินตนาการความโหดร้ายที่เคยบังเกิด การผลุบ ๆ โผล่ ๆ ของวิญญาณ ภาพถ่ายสุดหลอนของครอบครัวเจ้าบ้าน รวมถึงมุกการหลอกที่อาจไม่แปลกจากหนังผีที่เคยชม แต่ก็ได้ผลในการดึงความสนใจเราได้ตามสูตรสำเร็จอยู่ดี ว่าเงื่อนไขการหนีตายเอาชีวิตรอดจากคำสาปเหล่านี้ แท้จริงคืออะไรกันแน่?

GHOSTS OF WAR เป็นหนังเซอไพรส์ที่สุด ที่ดูจบแล้วอึ้งไปพักหนึ่ง ว่าเราควรจะรู้สึกยังไงกับหนังเรื่องนี้ดี เพราะมันเซอไพรส์สุดๆ และอึ้งกับตอนจบ เป็นหนังสยองขวัญที่มีจังหวะ Jump Scare หรือ ผีตุ้งแช่เยอะมากๆ ทั้งมาแบบแอบๆ หลอนๆ และมาแบบให้ตกใจเลยจริงๆก็มี แต่มันดันมีบางฉากที่รู้สึกว่า หนังมันทำให้ขำมากกว่า ซึ่งส่วนตัวแล้วแอดรู้สึกว่ามันไม่ใช่จุดพลาด แบบตั้งใจให้กลัวแต่ดันขำ คือ มันขำจริงๆ และได้อารมณ์ล้อหนังสยองขวัญด้วยหน่อยๆ แต่ในขณะเดียวกันตัวหนังเอง ก็เป็นหนังสยองขวัญด้วย ทำให้บางช่วงรู้สึกแปลกๆ ว่าจะให้กลัวหรือจะให้ขำ แอบรู้สึกมันมีความอาร์ทเบา ๆ

เป็นหนังผีที่พล็อตเรื่องโคตรล้ำ คาคเดาไม่ได้ ผีก็แบบน่ากลัวพอใช้ได้เลย ฉากตุ้งแช่ค่อยข้างเยอะพอสมควร แถมได้ผลเกือบจะทุกอย่าง ทำคนดูสะดุ้งกันเป็นแถว แล้วยิ่งบวกไปกับบรรยากาศหนังที่เล่าย้อนไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทหาร 5 นาย ต้องปกป้องคฤหาสน์ร้าง ยิ่งทำให้หนังดูขนลุกขึ้นไปอีก ฉากต่างๆของหนังก็ทำได้ดีสามารถพาคนดูย้อนไปเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ช่วงนั้นได้เลย แต่เอาจริงๆแล้วเนื้อเรื่องของหนังไม่ค่อยมีอะไรเลย ชอบในความที่หนังทำออกมาให้คาคเดาไม่ได้เนี้ยล่ะ เป็นหนังผีที่เยี่ยมเลย นอกจากนั้นยังมีมุกตลกแทรกมาในหนังด้วย เพื่อไม่ให้คนดูกลัวผีจนเกินไป

หนังเต็มไปด้วยปริศนาหลายอย่าง ที่ทำให้เราอยากรู้ และสงสัยเพิ่มมากขึ้น ก่อนจะเฉลยด้วยฉากจบที่อาร์ทที่สุดแห่งปี จนเครดิตขึ้นแล้วเรายังนั่งนิ่ง ๆ ไปอีกพักใหญ่ๆ เชื่อว่าถ้าบางคนไม่ชอบ ก็อาจจะเกลียดไปเลย แต่ส่วนตัวแอดเฉยๆนะ แอดว่ามันก็แนวดี เพราะ GHOSTS OF WAR ก็เดินเรื่องมาแบบกลางๆ ดูเพลินๆ น่ากลัวบ้าง ขำบ้าง มาตลอดทั้งเรื่อง จะจบแบบแหกขนบไปบ้างก็น่าจดจำดี ว่ามีคนกล้าทำแบบนี้ด้วย

นี่เป็นหนังสงครามแบบสยองขวัญที่มีความไม่ดาดดื่น ได้ทั้งบันเทิงแบบตลาด ๆ และข้อคิดแบบเหนือ ๆ ใครชอบความท้าทายและการหักมุมแบบเกิดคาดเดา แอดก็อยากแนะนำใครที่อยากสัมผัสหนังผีเนื้อเรื่องสุดล้ำแบบนี้ GHOSTS OF WAR โคตรผีดุแดนสงคราม ไม่ควรพลาดเลยล่ะห้ามพลาดเด็ดขาด

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว ภาพยนตร์

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

รีวิว อนิเมะThe King’s Avatar เทพยุทธ์เซียนกลอรี่

สู่การแข่งขัน E-Spot สุดยิ่งใหญ่เพื่อชิงความเป็นหนึ่ง กับ เรื่องราวในอดีตของชายผู้ได้รับฉายาว่า เทพแห่งวงการกลอรี่ [ ไม่สปอยนะ ]


รีวิว อนิเมะThe King’s Avatar เทพยุทธ์เซียนกลอรี่ สุดยอดเกมส์ ที่เป็นเกมส์ E-Spot ระดับประเทศ และฮิตที่สุดในประเทศจีน ทุกคนในจีนต่างก็ต้องรู้จักเกมส์นี้ เยี่ยชิว นักกีฬา E-Sports ระดับเซียนของเกม Glory จนถูกเรียกขานว่าเป็น เทพสงคราม ซึ่งตัวเขาอยู่สโมสร เจียซื่อ ตัวเขานั้นก็เป็นถึงหัวหน้าของทีมเจียซื่อ แต่แล้วเขาก็ถูกบังคับให้ออกจากการเป็นหัวหน้าทีม เขาจึงเลือกที่จะวางมือ เพื่อลาออกจากการเป็นสมาชิกทีมเจียซื่อ เพื่อไปตั้งสโมสรและทีมใหม่ของตัวเอง เพื่อก้าวสู้การเป็นแชมป์เกมส์กลอรี่อีกครั้ง

จากนิยายบนโลกออนไลน์ยอดฮิต สู่การเป็นอนิเมะ E-Sports สุดอลังการเขียนโดย หูเตี๋ยหลาน ซึ่งในไทยใช้ชื่อว่า เทพยุทธ์เซียนกลอรี่ เล่าเรื่องราวผ่านตัวละครที่ชื่อว่า เยี่ยชิว นักกีฬา E-Spot มืออาชีพ แห่งสโมสรเจียซื่อ ผู้เป็นตำนานแห่งวงการเกมกลอรี่ เขาได้สร้างตัวละครระดับเทพ อี๋เยี่ยจือชิว คว้าแชมป์ถึง 3 สมัย

เนื้อเรื่องทำออกมาได้ดีมากๆ ซึ่งในอนิเมะก็จะเป็นตอนที่กำลังหาสมาชิกเข้าทีม ซึ่งเรื่องนี้สิ่งที่ทำให้สนใจ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นช่วงที่เล่นเกมส์เพราะเข้าเกมส์มาทีไร ต้องไปเจอสิ่งที่ต้องสู้ จึงทำให้เราอยากติดตาม เนื่องจากตอนสู้กันนี้โครตมันส์เลยขอบอก และเรื่องนี้ข้อคิดก็ค่อนข้างเยอะ ทำให้เราเรียนรู้อะไรมากขึ้น แถมพระเอกก็เทพสมฉายาจริงๆ

การเล่าเรื่อง การใส่ประเด็นดราม่า ที่หนักหน่วงเข้มข้นลงไป ทั้งด้วยการเล่า และเพลงประกอบ ที่โคตรบิลด์อารมณ์สุดๆ แอดพบว่าในเรื่องมันมีหลายโมเม้นท์ที่ผู้สร้างได้ใส่ลงไป ต่อให้บางจุดมันเดาทางง่าย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกของการลำดับเรื่องลดลง แถมการปูจักรวาล E-Spot เกมส์กลอรี่ในเรื่อง นั้นทำให้คนนอกอย่างแอดเข้าถึงมันได้ และเข้าใจในจักรวาลของเกมส์กลอรี่คร่าวๆ ขึ้นมาได้ไม่ยากด้วย ตรงนี้ยอมรับเลยว่าทำบทมาดีจริงๆ

การต่อสู้ ฉากแอคชั่น จัดเต็มลื่นไหล สมกับเป็นหนึ่งในทีมงานผู้สร้างนารุโตะเวอร์ชั่นอนิเมะ ทุกซีนแอคชั่นดูแล้วสนุก [ เหมือนดูพวก Fate พวก SAO อะไรแนวๆนั้น ] แม้ว่าบางซีนจะรวดเร็ว แต่สิ่งที่ต้องการสื่อก็ไม่ได้หายไป ดูเอามันส์ การโชว์กึ๋นของมหาเทพเยี่ยเทพจริงๆ ได้เห็นเท่านี้ก็อิ่มเอมแล้ว

คุณภาพทุกอย่างดูดี เกมส์เมอร์ทั้งหลายถ้ามีเวลาควรดูนะครับ เพราะ The King’s Avatar: For the Glory นี้มีมุมมองถึง E-Spot ค่อนข้างมาก แล้วก็นำเสนอได้ดี ถ้าเราต้องการให้วงการ E-Spot เป็นที่ยอมรับเราต้องเล่นมันให้ดี พัฒนามันให้ดี ไม่ต้องไปโวยวายเรียกร้องอะไร เพราะคนที่ไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจครับ เราต้องดึงให้เขาเข้าใจอย่าไปหัวร้อนใส่ ห้ามพลาดเด็ดขาดกับ The King’s Avatar เทพยุทธ์เซียนกลอรี่

ติดตามเว็บรีวิวหนังได้ที่ รีวิว อนิเมะ 

ติดตามแฟนเพจได้ที่ FB : Blusterfilms

1 13 14 15 16 17 19